มัจฉทานชาดก ชาดกว่าด้วยการให้ข้าวเป็นทานแก่ปลา

เมื่อมานพผู้พี่เอาเศษอาหารให้ปลาแล้ว ก็ตั้งจิตอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้แก้เทพยดาฟ้าที่สิงสถิตอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ ส่วนเทวดาผู้รักษาน้ำได้อนุโมทนารับส่วนกุศล ที่มานพผู้พี่อุทิศมาให้ ลาภยศอันเป็นทิพย์ก็บังเกิดขึ้นแก่ตน พ่อค้าผู้พี่เมื่ออุทิศส่วนกุศลเรียบร้อยแล้วก็เอาผ้าห่อปูริมแม่น้ำลงนอนพักหลับไป https://dmc.tv/a25470

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 18 ต.ค. 2562 ] - [ ผู้อ่าน : 18257 ]

ชาดก 500 ชาติ

มัจฉทานชาดก-ชาดกว่าด้วยการให้ข้าวเป็นทานแก่ปลา

บรรยากาศยามเช้าในตลาดกลางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ณ แคว้นโกศล

บรรยากาศยามเช้าในตลาดกลางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ณ แคว้นโกศล
  
     ณ แคว้นโกศล ทุกเช้าในตลาดกลางหมู่บ้านจะคึกคักด้วยผู้คน ชาวบ้านชาวเมืองที่ออกมาจับจ่ายใช้สอย บ้างก็ซื้อของเพื่อทำอาหาร บ้างก็สนทนาทักทายพูดคุยกัน
อย่างสนุกสนาน บางครั้งก็จะมีพ่อค้าจากต่างเมืองนำของมาขาย ซึ่งมักจะเป็นที่สนใจของชาวบ้านอยู่เสมอ
 
พ่อค้าต่างเมืองนำผ้าหลากสีสันมาขายในตลาดยามเช้า
 
พ่อค้าต่างเมืองนำผ้าหลากสีสันมาขายในตลาดยามเช้า
 
     เพราะของเหล่านั้นล้วนเป็นของหายาก ครั้งนั้นได้มีพ่อค้าคนหนึ่งได้นำผ้าจากต่างเมืองมาขาย ผู้หญิงทั้งวัยสาววัยใหญ่เดินมาเลือกหยิบดูอย่างสนใจ “ เชิญเลยครับ เชิญมาเลือกซื้อ
เลือกหากันได้เลย ผ้าสวย ๆ เนื้องาม ๆ จากต่างเมือง มาซื้อครั้งนี้ก็ต้องชวดไปอีกหลายเดือนเลยนะครับพ่อแม่พี่น้อง มีของดีหายากมากมายให้เลือกกันแล้ว ”
 
มีสาวน้อยสาวใหญ่มาเลือกชมและเลือกซื้อผ้าของพ่อค้ากันอย่างคับคั่ง
 
มีสาวน้อยสาวใหญ่มาเลือกชมและเลือกซื้อผ้าของพ่อค้ากันอย่างคับคั่ง
 
     “ เธอ ๆ ดูนี่ซิ ผ้าผืนนี้สวยจังเลยเนอะ สีสวยถูกใจ เนื้อผ้าน่าจะใส่สบายน่ะ เธอว่าฉันใส่สีนี้แล้วจะสวยไหม ” “ อือ ก็สวยดีนะ แต่ผืนนั้นก็สวยเหมือนกันนะ เธอใส่แล้วน่าจะสวย
แล้วฉันล่ะ ควรจะเอาสีไหนดีล่ะ พ่อค้าแต่ราคามันสูงไปหรือเปล่า ” “ โอ้ย เนื้อผ้าดีอย่างนี้ก็ถูกสุด ๆ แล้วจ้า ซื้อไปเถอะ นี่กำไรนิดหน่อยเป็นค่าเดินทางแค่นั้นเอง ”

พ่อค้าขี้โกงมักจะนำผ้าราคาถูกมาย้อมสีใหม่แล้วจะขายในราคาที่แพงมากขึ้น
 
พ่อค้าขี้โกงมักจะนำผ้าราคาถูกมาย้อมสีใหม่แล้วจะขายในราคาที่แพงมากขึ้น
 
     พ่อค้าขี้โกงรายนี้ มักจะหาผ้าราคาถูก ๆ บ้างก็เป็นผ้าเก่าที่ขายไม่ได้ นำมาย้อมสีใหม่ ตกแต่งให้ดูสวย แล้วมาตีราคาให้เป็นผ้าเนื้อดี หลอกลูกค้าว่าเป็นผ้าจากต่างเมือง
เนื้องามหายาก ตั้งราคาไว้สูงกว่าความเป็นจริง ทำให้เค้าได้กำไรมากมาย ผ้าพวกนั้นเมื่อคนซื้อไปแล้ว บ้างซักแล้วก็สีตก บางผืนเมื่อใส่ได้ 2-3 ครั้งก็ยับยู่ยี่
 
พ่อค้าขายผ้าได้กำไรอย่างมากมายเพราะความขี้โกงของเขา
 
พ่อค้าขายผ้าได้กำไรอย่างมากมายเพราะความขี้โกงของเขา
 
     บ้างก็หดบ้างก็ยืดไม่ได้คุณภาพสมราคาเลยสักผืน ลูกค้าที่ซื้อไปต่างไม่พอใจกันสักราย ครั้นจะนำไปคืนหรือต่อว่าพ่อค่ารายนี้ก็สายไปเสียแล้ว เพราะพ่อค้าอยู่ขายผ้า
ในแต่ละเมืองแค่ไม่กี่วัน เค้าก็เดินทางไปขายต่อที่อื่นอยู่เรื่อย ๆ “ พ่อค้าขายผ้าคนนั้นย้ายไปขายเมืองอื่นแล้วเหรอ แหมมันน่านักเชียว
 
ผ้าที่ซื้อมาจากพ่อค้าซักแล้วสีตกเนื้อผ้าก็หด
 
ผ้าที่ซื้อมาจากพ่อค้าซักแล้วสีตกเนื้อผ้าก็หด
 
     หลอกให้เราซื้อผ้าตั้งแพง ดูสิใส่ไป 2-3 วัน ผ้าก็หด ไม่ได้รูปเลย น่าโมโหนัก ” “ นั่นนะสิ ของฉันยังไม่ได้ใส่เลย เอาไปซักสีตกน่าเกลียด เอามาใส่แทบไม่ได้ คอยดูนะ
ถ้ามาอีกเนี่ย แม่จะด่าให้ดูเลย ” 3-4 เดือนผ่านไปพ่อค้าขี้โกงคนเดิมก็เข้ามาขายของในแควันโกศลอีกครั้ง
 
ชาวบ้านที่ซื้อผ้าจากพ่อค้าขี้โกงต่างเจอปัญหาผ้าสีตกและเนื้อผ้าหดแบบเดียวกันทุกราย
 
ชาวบ้านที่ซื้อผ้าจากพ่อค้าขี้โกงต่างเจอปัญหาผ้าสีตกและเนื้อผ้าหดแบบเดียวกันทุกราย
 
     แต่ทว่าครั้งนี้เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสียใหม่ สินค้าที่นำมาขายก็เปลี่ยนไป ทำให้ชาวบ้านที่เคยโดนหลอกให้ซื้อของแพงจำไม่ได้ “ เครื่องประดับสวย ๆ งาม ๆ
จากต่างเมืองจ้า เชิญเลือกเข้ามาดูกันได้เลยนะจ๊ะ ไม่ซื้อไม่ว่า แต่ขอให้เข้ามาดูกันก่อนนะจ๊ะ สวย ๆ ทั้งนั้น 
 
พ่อค้าขี้โกงปลอมตัวเองและกลับมาขายสินค้า ณ แคว้นโกศลอีกครั้งหลังจากหายไปนาน
 
พ่อค้าขี้โกงปลอมตัวเองและกลับมาขายสินค้า ณ แคว้นโกศลอีกครั้งหลังจากหายไปนาน
     
     ใส่แล้วก็ทำให้คนใส่สวยไปด้วยนะจ๊ะ เชิญเข้ามาดูกันก่อนเลยจ้า ” ครั้งนี้พ่อค้าขี้โกงก็ค้าขายได้ผลกำไรงามได้อีกเช่นเคย ไม่มีใครข้องใจในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“ ชาวบ้านแถวนี้นี่โง่จริง ๆ เลย มาที่ไรก็หลอกได้ทุกที ฮ่า ฮ้า ฮ่า กำไรงามดีนัก

พ่อค้าขี้โกงนำเครื่องประดับมาหลอกขายชาวบ้าน
 
พ่อค้าขี้โกงนำเครื่องประดับมาหลอกขายชาวบ้าน
 
     ครั้งหน้าจะเอาอะไรมาหลอกขายดีน่ะ รีบนอนดีกว่าพรุ่งนี้ต้องรีบออกเดินทางแต่เช้า เดี๋ยวเกิดแม่สาวที่ซื้อเครื่องประดับพวกนั้นจำได้ว่าเราเอาของปลอมมาขาย
มีหวังจบเห่แน่ ” เมื่อพ่อค้าขี้โกงเดินทางออกจากเมืองไปแล้ว ก็ตระเวนไปหลอกขายของจากที่อื่น ๆ อีก
 
พ่อค้าขี้โกงขายเครื่องประดับได้กำไรงามอีกเช่นเคยเหมือนครั้งที่ค้าขายผ้า
 
พ่อค้าขี้โกงขายเครื่องประดับได้กำไรงามอีกเช่นเคยเหมือนครั้งที่ค้าขายผ้า
 
     เมื่อผ่านไป 2-3 เดือนก็กลับมาขาย ณ ที่เดิมอีก วนเวียนอยู่หลายครั้งจนชาวบ้านนำมาเล่าแล้วบอกต่อ ๆ กัน เพื่อป้องกันการโดนหลอกอีก ครั้งนั้นพระศาสดา
เสด็จประทับในพระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศลได้ทราบเรื่องราวของพ่อค้าขี้โกงคนนี้จึงได้ตรัสอดีตนิทาน มัจฉทานชาดก ดังต่อไปนี้
 
ชาวบ้านได้บอกเล่าต่อๆ กันถึงเรื่องราวของพ่อค้าขี้โกงที่ชอบนำสินค้าไม่ดีมาหลอกขาย
 
ชาวบ้านได้บอกเล่าต่อๆ กันถึงเรื่องราวของพ่อค้าขี้โกงที่ชอบนำสินค้าไม่ดีมาหลอกขาย
  
     กาลครั้งหนึ่ง ณ เมืองพาราณสี แคว้นกาสี ยังมีมานพสองพี่น้องเกิดในตระกูลพ่อค้า เมื่อเติบโตขึ้นมาก็เป็นพ่อค้าเช่นเดียวกับตระกูล เขาทำงานเก็บออมเงินทองไว้
ตามอย่างผู้เป็นบิดา มานพหนุ่มผู้เป็นพี่ ทำการซื้อขายอย่าซื่อสัตย์สุจริต นำของดีมีคุณภาพมาขายในราคายุติธรรม
 
พระศาสดาทรงนำเรื่องราว มัจฉทานชาดก มาตรัสเล่าแก่เหล่าภิกษุสงฆ์    

พระศาสดาทรงนำเรื่องราว มัจฉทานชาดก มาตรัสเล่าแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
     ทำให้มีลูกค้าประจำมาซื้อของจากเขามากมาย แม้กำไรที่ได้ต่อชิ้นจะมามากมายนัก แม่เมื่อมีลูกค้ามาซื้อมากมายและต่อเนื่องจึงทำให้เขาค้าขายได้ดี มีเงินเก็บออม
มากมาย ส่วนคนน้องนั้นเล่า เป็นพ่อค้าขี้โกง มักจะเอาเปรียบลูกค้า

บ้านมานพสองพี่น้องตระกูลพ่อค้า ณ เมืองพาราณสี แคว้นกาสี
 
บ้านมานพสองพี่น้องตระกูลพ่อค้า ณ เมืองพาราณสี แคว้นกาสี
  
     ด้วยการค้าขายเกินกำไร เอาของราคาถูกไม่มีคุณภาพมาขาย บ้างก็ตีราคาสินค้าสูงเกินคุณภาพ จึงทำให้เขาได้กำไรมากมายในการขายของแต่ละครั้ง แต่ไม่มีใคร
ที่จะเป็นลูกค้าเจ้าประจำของเขาเลยสักราย ต่อมาบิดาของมานพทั้งสองตายไป
 
พ่อค้าผู้เป็นพี่ชายซึ่งมีนิสัยซื่อตรงค้าขายโดยสุจริตขายสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ
 
พ่อค้าผู้เป็นพี่ชายซึ่งมีนิสัยซื่อตรงค้าขายโดยสุจริตขายสินค้าที่ดีและมีคุณภาพ
 
     มานพทั้งสองได้จัดฌาปนกิจศพบิดาจนเสร็จ แล้วก็ช่วยกันจัดการค้าขายในบ้านต่อจากผู้เป็นบิดาต่อไป เมื่อจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในบ้านจนเข้าที่แล้ว มานพผู้พี่
ก็คิดถึงหนี้สินเรื่องต่าง ๆ ที่มีคนมาขอยืมจากผู้เป็นบิดา จึงคิดจะไปทวงคืน
 
พ่อค้าผู้เป็นน้องชายซึ่งมีนิสัยขี้โกงขายสินค้าที่ด้อยคุณภาพและราคาสูงเกินจริง
 
พ่อค้าผู้เป็นน้องชายซึ่งมีนิสัยขี้โกงขายสินค้าที่ด้อยคุณภาพและราคาสูงเกินจริง
 
     “ บัดนี้บิดาเรา เพิ่งมาตายไปใหม่ ๆ ผู้คนยังจำเรื่องราวยืมเงินจากบิดาไปได้ ถ้าปล่อยเวลาไปเนิ่นนานผู้คนก็จะลืมหนี้สินของบิดาไปสิ้น เราควรจะรีบไปเก็บเงินพวกนั้น
จากชาวบ้านพวกนั้นเสีย ”  เมื่อคิดได้ดังนั้นมานพผู้พี่ก็ชวนน้องชายไปทวงหนี้ของบิดา หนี้อยู่ตำบลอื่น

บิดาของพ่อค้าหนุ่มทั้งสองได้เสียชีวิตลง
 
บิดาของพ่อค้าหนุ่มทั้งสองได้เสียชีวิตลง
 
     สองพี่น้องจึงลงเรือไปยังบ้านตำบลนั้น “ บิดาของพวกท่านเสียแล้วหรือนี่ น่าเสียดายจริง ๆ ที่เราไม่มีโอกาสได้เคารพศพ ท่าน เงินที่เราได้ยืมจากพ่อของท่านทั้งสอง
เราได้เตรียมมาคืนให้แล้วนะ พร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันไว้ ก็ ๑ พันกหาปณะพอดี ”
 
มานพหนุ่มผู้เป็นพ่อค้าสองพี่น้องได้ลงเรือไปทวงหนี้จากชาวบ้านในอีกตำบลหนึ่ง
 
มานพหนุ่มผู้เป็นพ่อค้าสองพี่น้องได้ลงเรือไปทวงหนี้จากชาวบ้านในอีกตำบลหนึ่ง
 
     “ ขอบใจจ้า งั้นฉันกับน้องลากลับก่อนนะ ต้องเดินทางอีกไกล ” เมื่อทวงหนี้ได้แล้ว มานพสองพี่น้องนำเงินห่อไว้อย่างเรียบร้อย ขณะเดินทางกลับได้แวะจอดเรือที่ท่าน้ำแห่งหนึ่ง
ขึ้นจากเรือไปหาอาหารกินกันอย่างอิ่มหน่ำสำราญ
 
พ่อค้าหนุ่มทั้งสองได้รับเงินจากลูกหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อย
 
พ่อค้าหนุ่มทั้งสองได้รับเงินจากลูกหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อย
 
     “ อาหารร้านนี้อร่อยถูกปากนักนะพี่ ราคาก็ไม่แพงด้วย นี่ถ้าเป็นน้องขายละก็ คิดแพงกว่านี้แน่ ราคาแค่นี้กว่าจะได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ไม่ต้องขายกันเป็นปี ๆ เหรอ ”
“ เจ้าก็ค้าขายเอากำไรเกินเหตุ ขายได้กำไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอแล้ว

พ่อค้าหนุ่มทั้งสองได้แวะทานข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง
 
พ่อค้าหนุ่มทั้งสองได้แวะทานข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง
 
     ขายแพงคนเขาก็ไม่อยากกิน กินแค่ครั้งสองครั้ง เขาก็เข็ดไม่อยากมากินอีก พี่ว่านะ สู้ขายกันไปนาน ๆ ดีกว่า ” พ่อค้าผู้พี่เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว ได้นำข้าวสุกที่เหลือ
เอามาหว่านให้แก่ฝูงปลาเป็นทาน แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เทพยดาฟ้าดินที่สิงสถิตอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้
 
พระโกกาลิกะได้กล่าวหาว่าร้ายพระอัครสาวกทั้งสองต่อหน้าพระพุทธองค์
 
พ่อค้าผู้พี่ได้นำข้าวสุกที่เหลือมาโปรยหว่านให้แก่ฝูงปลา
 
     “ มา มา มา เจ้าปลาทั้งหลายมากินข้าวนี้เถิด ” “ เอ จะเอาข้าวไปให้ปลามันทำไม เสียดายแทนที่จะกินให้หมด ๆ ปลามันอยู่ในน้ำ เดี๋ยวมันก็หากินเองในน้ำนั้นแหละ
เฮ้อ ทำอะไรเสียเวลาจัง พี่เนี่ย ” “ เอาน่า พี่จะให้มันก็เรื่องของพี่  เจ้าไม่ให้ก็อย่าพูดอะไรมากน่ะ ”

เทพยดาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำได้อนุโมทนาในผลบุญที่มานพหนุ่มผู้พี่อุทิศให้ตน
 
เทพยดาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำได้อนุโมทนาในผลบุญที่มานพหนุ่มผู้พี่อุทิศให้ตน
 
      เมื่อมานพผู้พี่เอาเศษอาหารให้ปลาแล้ว ก็ตั้งจิตอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้แก้เทพยดาฟ้าที่สิงสถิตอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ ส่วนเทวดาผู้รักษาน้ำได้อนุโมทนารับส่วนกุศล
ที่มานพผู้พี่อุทิศมาให้ ลาภยศอันเป็นทิพย์ก็บังเกิดขึ้นแก่ตน พ่อค้าผู้พี่เมื่ออุทิศส่วนกุศลเรียบร้อยแล้วก็เอาผ้าห่อปูริมแม่น้ำลงนอนพักหลับไป

ทานข้าวเสร็จแล้วมานพผู้เป็นพี่ชายก็ได้นอนพักเอาแรงก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป
 
ทานข้าวเสร็จแล้วมานพผู้เป็นพี่ชายก็ได้นอนพักเอาแรงก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป
 
      ส่วนน้องชายผู้มีจิตใจละโมบโลภมากอยากได้เงิน ๑ พันกหาปณะเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวจึงคิดวางแผนฮุบเงินนั้นเสียด้วยอุบายแยบยล  “ พี่เอ๋ย หลับให้สบายเถอะ
เดี๋ยวน้องจะเฝ้าถุงเงินนี้ให้เอง ฮะฮ่า เรื่องอะไรเราจะจะแบ่งเงินนี้ให้ท่าน เอาเก็บไว้ใช้คนเดียวดีกว่า ”
 
มานพผู้เป็นน้องชายได้นำก้อนกรวดมาห่อผ้าแล้วนำไปสลับกับห่อเงิน ๑ พันกหาปณะแทน
 
มานพผู้เป็นน้องชายได้นำก้อนกรวดมาห่อผ้าแล้วนำไปสลับกับห่อเงิน ๑ พันกหาปณะแทน
 
     พ่อค้าน้อง เมื่อเห็นพี่ชายนอนหลับสนิทก็นำเอาก้อนกรวดมาผูกไว้ในผ้าให้เหมือนกับห่อผ้ากหาปณะ แล้วเอาไปเปลี่ยนแทนที่ห่อเงินนั้น ถือเอาห่อเงินจริง ๆ มาซ่อนไว้เสีย
“ หึ แผนแรกสำเร็จ ต่อไปแผนสอง รอให้พี่ตื่นมาเสียก่อน ฮิ ฮิ ”
 
พ่อค้าผู้น้องแกล้งทำห่อเงินปลอมตกลงไปในแม่น้ำโดยหารู้ไม่ว่าห่อที่ทิ้งไปเป็นเงินจริง
 
พ่อค้าผู้น้องแกล้งทำห่อเงินปลอมตกลงไปในแม่น้ำโดยหารู้ไม่ว่าห่อที่ทิ้งไปเป็นเงินจริง
 
      เมื่อมานพพี่ชายตื่นขึ้นแล้ว ก็ชวนน้องชายล่องเรือกลับสู่บ้านเรือนของตน ขณะที่เรือมาถึงยังกลางแม่น้ำ น้องชายทำเรือให้โครงเครงแล้วแกล้งทำห่อเงินปลอมตกน้ำไป
แต่กลับหยิบผิด กลับเอาห่อเงินจริงทิ้งลงน้ำไปเสีย “ โอ้ย ๆ ๆ ตายแล้วพี่ชาย เรือโครงเครงไปมา ห่อกหาปณะเลื่อนตกน้ำเสียแล้ว เราจะทำอย่างไรดีล่ะพี่ ”
 
เทพยดาได้บันดาลให้ปลาตัวใหญ่มาหุบห่อเงิน ๑ พันกหาปณะเอาไว้
 
เทพยดาได้บันดาลให้ปลาตัวใหญ่มาหุบห่อเงิน ๑ พันกหาปณะเอาไว้
 
     “ เฮ้อ น้องเอ๋ย ห่อเงินตกในน้ำแล้วแบบนี้ พวกเราจะทำอะไรได้ล่ะ แม่น้ำทั้งกว้างและใหญ่และลึกเหลือเกิน ครั้นจะกระโดดลงไปหาก็คงยาก เจ้าอย่าอาลัยเสียใจไปเลย ตัดใจเสียเถอะ
เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า ” “ แหมมันน่าเสียดายนะพี่ ตั้ง ๑ พันกหาปณะ เฮ้ย แต่ก็อย่างว่าแหละพี่ เราจะทำอะไรได้ ก็คงต้องปล่อยให้มันตกน้ำไป ” (ฮิฮิ เสร็จเรา)
 
พ่อค้ามานพผู้น้องโศกเศร้าและตรอมใจยิ่งนักเมื่อแกะห่อผ้าแล้วเจอก้อนกรวดที่ตนเป็นผู้ห่อไว้
 
พ่อค้ามานพผู้น้องโศกเศร้าและตรอมใจยิ่งนักเมื่อแกะห่อผ้าแล้วเจอก้อนกรวดที่ตนเป็นผู้ห่อไว้
 
     เทวดาผู้รักษาน้ำเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงคิดช่วยเหลือทดแทนส่วนบุญที่พ่อค้าผู้พี่ได้อุทิศมาให้ “ ตัวเราได้อนุโมทนาส่วนบุญที่พ่อค้าผู้พี่ชายอุทิศให้ เราจึงเจริญด้วยลาภยศ
อันเป็นทิพย์ นับว่าพ่อค้าผู้นี้มีบุญคุณต่อเรา เราควรจะต้องรักษาทรัพย์ที่ตกน้ำนั้นไว้ให้เขา ” เทวดาได้บันดาลให้ปลาตัวใหญ่มาหุบเอาห่อเงินกลืนกินเข้าไปในท้อง
 
ชาวประมงทอดแหได้ปลาตัวใหญ่มาก
 
ชาวประมงทอดแหได้ปลาตัวใหญ่มาก
 
     จากนั้นเทวดาก็ติดตามรักษาปลาตัวนั้น เพื่อหาลู่ทางในการนำเงินมาคืนพ่อค้าผู้พี่ได้ในสักวัน เมื่อพ่อค้าทั้งสองกลับมาถึงบ้านแล้ว พ่อค้าผู้น้องรีบเข้าเรือนตน ปิดประตู
ให้เรียบร้อยมั่นเหมาะ แอบเอาห่อเงินที่ซ่อนไว้เปิดออกดู ครั้นเห็นมีแต่กรวดก็รู้ว่าหยิบห่อผิดทิ้งลงน้ำเสียแล้ว จึงเกิดความเสียใจได้แต่นอนซมเซาบนเตียง
 
ชาวประมงออกเร่ขายปลาในราคา ๑ พันกหาปณะ กับอีก ๗ มาสก
 
ชาวประมงออกเร่ขายปลาในราคา ๑ พันกหาปณะ กับอีก ๗ มาสก
 
     เศร้าโศกตรอมใจจนร่างกายผ่ายผอม หน้าตาเศร้าหมองเหมือนคนไข้หนัก ในเวลาเดียวกันนั้น ชาวประมงทอดแหจับปลาตัวใหญ่ได้ นำปลาตัวใหญ่ออกเร่ขายในราคา
๑ พันกหาปณะกับอีก ๗ มาสก ผู้คนที่พบเห็นพอทราบราคาปลาก็ทำท่าหัวเราะ “ อะไรกันพ่อค้า ปลาตัวใหญ่ก็จริงแต่ราคาขนาดนั้น ใครจะซื้อ ปลาอะไรตัวตั้งพันกหาปณะ
กับ ๗ มาสก ลดให้ฉันเหลือแค่ ๗ มาสก ได้ไหมล่ะ ”
 
ชาวประมงได้ขายปลาให้กับพ่อค้าผู้พี่เพียงแค่ ๗ มาสก เท่านั้น
 
ชาวประมงได้ขายปลาให้กับพ่อค้าผู้พี่เพียงแค่ ๗ มาสก เท่านั้น
 
     “ เราลดให้ท่านไม่ได้หรอก สำหรับท่าน ราคาต้องเท่านี้เท่านั้นจ๊ะ ท่านไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราเอาไปขายที่อื่นต่อ ” พ่อค้าปลาเร่ขายปลาราคาเช่นนั้นจนมาถึงบ้านพ่อค้าผู้พี่ชาย
เมื่อมานพผู้พี่ ออกจากเรือนมาดูปลา ชาวประมงจึงเชื้อเชิญให้มานพผู้พี่นี้ซื้อปลาจากเขา “ ท่านจงซื้อปลาตัวนี้จากเราไปเถิด เราขายให้ท่านเพียง ๗ มาสก เท่านั้นเอง ”
“ แล้วถ้าท่านขายให้ผู้อื่นล่ะ ราคาเท่าไหร่ ”
 
ภรรยาของพ่อค้าผู้พี่ผ่าท้องปลาและได้เจอเงิน ๑ พันกหาปณะ ซึ่งเป็นเงินที่เคยหล่นลงน้ำไปนั้นเอง
 
ภรรยาของพ่อค้าผู้พี่ผ่าท้องปลาและได้เจอเงิน ๑ พันกหาปณะ ซึ่งเป็นเงินที่เคยหล่นลงน้ำไปนั้นเอง
 
     “ ถ้าขายให้ผู้อื่นเราจะต้องขายในราคา ๑ พันกหาปณะกับอีก ๗ มาสก แต่สำหรับท่านเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เราจะขายเพียง ๗ มาสก ” มานพผู้พี่ได้ซื้อปลาตัวนั้นจากพ่อค้า
แล้วก็นำมาให้ภรรยานำมาปรุงเป็นอาหาร เมื่อภรรยาผ่าพุงปลาแลเห็นถุงเงินจึงรีบมาบอกสามี ครั้นมานพผู้พี่ไปดูเห็นถุงเงินนั้นมีรอยตราเป็นเล็บของตนก็รู้ว่าเป็นถุงเงินที่ตกลง
ไปในแม่น้ำนั้นเอง “ เจ้าของปลา เมื่อขายปลาให้กับผู้อื่น เรียกราคาปลา ๑ พันกหาปณะกับอีก ๗ มาสก
 
เทพยดาได้เล่าความจริงทั้งหมดให้กับพ่อค้าผู้พี่ได้ฟัง
 
เทพยดาได้เล่าความจริงทั้งหมดให้กับพ่อค้าผู้พี่ได้ฟัง
 
     ครั้นขายให้เราเรียกราคาเพียง ๗ มาสก เท่านั้น ดูเหมือนเขาต้องการจะนำเงิน ๑ พันกหาปณะซึ่งเป็นของเราเอามาคืนเรา เหตุการณ์น่าอัศจรรย์จริงหนอ เพราะเหตุใดเราจึงได้ทรัพย์นี้
คืนมาน่ะ ” เทพยดารักษาน้ำอยู่ตรงนั้นแต่ไม่แสดงกายให้ปรากฎเปล่งเสียงว่า “ เราคือเทพยดาที่รักษาแม่น้ำ เราได้อนุโมทนาส่วนบุญที่ท่านได้ข้าวสุกแก่ปลา และอุทิศให้เรา ทำให้เรา
ได้ลาภและยศอันเป็นทิพย์ เรารู้คุณท่าน จึงช่วยรักษาทรัพย์ที่ตกน้ำ และบันดาลให้ทรัพย์นั้นกลับคืนมายังท่านในบัดนี้
 
พ่อค้าผู้พี่ได้นำเงิน ๕๐๐ กหาปณะ มามอบให้กับน้องชายของตน
 
พ่อค้าผู้พี่ได้นำเงิน ๕๐๐ กหาปณะ มามอบให้กับน้องชายของตน
 
     อนึ่งน้องชายของท่านเป็นคนโกง ประพฤติชั่ว ต้องการหุบเอาเงินบิดาท่านไว้กับตนเพียงคนเดียว จึงแกล้งเอาห่อกาหาปณะปลอมโยนทิ้งแม่น้ำ แต่หยิบผิด หยิบเอาห่อกหาปณะจริงทิ้งไปเสีย
บัดนี้ได้นอนกอดห่อก้อนกรวด นอนซบเซาตรอมใจอยู่บนเตียง ท่านไม่ควรแบ่งเงินนี้ให้แก่น้องชายท่าน โกงขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีจิตทุจริต ประทุษร้ายไม่ซื่อตรงแล้ว ย่อมไม่มีความสุขความเจริญ
ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ใช่แต่เท่านั้น แม้เทวดาทั้งหลายก็ไม่พิทักษ์รักษาผู้มีจิตประทุษร้าย
     
     อนึ่งผู้ใดเป็นผู้กระทำกรรมอันชั่วช้า คิดยักยอกทรัพย์อันเป็นมรดกของบิดามารดาเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว ไม่ปรารถนาจะแบ่งให้กับพี่ชาย เทพยดาทั้งหลายก็ไม่รักษา ไม่บูชาผู้นั้น แลไม่อยากให้
ผู้นั้นเลย ” เทวดาเมื่อพูดเสร็จแล้วก็จากไป มานพผู้พี่ด้วยความสงสารน้องและเห็นแก่ความยุติธรรม เขาไม่อาจทำตามถ้อยคำของเทวดาได้ จึงแบ่งเงิน ๕๐๐ กหาปณะให้น้องชายไป แต่นั้นมา
มานพผู้พี่ก็ทำมาค้าขึ้น เป็นที่รักเจริญใจของผู้คบหาสมาคมด้วย เมื่อสิ้นอายุขัยต่างคนต่างไปตามกรรมของตน
 
 
 
พ่อค้าที่เป็นน้องชายในครั้งนั้น คือพ่อค้าชาวโกศลที่ขี้โกงในคราวนี้
พ่อค้ามานพผู้พี่ เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า


รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ