อันตชาดก ชาดกว่าด้วยที่สุด ๓ ประเภท

อีกาตัวหนึ่งเห็นสุนัขจิ้งจอกกำลังกินซากโคอย่างเอร็ดอร่อย มันจึงแกล้งพูดยกย่องเจ้าจิ้งจอกเพื่อจะได้กินซากโคนั้นบ้าง “ ท่านพญาจิ้งจอกผู้มีร่างกายล่ำสัน องอาจดั่งพญาราชสีห์ ข้าขอนอบน้อมแด่ท่าน ขอให้ข้าได้กินเนื้อนั่นบ้างเถิด ” ฝ่ายสุนัขจิ้งจอกเมื่อได้ยินกากล่าวยกย่องตนดังนั้นก็ชื่นใจ แล้วจึงกล่าวตอบด้วยการยกย่องกาเช่นกัน “ กุลบุตรย่อมสรรเสริญกุลบุตรด้วยกัน ท่านกาผู้มีสร้อยคองามเด่น ดั่งเช่นนกยูง เชิญท่านลงมาจากต้นละหุ่ง มากินเนื้อให้สบายใจเถิด ” https://dmc.tv/a26610

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 7 พ.ย. 2563 ] - [ ผู้อ่าน : 18267 ]

ชาดก 500 ชาติ

อันตชาดก-ชาดกว่าด้วยที่สุด ๓ ประเภท

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
  
        ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะ
ต่างสรรเสริญกันเอง แล้วจึงทรงตรัสพระธรรมเทศนาดังนี้
 
พระโกกาลิกะกล่าวยกย่องคุณของพระเทวทัตเพื่อให้ชาวเมืองพากันเลื่อมใส
 
พระโกกาลิกะกล่าวยกย่องคุณของพระเทวทัตเพื่อให้ชาวเมืองพากันเลื่อมใส
 
        ในครั้งนั้นเมื่อพระเทวทัตเสื่อมลาภสักการะ พระโกกาลิกะซึ่งเป็นศิษย์เอกจึงเข้าไปยังตระกูลทั้งหลาย กล่าวคุณยกย่องพระเทวทัตซึ่งเป็นอาจารย์ของตน
“ พระเทวทัตผู้เป็นอาจารย์ของเรา เกิดในราชวงศ์แห่งพระเจ้าโอกกากราช มีธรรมวิเศษเป็นที่นับถือสักการะของคนทั้งหลาย
 
พระโกกาลิกะมีความกระหยิ่มยิ้มย่องพึงพอใจที่ตนพูดให้คนเลื่อมใสในตัวพระเทวทัตได้
 
พระโกกาลิกะมีความกระหยิ่มยิ้มย่องพึงพอใจที่ตนพูดให้คนเลื่อมใสในตัวพระเทวทัตได้
 
        พวกเจ้าจงยกย่องสักการะอาจารย์ของเรา ” “ แต่ข้าได้ยินว่า พระเทวทัตเป็นที่รังเกียจของหมู่สงฆ์นี่น่า ” “ พวกเจ้าไปฟังมาจากไหน อาจารย์ข้าเป็นที่เคารพ
สักการะย่อมมีคนริษยา ใส่ไฟเป็นธรรมดา แต่อาจารย์ข้าไม่เคยจะเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ ”

พระเทวทัตกล่าวถึงความเป็นผู้รอบรู้ของพระโกกาลิกะให้ชาวเมืองพากันชื่นชมและเลื่อมใส
 
พระเทวทัตกล่าวถึงความเป็นผู้รอบรู้ของพระโกกาลิกะให้ชาวเมืองพากันชื่นชมและเลื่อมใส
 
        “ คงจริงดั่งท่านว่ามา พระเทวทัตช่างน่านับถือโดยแท้ ” “ นั้นแหละ ๆ ว่าแต่วันนี้ พวกเจ้ามีอะไรมาถวายบ้างล่ะ ไหน ๆ ดูสิ ” (ฮ่า ๆ ๆๆ เจ้าพวกโง่ หลอกแค่นี้ก็เชื่อ
อาจารย์ข้าชั่วช้าจะตาย ฮะ ฮ่า ฮ่า ) ฝ่ายพระเทวทัตผู้เป็นอาจารย์ก็กล่าวคุณของพระโกกาลิกะผู้เป็นศิษย์ให้ชาวบ้านทั้งหลายยกย่องนับถือเช่นกัน

พระเทวทัตนั้นรู้ดีว่าพระโกกาลิกะศิษย์ตนนั้นมีความชั่วร้ายพอๆ กับตน
 
พระเทวทัตนั้นรู้ดีว่าพระโกกาลิกะศิษย์ตนนั้นมีความชั่วร้ายพอๆ กับตน
 
       “ พระโกกาลิกะศิษย์ของข้าเกิดในตระกูลพราหมณ์อันสูงส่ง เป็นผู้รอบรู้และมีคุณธรรมสูง พวกเจ้าจงเคารพยกย่องพระโกกาลิกะศิษย์ของเรา ”
“ พระโกกาลิกะ ข้าเคยได้ยินชาวบ้านพูดถึงในทางเสียซะมากว่า ” “ เจ้าพวกโง่ นั้นเป็นการทดสอบความอดทนต่อคำติฉินนินทาของศิษย์ต่างหาก
ศิษย์ของข้าไม่เก็บเอาคำนินทานั้นมาเป็นอารมณ์หรอก ”
 
พระเทวทัตและพระโกกาลิกะหลอกฉันอาหารชาวบ้านโดยการกล่าวอ้างถึงคุณวิเศษของกันและกัน
 
พระเทวทัตและพระโกกาลิกะหลอกฉันอาหารชาวบ้านโดยการกล่าวอ้างถึงคุณวิเศษของกันและกัน
 
        “ ถ้างั้นพวกเราจะให้การเคารพต่อพระโกกาลิกะตามท่านว่า ” “ ดีมาก ๆ ตอนนี้ข้าหิวแล้ว เจ้าจงยกอาหารมาถวายเถิด ” (หึ หึ หึ โง่จริง ๆ เจ้าพวกนี้
ศิษย์ข้าก็ชั่วช้าพอ ๆ กับข้านั้นแหละ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ) พระเทวทัตกับพระโกกาลิกะนั้นต่างกล่าวยกย่องโอ้อวดคุณของกันและกัน
 
ชาวเมืองต่างพากันพูดถึงคุณวิเศษของพระเทวทัตและพระโกกาลิกะ
 
ชาวเมืองต่างพากันพูดถึงคุณวิเศษของพระเทวทัตและพระโกกาลิกะ
 
       เที่ยวหลอกฉันอยู่ในเรือนของชาวบ้านทั้งหลายด้วยประการนี้ “ พวกเจ้ารู้หรือเปล่าว่าพระเทวทัตมาฉันภัตตาหารที่บ้านข้าด้วยนะ ” “ จริงรึ เมื่อวาน
ข้าเพิ่งนิมนต์พระโกกาลิกะมาที่บ้าน ท่านทั้งสองเป็นผู้วิเศษ น่าเคารพจริง ๆ ”
 
หญิงสาวได้นิมนต์พระเทวทัตไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตน
 
หญิงสาวได้นิมนต์พระเทวทัตไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตน
     
        “ ถ้าอย่างนั้นข้าต้องนิมนต์ท่านทั้งสองมาที่บ้านข้าบ้างแล้วล่ะ อุ๊ย พูดถึงก็มาโน่นแล้ว นิมนต์ท่านทั้งสองไปที่บ้านข้านะเจ้าค่ะ ” “ ได้สิ ว่าแต่วันนี้
มีอะไรมาถวายล่ะ ” “ ยังไงก็ให้สมเกียตริของอาจารย์ข้าหน่อยนะ ”
 
พระโกกาลิกะได้ชี้แจงให้หญิงสาวทราบว่าควรจะจัดภัตรให้เหมาะสมกับเกียรติอาจารย์ของตน
 
พระโกกาลิกะได้ชี้แจงให้หญิงสาวทราบว่าควรจะจัดภัตรให้เหมาะสมกับเกียรติอาจารย์ของตน
 
       อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาถึงเรื่องที่พระเทวทัตและพระโกกาลิกะต่างกล่าวถ้อยคำพรรณาคุณอันไม่มีจริงของและกัน
แล้วเที่ยวฉันอาหารอยู่ตามบ้านของชาวบ้าน “ ข้าได้ยินมาว่าพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะ
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายมาประชุมกัน ณ โรงธรรมสภา
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายมาประชุมกัน ณ โรงธรรมสภา
 
        กล่าวยกย่องคุณวิเศษของกันและกันให้ชาวบ้านได้ฟังด้วยล่ะ ” “ ยกหางเก่งทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์เลยนะ ” “ นิสัยน่ารังเกียจทั้งคู่เลย เที่ยวหลอก
ฉันอาหารตามบ้านด้วยการอ้างคุณวิเศษ ” พระศาสดาเสด็จผ่านมา เห็นภิกษุทั้งหลายกำลังจับกลุ่มสนทนากัน

ภิกษุทั้งหลายต่างพูดคุยกันถึงเรื่องของพระเทวทัตและพระโกกาลิกะ
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพูดคุยกันถึงเรื่องของพระเทวทัตและพระโกกาลิกะ
  
        เมื่อทรงตรัสถามและทรงทราบแล้ว จึงตรัสกล่าวกับภิกษุทั้งหลาย “ พระเทวทัตกับพระโกกาละกะต่างกล่าวยกย่องคุณวิเศษของกันและกัน
เพื่อหลอกฉันอาหารของชาวบ้านพระเจ้าค่ะ ” “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายมิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่พระเทวทัตกับพระโกกาลิกะนั้น
 
ภิกษุทั้งหลายได้เล่าเรื่องของพระเทวทัตและพระโกกาลิกะให้พระพุทธองค์ได้ทรงทราบ    

ภิกษุทั้งหลายได้เล่าเรื่องของพระเทวทัตและพระโกกาลิกะให้พระพุทธองค์ได้ทรงทราบ
 
        กล่าวคำพรรณาคุณอันไม่เป็นจริง แล้วบริโภคภัตตาหาร แม้ในกาลก่อนพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะก็บริโภคแล้วเหมือนกัน ” พระศาสดาตรัสกับ
ภิกษุทั้งหลายแล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาทกดังต่อไปนี้

นครพาราณสีในการปกครองของพระเจ้าพรหมทัต
 
นครพาราณสีในการปกครองของพระเจ้าพรหมทัต
  
        ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ที่ต้นละหุ่งในบริเวณบ้านแห่งหนึ่ง ในกาลนั้น
โคแก่ของชาวบ้านตัวหนึ่งได้ตายลง พวกชาวบ้านจึงช่วยกันลากซากโคแก่นั้นไปทิ้งที่ป่าละหุ่ง

พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นรุกขเทวดาสิงสถิตอยู่ในป่าต้นละหุ่ง
 
พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นรุกขเทวดาสิงสถิตอยู่ในป่าต้นละหุ่ง
 
        “ อ้าวเร่งมือหน่อยสิ ซากวัวนี้เหม็นจะตาย ” “ วัวนี่มันเบาซะที่ไหน เจ้าก็ช่วยกันบ้างสิ ” “ เอ้า ถึงซะที่ ทิ้งไว้ตรงนี้เลยก็แล้วกันนะ ” “ เอาละ ขอบใจพวกเจ้ามาก ”
ในป่าละหุ่งนั้นมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งกำลังหิวโซ มันได้ตามกลิ่นซากโคแก่นั้นมาจนเจอ แล้วจึงลงมือกินซากโคนั้น
 
โคแก่ของชาวบ้านตัวหนึ่งได้ล้มตายลง
 
โคแก่ของชาวบ้านตัวหนึ่งได้ล้มตายลง
 
        “ โอ้โห วัวทั้งตัวเลย กินอิ่มไปหลายวันเลยสิเรา ” ขณะที่เจ้าสุนัขจิ้งจอกกำลังแทะกินเนื้อโคอยู่ ก็มีกาตัวหนึ่งบินมาเกาะอยู่บนต้นละหุ่งแล้วมองมาที่ซากโคนั้น
ด้วยหวังจะกินเป็นอาหาร “ อร่อย ๆ คอยดูสิ ข้าจะกินไม่ให้เหลือเลย ฮะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ”

ชาวบ้านช่วยกันลากซากโคแก่ไปทิ้งในป่าละหุ่ง
 
ชาวบ้านช่วยกันลากซากโคแก่ไปทิ้งในป่าละหุ่ง
 
        “ เนื้อวัวนั่นน่ากินจริงๆ แต่เจ้าจิ้งจอกนั่นมันกำลังกินอยู่ แบบนี้ข้าก็อดนะสิ ” กานั้นเมื่อเห็นจิ้งจอกกำลังกินซากโคอย่างเอร็ดอร่อย มันจึงแกล้งพูด
ยกย่องเจ้าจิ้งจอกเพื่อจะได้กินซากโคนั้นบ้าง
 
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งได้ได้ตามกลิ่นเหม็นเน่ามาจนเจอซากโคที่ตายในป่าละหุ่ง
 
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งได้ได้ตามกลิ่นเหม็นเน่ามาจนเจอซากโคที่ตายในป่าละหุ่ง
 
       “ ท่านพญาจิ้งจอกผู้มีร่างกายล่ำสัน องอาจดั่งพญาราชสีห์ ข้าขอนอบน้อมแด่ท่าน ขอให้ข้าได้กินเนื้อนั่นบ้างเถิด ” ฝ่ายสุนัขจิ้งจอกเมื่อได้ยิน
กากล่าวยกย่องตนดังนั้นก็ชื่นใจ แล้วจึงกล่าวตอบด้วยการยกย่องกาเช่นกัน
 
อีกาตัวหนึ่งได้มองเห็นสุนัขจิ้งจอกกำลังกินซากโคอย่างน่าเอร็ดอร่อย
 
อีกาตัวหนึ่งได้มองเห็นสุนัขจิ้งจอกกำลังกินซากโคอย่างน่าเอร็ดอร่อย
 
        “ กุลบุตรย่อมสรรเสริญกุลบุตรด้วยกัน ท่านกาผู้มีสร้อยคองามเด่น ดั่งเช่นนกยูง เชิญท่านลงมาจากต้นละหุ่ง มากินเนื้อให้สบายใจเถิด ” “ แหม ขอบใจท่านมาก
งั้นข้าไม่เกรงละนะ ” เมื่อสุนัขจิ้งจอกเชิญชวนแล้ว

อีกาคิดวางแผนการที่จะพูดกับสุนัขจิ้งจอกเพื่อให้ตนได้กินซากโคนั้นบ้าง
 
อีกาคิดวางแผนการที่จะพูดกับสุนัขจิ้งจอกเพื่อให้ตนได้กินซากโคนั้นบ้าง
 
       กาจึงบินลงมาจากต้นละหุ่ง แล้วจิกกินเนื้อโคนั่นกันกับสุนัขจิ้งจอก “ ท่านกาผู้งามดุจพญาหงส์ กินเยอะ ๆ เลย ข้ายินดีแบ่งให้ ” “ ท่านพญาจิ้งจอก
ผู้ยิ่งใหญ่ดุจราชสีห์ ท่านช่างมีน้ำใจจริง ๆ ”
 
อีกาและสุนัขจิ้งจอกได้พูดยกย่องสรรเสริญซึ่งกันและกัน
 
อีกาและสุนัขจิ้งจอกได้พูดยกย่องสรรเสริญซึ่งกันและกัน
 
        รุกขเทวดาซึ่งอยู่ที่ต้นละหุ่งเห็นกากับสุนัขจิ้งจอกกล่าวยกย่องกันตามที่ไม่เป็นจริงนั้น จึงกล่าวขึ้นว่า “ บรรดามฤคชาติทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เลว
ที่สุด บรรดาปักษีทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ที่เลวที่สุด
 
อีกาและสุนัขจิ้งจอกต่างพากันกินซากโคด้วยความเอร็ดอร่อย
 
อีกาและสุนัขจิ้งจอกต่างพากันกินซากโคด้วยความเอร็ดอร่อย
 
        บรรดารุกขชาติทั้งหลาย ต้นละหุ่งเป็นต้นไม้ที่เลวที่สุด ที่สุดทั้ง ๓ ประเภทมาสมาคมกันแล้ว ” พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว
จึงทรงประชุมชาดกว่า
 
 
รุกขเทวดาได้มองเห็นสุนัขจิ้งจอกและกากล่าวสรรเสริญกันในสิ่งที่ไม่เป็นจริงโดยตลอด
 
รุกขเทวดาได้มองเห็นสุนัขจิ้งจอกและกากล่าวสรรเสริญกันในสิ่งที่ไม่เป็นจริงโดยตลอด
 
 
สุนัขจิ้งจอกในกาลนั้น ได้กำเนิดเป็น พระเทวทัต
กาในกาลนั้น ได้กำเนิดเป็น พระโกกาลิกะ
รุกขเทวดา เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า

 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ