กปิชาดก ชาดกว่าด้วยการโกหกหลอกลวง

ดาบสน้อยกำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูให้แขกผู้มาขอพักหนาว ทันใดนั่นเองพระฤาษีผู้เป็นบิดาก็คว้าคบไฟชิงก้าวตัดหน้าออกไปก่อน “ ช้าก่อนดาบสน้อยของพ่อ อาคันตุกะตัวนี้มิใช่ฤาษีที่ไหนหรอกลูก หากแต่เป็นผู้หลอกลวงเรา ด้วยเอาหนังเสือและชฎาจากซากศพฤาษีที่ตายแล้วมาห่ม หวังพักผิงไฟแก้หนาวก็เท่านั้น ” https://dmc.tv/a26733

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 25 ธ.ค. 2563 ] - [ ผู้อ่าน : 18264 ]

ชาดก 500 ชาติ

กปิชาดก-ชาดกว่าด้วยการโกหกหลอกลวง

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
  
         ภิกษุในพระพุทธศาสนานั้น แม้จะมีพระพุทธวินัยเป็นวัตรปฏิบัติควบคุมอยู่อย่างดีแล้วก็ตาม แต่ด้วยเหตุแห่งกรรมยังทำให้พระศาสนาต้องหมองมัวอยู่บ้าง
เพราะภิกษุบางรูปผิดพระวินัย พระพุทธศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารในพุทธกาลนั้น
 
ภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งผู้ซึ่งชอบประพฤติผิดและขาดศีลข้อมุสาวาท
 
ภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งผู้ซึ่งชอบประพฤติผิดและขาดศีลข้อมุสาวาท
 
        ก็ทรงเคยปรารภถึงภิกษุผิดศีลข้อมุสาวาทผู้หนึ่งที่มาบวชอยู่ในพระศาสนาของพระองค์ ภิกษุรูปนี้เป็นชาวเมืองสาวัตถีเหมือนภิกษุส่วนใหญ่ในมหาวิหารนี้
เป็นสงฆ์ผู้ขาดศีลข้อโกหกหลอกลวงมาตลอดพรรษา และยังกระทำผิดพระพุทธบัญญัติข้อนี้ต่อไป โดยผู้ใดทัดทานก็ไม่ฟัง

เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันเอือมระอากับพฤติกรรมของภิกษุที่ชอบโกหก
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันเอือมระอากับพฤติกรรมของภิกษุที่ชอบโกหก
 
        “ เป็นผู้ทรงศีลแท้ ๆ แต่ยังมุสาโกหกคนเค้าไปทั่ว ช่างไม่บังควรโดยแท้ ” “ ใช่ ๆ ๆ สงสัยจะท่องพระวินัยข้อมุสาวาทไม่ถูก อย่างนี้มันน่าจับสึก
กันให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย ” ทั้งยังแสวงหาประโยชน์จากภิกษุอื่นด้วยการหลอกลวงเป็นอาจิณ
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันเอือมระอากับพฤติกรรมของภิกษุที่ชอบโกหก
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันเอือมระอากับพฤติกรรมของภิกษุที่ชอบโกหก
 
        “ นี่ท่านลาภสักการะของเราล่ะ คฤหัสถ์ที่ทำบุญสั่งว่าให้มาเรียกเอาจากท่าน เอ้า เอามาเร็ว ๆ สิ ทำเป็นหน้า..งงอยู่ได้ เฮ้อ ” “ เล่นกันนิ่ม ๆ เนียน ๆ
อย่างนี้เลยหรือนี่ ไม่ไหว ” หลายครั้งยังกล่าวเท็จกับอุบาสก อุบาสิกาหลอกลวงเอาทรัพย์บ้าง ของกินของใช้บ้าง ตามแต่สถานการณ์จะอำนวย
 
ภิกษุผู้ชอบโกหกมักจะหลอกเอาลาภสักการะจากอุบาสกอุบาสิกาตามวาระโอกาสต่าง ๆ
 
ภิกษุผู้ชอบโกหกมักจะหลอกเอาลาภสักการะจากอุบาสกอุบาสิกาตามวาระโอกาสต่าง ๆ
 
        “ เอ้า เข้ามา ๆ ๆ ๆ เออ เอาของอะไรมาทำบุญล่ะวันนี้ ” “ ลูกจันทร์ ลูกสมอเอาไว้ฉันในฤดูหนาวเจ้าค่ะ ส่วนผ้าห่มยังไม่มีนะเจ้าค่ะ แต่ก็คงจะได้ในเร็ววันนี้
แล้วจะนำมาถวายเจ้าค่ะ ” “ สาธุ อาตมาก็ต้องขออนุโมทนาบุญด้วยนะโยม ....เฮอะ ๆ เป็นไปตามแผน ”
 
ภิกษุที่ชอบโกหกได้หลอกลวงช่างมาก่อเตาผิงไฟให้ตนในฤดูหนาว
 
ภิกษุที่ชอบโกหกได้หลอกลวงช่างมาก่อเตาผิงไฟให้ตนในฤดูหนาว
 
        กระทั่งใกล้ฤดูหนาวคราวหนึ่ง พระภิกษุผู้มุสา ยังกล้าลวงให้คนวรรณะช่าง มาก่อเตาผิงไฟให้ตน โดยพูดให้เข้าใจว่า ทำถวายแก่พระเถระ “ พระเถระหลายรูป
ชราภาพมากแล้ว ถ้าเจออากาศเย็นเข้าไปจะอาพาตได้ โยมมาทำเตาผิงไฟเป็นทานให้แบบนี้ กุศลแรงนะโยม ” “ สาธุ ขอรับพระคุณเจ้า ”

เหล่าภิกษุต่างพากันพูดถึงภิกษุที่ชอบโกหกในเรื่องที่หลอกช่างมาทำเตาผิงไฟ
 
เหล่าภิกษุต่างพากันพูดถึงภิกษุที่ชอบโกหกในเรื่องที่หลอกช่างมาทำเตาผิงไฟ
 
        การแก้หนาวด้วยการลวงอุบาสกในครั้งนี้เป็นเหตุใหญ่ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายมาพบเห็นเข้าก็สุดจะห้ามปรามเพราะเอือมระอา จึงพากันไปเข้าเฝ้ากราบทูล
ต่อพระบรมศาสดาในธรรมศาลาคราหนึ่ง “ เดี๋ยวนี้กล้าหลอกให้ชาวบ้านมาทำเตาผิงไปให้ตัวเองถึงในวัดในวากันเลยหรือนี่ ช่างไม่เกรงอกเกรงใจ
พระบรมศาสดากันบ้างเลย ”
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า กปิชาดก ให้กับบรรดาเหล่าภิกษุสงฆ์ได้ฟัง
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า กปิชาดก ให้กับบรรดาเหล่าภิกษุสงฆ์ได้ฟัง
     
        “ เห็นทีคงต้องแจ้งแก่พระบรมศาสดาซะแล้วละท่าน ขืนปล่อยไว้ชาวบ้านจะเดือดร้อน แล้วศาสนาของพระพุทธองค์จะมัวหมองได้นะท่าน ” “ อืม จริงด้วย
งั้นเรารีบไปกันเถอะ ” สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อสดับว่า ยังมีสงฆ์สาวกผู้บวชในพระพุทธศาสนาอันมีหน้าที่นำเวไนยสัตว์ให้หลุดล่อนออกจากเปลือกตม
แห่งกิเลส
 
แม่น้ำคงคา ณ นครพาราณสี
 
แม่น้ำคงคา ณ นครพาราณสี
 
        พ้นจากกองทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง กลับมาบำเพ็ญผิดหลอกลวงผู้อื่นอยู่อีก ก็ปรารภถึงภิกษุนี้ ตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุนี้ เมื่ออดีตชาติ
ก็เคยเป็นผู้ที่โกหกหลอกลวงต่อนักบวชมาแล้วเหมือนกัน เหตุเพียงเพราะต้องการไฟเท่านั้นเอง ”
 
บ้านของ<a href=http://www.dmc.tv/seach/ครอบครัว title='ครอบครัว' target=_blank><font color=#333333>ครอบครัว</font></a>พราหมณ์ตระกูลหนึ่งในนครพาราณสี
 
บ้านของครอบครัวพราหมณ์ตระกูลหนึ่งในนครพาราณสี
 
        แล้วสมเด็จพระพุทธศาสดาก็รำลึกอดีตชาติของภิกษุผู้นั้นด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณ ตรัสเล่ากปิชาดก ขึ้นดังนี้ พาราณสีนครครั้งอดีต รุ่งเรืองอยู่ริมฝั่งคงคามหานที
ปวงประชาทุกวรรณะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสงบเป็นอันดี ในครั้งนั้นยังมีครอบครัวพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง อยู่กินกันได้ไม่นานก็ให้กำเนิดลูกน้อยเป็นทายาทสืบสกุล

พราหมณ์มณีผู้เป็นภรรยาได้<a href=http://www.dmc.tv/pages/about/page07.html title='เสียชีวิต' target=_blank><font color=#333333>เสียชีวิต</font></a>จากไป
 
พราหมณ์มณีผู้เป็นภรรยาได้เสียชีวิตจากไป
  
        พราหมณ์สามีภรรยาทั้งสองต่างเลี้ยงดูลูก และใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข จนกระทั่งลูกเติบโตเป็นกุมารน้อยวัยกำลังน่ารัก นางพราหมณ์มณีผู้เป็นแม่
และภรรยาของบ้านก็มาจากไป “ ฮือ ฮือ แม่จ๋า แม่จากลูกไปพรมโลกแล้ว ฮือ ฮือ แม่จ๋า ”

พราหมณ์ได้ตัดสินใจยกบ้านและทรัพย์สมบัติของตนให้กับหมู่ญาติ    

พราหมณ์ได้ตัดสินใจยกบ้านและทรัพย์สมบัติของตนให้กับหมู่ญาติ
 
        “ อย่าเศร้าโศกเสียใจไปเลยลูกเอ๋ย บัดนี้แม่ของเจ้าหมดกรรมในชาตินี้แล้ว ทำใจเสียเถิดลูก ” เมื่อทำพิธีปลงศพนางพราหมณ์มณีนั้น ความเป็นอนัตตา
ไม่มีสิ่งใดมีอยู่จริง ทุกสิ่งที่เป็นอนิจจังก็ประจักษ์ชัดแก่ผู้ที่เฝ้ามองดูอยู่ด้านหลัง “ ลูกเอ๋ย เจ้าจงดูเถิดทุกสิ่งมิใช่ของเราเลยจริง ๆ

พราหมณ์ได้ออกบวชเป็นฤาษีหลังจากที่ภรรยาของเขาได้เสียชีวิตจากไป
 
พราหมณ์ได้ออกบวชเป็นฤาษีหลังจากที่ภรรยาของเขาได้เสียชีวิตจากไป
  
        แม้เนื้อหนังมังสาของเราก็ต้องทิ้งไว้เมื่อตายลง ถึงมีทรัพย์มาก เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ก็มิอาจเอาติดตัวไปได้เลยสักชิ้น ช่างเป็นทุกข์ยิ่งนัก ”
หลังจากจัดการเรื่องศพของภรรยาเสร็จสิ้นแล้วพราหมณ์ผู้เป็นสามีก็ตัดสินใจมอบบ้านเรือนทรัพย์สินแก่ญาติและคนรับใช้จนหมดสิ้น
 
ฤาษีและดาบสกุมารน้อยได้สร้างที่พักอาศัยอยู่ในป่าลึก
 
ฤาษีและดาบสกุมารน้อยได้สร้างที่พักอาศัยอยู่ในป่าลึก
 
        “ บัดนี้ ข้าพเจ้าได้สละแล้วซึ่งทรัพย์สิน ความสะดวกสบายทั้งหลาย ทานอันข้าพเจ้าได้กระทำนี้ จงเป็นเครื่องนำสู่ธรรมมะอันสงบในเบื้องหน้าด้วยเถิด ”
เมื่อตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วพราหมณ์ผู้เป็นพ่อจึงจูงมือลูกน้อยมุ่งหน้าสู่ป่า ถือศีลบวชเป็นฤาษี โดยให้บุตรชายบวชเป็นดาบสกุมารน้อย
คอยติดตามไปด้วยกัน

ดาบสกุมารน้อยได้ออกหาผลไม้เพื่อนำกลับไปให้ฤาษีบิดาของตน
 
ดาบสกุมารน้อยได้ออกหาผลไม้เพื่อนำกลับไปให้ฤาษีบิดาของตน
   
        “ ตามพ่อมาเถิดลูกรัก เราทั้งสองจะไปบำเพ็ญภาวนาค้นหาความสุขที่แท้จริงของชีวิตกัน ” “ ขอรับท่านพ่อ ” ฤาษีออกเสาะแสวงหาที่สถานที่อันสงบ
เป็นสัพปายะเข้าที่หนึ่งในแนวป่าหิมพานต์ จึงจัดการปลูกศาลาอาศรมขึ้นหลังหนึ่ง เพื่ออาศัยพักสังขารหลบแดดฝนและปฏิบัติธรรม

ลิงเกเรตัวหนึ่งได้เฝ้าติดตามฤาษีและดาบสน้อยไปทุกหนทุกแห่ง
 
ลิงเกเรตัวหนึ่งได้เฝ้าติดตามฤาษีและดาบสน้อยไปทุกหนทุกแห่ง
 
        ส่วนดาบสน้อยแม้ยังเยาว์วัยนักแต่ก็รู้ประสาเฝ้าปรนนิบัติพระฤาษี คอยหาผลไม้ น้ำดื่มกิน มิได้อนาทรตามพละกำลังตน “ เก็บผลไม้นี่ก็เหนื่อยเหมือนกันแหะ
แต่ก็สนุกดี เอากลับไปให้ท่านพ่อดีกว่า ” จนวันเวลาล่วงเลยมาได้ระยะหนึ่ง

อาศรมที่พักของฤาษีและดาบสน้อยถูรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย
 
อาศรมที่พักของฤาษีและดาบสน้อยถูรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย
 
       ทุก ๆ วันในบริเวณใกล้อาศรมฤาษีนั้นยังมีลิงเกเรตัวหนึ่ง มักแวะเวียนมาคอยสังเกตสังกาดูความเป็นไปของฤาษีและดาบสน้อยอยู่เสมอ แม้ขณะนักบวช
พ่อลูกออกป่าเพื่อหาผลหมากรากไม้เป็นอาหารประทังชีวิต มันก็ยังพยายามเฝ้าติดตามไปแทบทุกแห่ง
 
ฤาษีรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของลิงเกเรที่มารื้อค้นอาศรมของตน
 
ฤาษีรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของลิงเกเรที่มารื้อค้นอาศรมของตน
 
       นับวันลิงตัวนั้นก็ยิ่งเฝ้าดูฤาษีและดาบสน้อยใกล้เข้าทุกที พระฤาษีแม้รู้ทันแต่ก็ไม่ได้แสดงออก ยังคงบำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างสงบต่อไป และแล้ววันหนึ่ง
เมื่อนักบวชพ่อลูกกลับจากป่า ญาณสัมผัสของพระฤาษีก็ล่วงรู้ถึงสิ่งผิดปกติในอาศรมของตน

ฤาษีได้นำหนังเสือมาห่มให้ดาบสน้อยในฤดูหนาว
 
ฤาษีได้นำหนังเสือมาห่มให้ดาบสน้อยในฤดูหนาว
 
        “ เกิดเหตุไม่ดีที่อาศรมของเราแล้วหล่ะ ดาบสน้อยเอ๋ย รีบตามพ่อไปดูกันเถิด ” เมื่อมาถึงก็พบว่าภายในอาศรมถูกรื้อค้นทำลาย ข้าวของกระจุยกระจายไปหมด
“ ท่านพ่อดูสิ เรามาอยู่กันในป่าลึกกันแท้ ๆ ยังมีโจรใจบาปมาขโมยของอีกจนได้ ”

ในช่วงฤดูหนาวฤาษีและดาบสน้อยได้นั่ง<a href=https://www.dmc.tv/pages/meditation/meditation01.html target=_blank title='สมาธิ'><font color=#333333>สมาธิ</font></a>(Meditation)อยู่ในอาศรมของตน
 
ในช่วงฤดูหนาวฤาษีและดาบสน้อยได้นั่งสมาธิอยู่ในอาศรมของตน
 
        “ ช้าก่อนลูกพ่อ เหตุที่เกิดนี้ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์หรอก หากแต่เป็นลิงตัวนั้น มากระทำตามวิสัยของมันต่างหากล่ะ อันวิสัยของลิงป่านั้น เจ้าเล่ห์เพทุบาย
มันทั้งดุร้ายเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่มีความเป็นมิตร เก่งในกิริยาหลอกลวงให้หลงในอาการ จนไม่อาจทายใจของพวกมันได้ถูก
 
ดาบสน้อยได้มองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียงเคาะดังมาจากหน้าประตู
 
ดาบสน้อยได้มองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียงเคาะดังมาจากหน้าประตู
 
        ที่สำคัญนะมักจะกระทำชั่วมักและขโมยให้ผู้อื่นเดือดร้อนอยู่เสมอ ” ครั้นสิ้นวสันตฤดู พิรุณหยาดสุดท้ายก็หยุดลง ลมเหมันก็เริ่มเดินทางมาห่มผืนป่า
อาศรมของฤาษีเองก็มิได้รับการยกเว้น พระฤาษีจึงหยิบเอาหนังเสือโคร่งที่เก็บไว้ออกมาคลุมเฉวียงบ่าให้ดาบสน้อย ปากก็พร่ำสอนว่า

ฤาษีผู้เป็นพ่อห้ามไม่ให้ดาบสน้อยเปิดประตู
 
ฤาษีผู้เป็นพ่อห้ามไม่ให้ดาบสน้อยเปิดประตู
 
         “ นี่ ห่มหนังเสือโคร่งแล้วก็ผิงไฟก็จะได้บรรเทาความหนาวลงได้ แล้วเราก็จะได้นั่งสมาธิบำเพ็ญภาวนากันอย่างอบอุ่นนะลูก ” “ อุ่นขึ้นจริง ๆ ด้วยขอรับท่านพ่อ ”
ฤดูหนาวคราวนั้นพระฤาษีและดาบสน้อยห่อหุ้มร่างกายมิดชิดและก่อกองไฟไล่ความหนาว การดำเนินจิตบริกรรมกสิณในอาศรมอย่างอบอุ่น ราบรื่นมีสมาธิตามปกติ
ต่อเมื่อครั้นมีเสียงดังที่หน้าประตูอาศรม
 
ลิงเกเรซึ่งปลอมฤาษีเป็นตกใจมากเมื่อได้เจอเข้ากับคบไฟ
 
ลิงเกเรซึ่งปลอมฤาษีเป็นตกใจมากเมื่อได้เจอเข้ากับคบไฟ
 
         ดาบสซึ่งเมื่อเข้าสมาธิยังไม่นิ่งสนิทก็มองดูออกไป “ ห๊า มีฤาษีมายืนหนาวสั่นอยู่ ขอเชิญท่านเข้ามาหลบหนาวในบรรณศาลานี้เถิด ” ดาบสน้อยเอื้อมมือเปิดประตู
ให้แขกผู้มาขอพักหนาว ทันใดนั่นเองพระฤาษีผู้เป็นบิดาก็คว้าคบไฟชิงก้าวตัดหน้าออกไปก่อน “ ช้าก่อนดาบสน้อยของพ่อ อาคันตุกะตัวนี้มิใช่ฤาษีที่ไหนหรอกลูก
หากแต่เป็นผู้หลอกลวงเรา
 
ลิงเกเรได้หลบหนีไปและไม่ได้มารบกวนฤาษีและดาบสน้อยอีกเลย
 
ลิงเกเรได้หลบหนีไปและไม่ได้มารบกวนฤาษีและดาบสน้อยอีกเลย
 
        ด้วยเอาหนังเสือและชฎาจากซากศพฤาษีที่ตายแล้วมาห่ม หวังพักผิงไฟแก้หนาวก็เท่านั้น ” เมื่อเจอคบไฟวูบวาบฤาษีปลอมก็กระโดดหนีตามสัญชาติลิงแต่เดิม
เมื่อหลบหนีจนพ้นเปลวไฟแล้ว ลิงนักหลอกลวงแยกเขี้ยวยิงฟันเมื่อมันไม่พอใจ แล้วก็หลบหนีไปจนไกลและไม่กล้ากลับมารบกวนสองนักบวชพ่อลูกอีกเลย
เมื่อตรัสเล่ากปิชาดกจบแล้วสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงประชุมชาดกในพุทธกาลนั้นว่า 
 
 
ลิงเกเร กำเนิดเป็น ภิกษุผู้โกหกหลอกลวง
ดาบสน้อย กำเนิดเป็น พระราหุล
พระฤาษี เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
 

 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ