ลิตตชาดก ชาดกว่าด้วยลูกสกาอาบยาพิษ

นักเลงสกาเมื่อจนมุมก็ใช้แผนเดิม เอาลูกสกาเข้าปากแล้วแกล้งปัดกระดานจนพลิกคว่ำ ลูกสกาหล่นลงบนพื้นกระจัดกระจาย “ อ้าว ลูกสกาหายไปไหนตัวหนึ่งเนี่ย ช่วยกันหาหน่อย อ้าวตายล่ะ มือเผลอไปโดนกระดานเข้า ตาย ตาย ตาย จำไม่ได้แล้วสิ ว่าตัวเล่นอยู่ตรงไหนบ้าง ” ชาวบ้านต่างรู้ว่านั้นเป็นแผนของนักเลงสกาที่ไม่ยอมแพ้ลูกเศรษฐี แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ https://dmc.tv/a27556

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 13 ม.ค. 2565 ] - [ ผู้อ่าน : 18270 ]

ชาดก 500 ชาติ

ลิตตชาดก-ชาดกว่าด้วยลูกสกาอาบยาพิษ

ภิกษุบางกลุ่มเมื่อได้รับจีวรก็นำไปใช้เลยโดยที่ไม่ได้พิจารณาปัจจัย ๔

ภิกษุบางกลุ่มเมื่อได้รับจีวรก็นำไปใช้เลยโดยที่ไม่ได้พิจารณาปัจจัย ๔
  
      ครั้งเมื่อพุทธศาสนาเบ่งบาน ชาวพุทธศาสนิกชนทั้งยากดีมีจน ต่างแห่แหนกันนำภิกษามาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์เพื่อหวังให้ผลบุญ
จากการถวายนี้ส่งผลให้เขาได้ดีมีความสุข ปลอดจากสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ เหล่าภิกษุสงฆ์ เมื่อรับภิกษาต่าง ๆ จากผู้ที่นำมาถวายแล้ว
 
ภิกษุหนุ่มกำลังชื่นชมเนื้อผ้าที่สวยงามของจีวรผืนใหม่
 
ภิกษุหนุ่มกำลังชื่นชมเนื้อผ้าที่สวยงามของจีวรผืนใหม่
 
       ก่อนจะนำมาบริโภคใช้สอยก็จะนำมาก็จะต้องมีการพิจารณาว่าจีวรที่ได้ใส่เพียงเพื่อไว้กันร้อน กันยุง เหลือบ ริ้น ไร อาหารก็ฉัน
เพื่อให้อยู่รอด ผู้ไม่ได้พิจารณาปัจจัย ๔ แล้วบริโภค โดยมากจะไม่พ้นจากนรกและกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน

ภิกษุบางกลุ่มมิได้พิจารณาอาหารและก็เลือกขบฉันเฉพาะสิ่งที่ตนเองชอบ
 
ภิกษุบางกลุ่มมิได้พิจารณาอาหารและก็เลือกขบฉันเฉพาะสิ่งที่ตนเองชอบ
 
        แต่มีภิกษุสงฆ์กลุ่มหนึ่งเมื่อได้รับภิกษาแล้วจะนำมาบริโภคทันที มิได้พิจารณา “ จีวรนี้เพิ่งได้มาใหม่ เนื้องามนัก เวลาใส่ก็เย็นสบาย
ดูสิท่าน ” “ จีวรผืนนี้ก็เหมือนกัน ท่านเศรษฐีนำมาถวาย เห็นว่ามาจากต่างเมืองโน่น ใส่แล้วสบายยิ่งนัก สีก็สวยสด ”

พระศาสดาได้ตรัสถึงโทษของการไม่พิจารณาปัจจัยการใช้สอย
 
พระศาสดาได้ตรัสถึงโทษของการไม่พิจารณาปัจจัยการใช้สอย
 
       ครั้นเวลาฉันก็เช่นกัน ภิกษุกลุ่มนี้ จะเลือกฉันเฉพาะอาหารที่ชื่นชอบ เลือกลิ้มรสเฉพาะรสชาติที่ถูกปาก มิได้พิจารณาว่าฉันเพียงเพื่อให้อยู่รอด
“ อาหารบ้านเศรษฐีนี่ รสดีเหมือนเดิม ทานทีไรก็อร่อย ยิ่งแกงเผ็ดนี่อร่อยอย่าบอกใคร ” “ ใช่ ๆ ไม่เหมือนอาหารของชาวบ้านอื่น ๆ มีแต่ผักขม ๆ
ทานแล้วก็สากลิ้น ” ความประพฤติของกลุ่มภิกษุสงฆ์กลุ่มนี้ เป็นที่เบื่อระอาของภิกษุสงฆ์รูปอื่น ๆ

ลูกเศรษฐีและชาวเมืองในนครพาราณสีต่างโปรดปรานในการเล่นสกากันเป็นจำนวนมาก
 
ลูกเศรษฐีและชาวเมืองในนครพาราณสีต่างโปรดปรานในการเล่นสกากันเป็นจำนวนมาก
        
       “ ภิกษุกลุ่มนี้ ช่างไม่สำรวมเสียเลย บริโภคปัจจัยที่มิได้พิจารณาเช่นนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับปุถุชนธรรมดา ” ครั้นเมื่อเข้าธรรมสภาภิกษุอื่นๆ
ก็หยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุย พระศาสดาทรงทราบเหตุนั้น ตรัสธรรมกถาแก่ภิกษุทั้งหลายโดยปริยายเป็นอันมาก ตรัสถึงโทษในการไม่พิจารณา
ปัจจัยแล้วใช้สอย “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุเมื่อได้รับปัจจัย ๔ แล้ว ไม่พิจารณาบริโภค ไม่ควรเลย
 
ผู้คนต่างต่อคิวกันเล่นสกาใครชนะก็ได้เล่นต่อผู้ที่แพ้ก็ต้องลุกไปเป็นกองเชียร์
 
ผู้คนต่างต่อคิวกันเล่นสกาใครชนะก็ได้เล่นต่อผู้ที่แพ้ก็ต้องลุกไปเป็นกองเชียร์
 
     เพราะฉะนั้นจำเดิมแต่นี้พวกเธอต้องพิจารณา แล้วจึงค่อยบริโภค อนึ่งภิกษุในธรรมวินัยนี้พิจารณาโดยแยบคายแล้วจึงใช้สอยจีวร
เพื่อต้องการปกปิดอวัยวะที่น่าละอาย การพิจารณาปัจจัย ๔ อย่างนี้แล้วบริโภคย่อมสมควร ขึ้นชื่อว่าการไม่พิจารณาแล้วบริโภค
เป็นเช่นกับบริโภคยาพิษที่ร้ายแรงยิ่งใหญ่ ด้วยว่าคนในครั้งก่อนไม่พิจารณา ไม่รู้โทษ บริโภคยาพิษ
 
ลูกเศรษฐีถือเป็นนักเล่นสกามือหนึ่งในนครพาราณสี
 
ลูกเศรษฐีถือเป็นนักเล่นสกามือหนึ่งในนครพาราณสี
 
       ผลที่สุดต้องเสวยทุกข์ใหญ่หลวง แล้วพระองค์ก็ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาทกดังต่อไปนี้ ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ
อยู่ในกรุงพาราณสี มีลูกเศรษฐีครอบครัวหนึ่งโปรดปรานการเล่นสกามาก เขาถือเป็นนักเลงสกามือหนึ่งในนครนั้น ในครั้งนั้นผู้คนต่างนิยมเล่นสกา
กันมาก ไม่ว่าบ้านไหน ๆ ก็จะต้องมีกระดานกับลูกสกาไว้เล่นกันภายในครอบครัว

นักเลงกลุ่มหนึ่งมีนิสัยดุร้ายชอบรังแกผู้อื่นเป็นนิจ
 
นักเลงกลุ่มหนึ่งมีนิสัยดุร้ายชอบรังแกผู้อื่นเป็นนิจ
     
        บางบ้านก็ชวนเพื่อนมาเล่นกันด้วยความสนุกสนาน และหมู่บ้านนั้นจะมีศาลาไว้เพื่อเป็นจุดนัดพบของผู้นิยมเล่นสกา ครั้นเมื่อเล่นในบ้าน
ของตัวเองจนฝีมือเก่งกาจแล้ว บางคนก็มักจะออกมาเล่นกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มีฝีมือไม่แพ้กัน เพื่อจะได้เล่นกันอย่างสนุกสนานมากขึ้น
บางคนที่เล่นไม่เก่งก็อาศัยเป็นกองเชียร์ บ้างก็เล่น บ้างก็เชียร์ลุ้นกันไปอย่างสนุกสนาน
 
กลุ่มนักเลงจะลัดคิวในการเล่นสกาโดยไม่สนใจกฎกติกาใด ๆ
 
กลุ่มนักเลงจะลัดคิวในการเล่นสกาโดยไม่สนใจกฎกติกาใด ๆ
 
        “ โอ้ย แพ้อีกแล้ว ข้าว่าข้าฝึกมาดีแล้วนะเนี่ย เล่นกับเจ้าที่ไรต้องแพ้ทุกที เซ็งชะมัด ” “ ฮะ ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นไรน่า แก้ตัวใหม่ได้ มาคนต่อไป
ที่อยากจะแข็งกับเรา มาเลย ” ธรรมเนียมของผู้เล่นในหมู่บ้านนี้เมื่อมีผู้เล่นมากมายไม่พอกับกระดานเล่นสกา ต้องมีการต่อคิวกันเล่น ใครแพ้
ก็ลุกออกไปเชียร์ ใครชนะก็อยู่ต่อเล่นกับคนต่อไป ทุกคนเล่นผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ เปลี่ยนกันเล่นเปลี่ยนกันดูไปเรื่อย ๆ
 
ชาวบ้านทั้งหลายต่างพากันวิจารณ์ว่านักเลงสกาจะต้องแพ้ลูกเศรษฐีเป็นแน่
 
ชาวบ้านทั้งหลายต่างพากันวิจารณ์ว่านักเลงสกาจะต้องแพ้ลูกเศรษฐีเป็นแน่
 
       แต่ในหมู่คนดีก็ย่อมมีหมู่คนพาล ในครั้งนี้มีนักเลงสกากลุ่มหนึ่ง นิสัยก้าวร้าว เกเร เมื่ออยากได้อะไรก็จะใช้กำลังบังคับ แม้แต่การเล่นสกากับ
คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็เช่นกัน “ เฮ้ย ลูกพี่ข้าจะเล่นสกา ใครฝีมือไม่ถึงหลีกไปเลย ให้ลูกพี่ข้าเล่นก่อน ” “ เฮ้ย ลุกไปให้ข้าเล่นก่อน เจ้าลูกเศรษฐี
เอาชนะข้าให้ได้สักตาสิ ” “ เจ้ามาแย่งเล่นอย่างนี้ได้ยังไง ข้ารอต่อคิวแต่เช้า เพิ่งจะได้เล่น อยากเล่นก็ไปต่อคิวสิ ”

นักเลงสกาแกล้งกลืนลูกสกาลงท้องเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะเล่นแพ้
 
นักเลงสกาแกล้งกลืนลูกสกาลงท้องเมื่อรู้ว่าตนกำลังจะเล่นแพ้
  
        “ เจ้านี่พูดจาตลก ให้คนอย่างข้านี่นะไปเข้าคิว ตลกแล้ว ” “ ไม่เห็นตลกตรงไหน ที่เกลอคนนั้นพูดก็เป็นเรื่องถูกแล้ว ถ้าท่านอยากเล่น
ก็ต้องรอนะ ” เมื่อไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้นักเลงสกาผู้นี้ออกไปได้ ลูกเศรษฐีก็จำใจเล่นด้วย เมื่อเล่นกันไปสักพัก นักเลงสกาก็จนมุม
ไม่ว่าจะพลิกแพลงยังไงก็แพ้ “ ฮะ ฮ่า ฮ่า เป็นยังไงล่ะ เจ้านักเลงกระจอก เอาสิ ไม่ว่าเจ้าจะเล่นไปทางไหนยังไงก็แพ้อยู่ดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”

หลังจากที่แกล้งล้มกระดานนักเลงสกาก็ลุกจากไปโดยที่ไม่สนใจใคร    

หลังจากที่แกล้งล้มกระดานนักเลงสกาก็ลุกจากไปโดยที่ไม่สนใจใคร
 
        “ เอาแล้วไง เตรียมเดินอย่างนี้ แพ้แน่ ๆ พูดอะไรไม่ออกละซิ ” “ เฮ้ย พวกเจ้าเงียบไปเลย ลูกพี่ข้าเสียสมาธิ(Meditation)หมด เกมส์ยังไม่จบสะหน่อย
จะมาหาว่าลูกพี่ข้าแพ้ได้ยังไงกัน ”..(ทำยังไงดีว่ะเรา ขืนเล่นต่อไปแพ้แน่ ๆ ไม่ได้เด็ดขาด เราจะมาแพ้ต่อหน้าชาวบ้านพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาด เฮ้ย )
นักเลงสกาเมื่อหาวิธีเอาชนะไม่ได้ ก็เอาลูกสกาเข้าไปในปากแล้วกลืนลงไปดื้อๆ “ เฮ้ย เล่นต่อไม่ได้แล้วโว้ย ลูกสกาขาดไปตัวหนึ่ง
 
ลูกเศรษฐีและชาวบ้านปรึกษากันว่าควรจะทำอย่างไรกับนักเลงสกา
 
ลูกเศรษฐีและชาวบ้านปรึกษากันว่าควรจะทำอย่างไรกับนักเลงสกา

       ครั้งนี้ไม่ได้ถือว่าเราแพ้เจ้าหรอกนะ ไปเว้ยพวกเรา ลูกสกาหายเล่นต่อไม่ได้แล้ว อยู่ไปก็เปล่าประโยชน์ ” “ โอ้โห ลูกพี่เรานี่เอาตัวรอดได้เจ๋งจริง ๆ
นับถือ ๆ ” “ พวกข้าไม่ได้เล่น พวกเจ้าก็ไม่ได้เล่นเหมือนกัน ฮะ ฮ่า ” เมื่อนักเลงสกากลืนลูกสกาเข้าไป ชาวบ้านที่เหลือก็ขาดลูกสกาเล่นต่อไม่ได้
ทุกคนจึงหมดสนุก ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน 
วันรุ่งขึ้นลูกเศรษฐีและชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็มารวมกลุ่มกัน

ชาวบ้านแสร้งทำเป็นยินดีให้การต้อนรับการมาเล่นสกาของกลุ่มนักเลง
 
ชาวบ้านแสร้งทำเป็นยินดีให้การต้อนรับการมาเล่นสกาของกลุ่มนักเลง
 
       ณ ศาลาที่ใช้เล่นสกากันเช่นเคย พวกเขาประชุมกันถึงวิธีจัดการกับนักเลงสกาที่มาก่อกวน “ เจ้านักเลงพวกนั้นเป็นอย่างนี้ทุกที ทำท่าว่า
จะแพ้เมื่อไหร่เป็นต้องพาลทำลายข้าวของอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้พวกเราเล่นต่อไม่ได้กันสักที เฮ้ย เจ็บใจจริงๆ ” “ นั้นนะสิ ครั้นจะไม่ให้เล่น
ก็เกรงว่าพวกลูกสมุนจะเข้ามาทำร้าย ” “ เอาอย่างนี้ไหมพวกเรา หากเมื่อใดที่พวกนักเลงนั้นมาอีก พวกเราก็ปล่อยให้มันเล่นชนะไป

เมื่อเล่นสกาชนะกลุ่มนักเลงก็ได้กล่าวเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างสนุกสนาน
 
เมื่อเล่นสกาชนะกลุ่มนักเลงก็ได้กล่าวเยาะเย้ยถากถางคนอื่นอย่างสนุกสนาน
       
       เมื่อชนะแล้ว พวกมันคงพอใจแล้วก็กลับกันไปเอง แล้วจากนั้นพวกเราก็ค่อยเล่นกันเหมือนเดิม ” เมื่อวางแผนกันเป็นที่เรียบร้อย เมื่อกลุ่มนักเลงสกา
เดินเข้ามาในศาลาจากที่เคยทำท่าทางรังเกียจ ครั้งนี้ต่างกวักมือเรียกให้มาเล่นกันด้วยความยินดี “ มา มาเล่นด้วยกัน โอ้ย พ่อคุณรอตั้งนานแน่ะ นึกว่าวันนี้
จะไม่มาสะแล้ว เราเตรียมที่ไว้ให้เจ้าตั้งแต่เช้าแล้วนะเนี่ย ” ( วันนี้มาแปลกเว้ย ทุกที่ไม่เห็นอยากให้เราเล่นด้วยขนาดนี้เลย ช่างเถอะ )
 
ลูกเศรษฐีเปลี่ยนแผนหันกลับมาเล่นสกาแบบจริงจังกับนักเลงสกา
 
ลูกเศรษฐีเปลี่ยนแผนหันกลับมาเล่นสกาแบบจริงจังกับนักเลงสกา
 
        “ มา มาเล่นกันสักตาสิ ” ลูกเศรษฐีเมื่อได้เล่นสกากับนักเลงสกา ก็เริ่มทำตามแผน ลูกเศรษฐีเริ่มเดินตัวสกาไปเรื่อย ๆ ใกล้แกล้งเล่นเดินผิดเดินถูก
ให้ตัวเองแพ้ นักเลงสกาเมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นต่อก็หัวเราะชอบใจ “ เจ้าลูกเศรษฐี เดินอย่างนี้ก็เสร็จข้านะสิ ฮ่า ฮ่า โอ้ย เด็กจริง ๆ เล่นอย่างนี้ ข้าหลับตาเล่น
ยังชนะเลย ” นักเลงสกาเมื่อเอาชนะลูกเศรษฐีและชนะคนอื่น ๆ ได้ก็โห่ร้องยินดี ไม่ยอมหยุดเล่นง่าย ๆ
 
 
นักเลงสกาใช้แผนกลืนลูกสกาเหมือนเดิมเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะเล่นแพ้
 
นักเลงสกาใช้แผนกลืนลูกสกาเหมือนเดิมเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะเล่นแพ้
 
       เหมือนอย่างแผนที่ลูกเศรษฐีได้วางไว้ ชาวบ้านต่างเบื่อหน่ายเนื่องจากไม่ได้เล่นอย่างสนุกเหมือนที่เคย แถมยังโดนกลุ่มนักเลงสกาต่อว่าเยอะเย้ย
ก็ยิ่งเจ็บใจ “ ลูกพี่นี่สุดยอดจริง ๆ ฉลาดล้ำเลิศกว่าใคร ๆ ชาวบ้านพวกนี้ก็โง่จริงๆ เลยนะ ไปไถนาสะเถอะไป๊ อย่ามาเล่นสกากับใครเขาเลย ที่นี่เขาให้
คนฉลาดได้เล่นกันโว้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ได้เรื่อง ”
 
ชาวบ้านต่างรู้ในแผนการของนักเลงสกาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
 
ชาวบ้านต่างรู้ในแผนการของนักเลงสกาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
 
       “ เอาไงดีล่ะ มาไม้นี้พวกมันไม่ยอมหยุดเล่นกันแน่ พวกเราเล่นแบบแกล้งยอมแพ้มันก็ไม่สนุก ” “ ก็นั่นนะสิ เจ็บใจจริงๆ เล้ย โดนต่อว่าเสีย ๆ หาย ๆ
นี่พวกเราไม่ได้แพ้จริง ๆ สะหน่อย ” “ งั้นเรามาเล่นจริง ๆ กันเถอะ ให้พวกนั้นแพ้สะราบคาบเลย ” ลูกเศรษฐีเมื่อเห็นนักเลงสกาต่อว่าคนโน้นคนนี้ก็ทนดู
ความยโสนั้นไม่ได้ จึงหวังเอาชนะให้พวกนักเลงนั้นรู้สึกเสียหน้าสักครั้ง
 
ลูกเศรษฐีได้นำลูกสกามาเคลือบยาพิษหลายรอบหลังจากนั้นก็นำไปตากแดด
 
ลูกเศรษฐีได้นำลูกสกามาเคลือบยาพิษหลายรอบหลังจากนั้นก็นำไปตากแดด

        “ ท่านผู้ฉลาดกว่าใคร มาเล่นกับเราอีกสักตาเถอะ เราอยากจะฝึกปรือฝีมือกับคนเก่ง ๆ อย่างท่านอีกครั้ง ” “ ในเมื่อเจ้าอ้อนวอนอย่างนั้น เราก็จะเล่นด้วย
อีกสักตา แต่เล่นไปก็เท่านั้นเดี๋ยวเจ้าก็แพ้อีก ” “ ไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างนั้นเราก็ยังดีใจที่ได้เล่นกับท่าน ” เมื่อเล่นกันสักพัก นักเลงสกาก็หน้าเสียเมื่อเกมส์
ไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาถูกลูกเศรษฐีต้อนจนจนมุม เดินไปทางไหนก็แพ้ นักเลงสกาเริ่มวิตกกังวลทำอะไรไม่ถูกนั่งหน้าเครียดอยู่อย่างนั้น

นักเลงสกาก็มาเล่นสกากับลูกเศรษฐีเหมือนเช่นเคย
 
นักเลงสกาก็มาเล่นสกากับลูกเศรษฐีเหมือนเช่นเคย

       “ ตาท่านเดินบ้างละนะ เอาสิช้าอยู่ใยเล่า ” นักเลงสกาเมื่อจนมุมก็ใช้แผนเดิม เอาลูกสกาเข้าปากแล้วแกล้งปัดกระดานจนพลิกคว่ำ ลูกสกาหล่นลง
บนพื้นกระจัดกระจาย “ อ้าว ลูกสกาหายไปไหนตัวหนึ่งเนี่ย ช่วยกันหาหน่อย อ้าวตายล่ะ มือเผลอไปโดนกระดานเข้า ตาย ตาย ตาย จำไม่ได้แล้วสิ
ว่าตัวเล่นอยู่ตรงไหนบ้าง ” ชาวบ้านต่างรู้ว่านั้นเป็นแผนของนักเลงสกาที่ไม่ยอมแพ้ลูกเศรษฐี แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

นักเลงสกาใช้แผนกลืนลูกสกาเช่นเคยเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะเล่นแพ้ลูกเศรษฐี

นักเลงสกาใช้แผนกลืนลูกสกาเช่นเคยเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะเล่นแพ้ลูกเศรษฐี
 
       ทุกคนต่างระอากับพฤติกรรมของกลุ่มนักเลงนั้น แล้วก็พากันกลับบ้านไป “ เอ้ เราจะหาวิธีอะไรมาสั่งสอนเจ้านักเลงนี่ดีนะ แกล้งแพ้ พวกมันก็ได้ใจ
กันยกใหญ่ จะเล่นให้ชนะ มันก็ต้องแกล้งกลืนลูกสกาทำให้พวกเราเล่นกันต่อไม่ได้ทุกที เออจริงสินะ อยากกลืนลูกสกาดีนัก จะใช้แผนนี้แหละ ”
ลูกเศรษฐีเอาลูกสกาทั้งหมดที่ใช้เล่นในหมู่บ้านมาชุบยาพิษอย่างแรง จากนั้นก็นำไปตากแดด แล้วก็นำมาชุบใหม่ แล้วก็เอาตากแดด
 
ยาพิษที่เคลือบลูกสกาออกฤทธิ์ทันที่เมื่อลูกสกาลงไปในท้องของนักเลง
 
ยาพิษที่เคลือบลูกสกาออกฤทธิ์ทันที่เมื่อลูกสกาลงไปในท้องของนักเลง
 
     ทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง จนลูกสกานั้นมีพิษร้ายแรงเคลือบอยู่หนาเตอะ เมื่อเตรียมลูกสกาอาบยาพิษไว้เรียบร้อย ลูกเศรษฐีก็ไปยังศาลา
ที่ใช้เล่นสกาดังเดิม เขานัดแนะแผนการนี้กับกลุ่มเพื่อนชาวบ้านที่เล่นสกาด้วยกัน “ เราได้ชุบยาพิษไว้ที่ลูกสกาแล้ว หากเจ้านักเลงนั่นเอาลูกสกา
เข้าปากอีก เป็นต้องโดนพิษเจ็บปวดครวญครางแน่ คราวนี้คงจะกำราบพวกมันได้สะที ” เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นไปตามแผน
 
นักเลงสกาตากลับ คอตก ล้มฟาดลงกับพื้นทันทีเมื่อยาพิษออกฤทธิ์
 
นักเลงสกาตากลับ คอตก ล้มฟาดลงกับพื้นทันทีเมื่อยาพิษออกฤทธิ์
 
       นักเลงสกาเข้ามาก่อกวนและเล่นสกาดั่งเช่นเคย ครั้งนี้มันก็ถูกต้อนให้จนมุม ( หึ หึ ดูสิว่าคราวนี้ เจ้าจะแกล้งเอาลูกสกาใส่ปากอีกหรือเปล่า
บุรุษกลืนลูกสกาอันเคลือบยาพิษอย่างแรงยังไม่รู้ตัว ดูก่อนเจ้าคนร้าย เจ้านักเลงชั่ว จงกลืนเข้าไปเถอะ ภายหลังผลร้ายจะมีแก่เจ้า) นักเลงสกา
เมื่อเห็นว่าตนจะต้องแพ้แล้วแน่ ๆ ก็ทำตามแผนเดิม หยิบลูกสกาใส่ปาก คราวนี้เป็นลูกสกาที่อาบยาพิษไว้อย่างร้ายแรง
 
ลูกเศรษฐีได้กรอกยาแก้พิษให้กับนักเลงสกา
 
ลูกเศรษฐีได้กรอกยาแก้พิษให้กับนักเลงสกา
 
      ทันใดที่ลูกสกานั้นเข้าไปในปาก เขาก็ถูกพิษนั้นแทรกซึมลงไปถึงกระเพาะ รู้สึกปวดแสบปวดร้อนทรมานอย่างเป็นที่สุด “ โอ้ย ปวด ปวด ปวด
โอ้ยทรมานเหลือเกิน ลูกสกานั้นมีอะไรเคลือบอยู่ ทำไมเราปวดอย่างนี้นะ ” “ อ้าว นี่ท่านกลืนลูกสกาเข้าไปรึ โธ่เอ้ย ท่านไม่รู้ไงว่ามันมีพิษ
ลูกสกาเขาเอาไว้เล่น ท่านจะกลืนไปทำไมล่ะ คราวนี้เจ้าคงจะเข็ดหลาบแล้วสินะ ” ขณะที่ลูกเศรษฐีกำลังพูดอยู่ด้วยกำลังของยาพิษ
 
นักเลงสกากลับตัวกลับใจสำนึกในความผิดของตน
 
นักเลงสกากลับตัวกลับใจสำนึกในความผิดของตน
 
       เจ้านักเลงนั้นในตากลับ คอตก ล้มฟาดลง ลูกเศรษฐีเห็นดังนั้นก็คิดว่าควรจะให้ชีวิตเป็นทานแม้แก่เขา จึงให้ยาสำรอกที่ปรุงด้วยโอสถ
จนสำรอกออกมา และให้กินเนยใส น้ำอ้อย จากนั้นนักเลงสกาก็ได้สติฟื้นขึ้นมา เมื่อนักเลงสกาฟื้นคืนได้สติ ก็สำนึกในความผิด ลูกเศรษฐี
สั่งสอนให้เขาเลิกทำกรรมชั่ว
 
พระศาสดาตรัสว่าการไม่พิจารณาแล้วบริโภคก็เปรียบเสมือนการบริโภคยาพิษอันตนเคยกระทำไว้
 
พระศาสดาตรัสว่าการไม่พิจารณาแล้วบริโภคก็เปรียบเสมือนการบริโภคยาพิษอันตนเคยกระทำไว้
 
       จากนั้นนักเลงสกาก็เลิกเป็นคนพาล กระทำบุญ มีทาน ไปตามยถากรรม พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ขึ้นชื่อว่าการไม่พิจารณาแล้วบริโภคย่อมเป็นเช่นกับการบริโภคยาพิษอันตนเคยกระทำไว้ แล้วทรงประชุมชาดกว่า 
 
 
 
 
ลูกเศรษฐีผู้เป็นบัณฑิตในกาลนั้น ได้มาเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ