ชาดก 500 ชาติ
สัตตปัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยความสำคัญผิด

		พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
	
		     ดั่งที่สาธุชนทั้งหลายรู้ทั่วกันแล้วนั้นว่า เหตุแห่งพระพุทธบัญญัติข้อวินัยให้สงฆ์สาวกปฏิบัติแต่ละบทนั้นมักเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องไม่เหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป
		
	
		พุทธกาลครั้งหนึ่ง ก็เป็นดังนั้น พุทธวินัยครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะพระฉัพพัคคีย์ 2 รูป ล่วงพระวินัยข้อยึดถือในทรัพย์ มิได้ปล่อยวาง ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับกิเลส
	
		พระปัณฑกะและพระโลหิตกะผู้ล่วงพระวินัย ข้อยึดถือในทรัพย์
	
		     ภิกษุผู้ก่อเหตุที่ว่านี้ชื่อ พระปัณฑกะ และพระโลหิตกะ ทั้งสองเข้ามาในวัดพระเชตวัน ในนครสาวัตถี มิได้สำรวมระวังในสิ่งของตามวัตรปฏิบัติที่ดีของภิกษุ “ มื้อนี้
		
	
		กลืนไม่คล่องคอเลย ท่านว่าไหม ดูสิ อาหารแต่ละอย่าง รับประทานไม่ลงจริงๆ ”
	
		พระปัณฑกะและพระโลหิตกะนั่งฉันภัตตาหารด้วยความเบื่อหน่ายกับอาหารประกอบไปด้วยพืชผักไร้เนื้อสัตว์
	
		     “ นั่นนะสิ มีแต่ผัก เนื้อสักชิ้นก็มองไม่เห็นเลย น่าเบื่อจริง ๆ ” มิเพียงแต่การหลงใหลในลาภ รส กลิ่น เสียงเท่านั้น ภิกษุทั้งสองยังเที่ยวยุยงภิกษุแต่ละหมู่ให้ผิดพ้องหมองใจ
		
	
		กันเป็นนิด “ ดูสิท่าน พระคณะโน้น ชอบถือดี ทำตัวหยิ่งยโส ดู ๆ ไปแล้ว ก็ไม่เห็นจะดีกว่าคณะนี้ตรงไหนเลย พวกท่านอย่าไปยอมเชียวน่า ”
	
		พระปัณฑกะและพระโลหิตกะชอบยุยงส่งเสริมให้เหล่าภิกษุหลงไหลในลาภสักการะ
	
		     “ ฮ่าๆๆ พวกท่านคิดดูสิ พวกเราอยู่กันมานานกว่าพวกเขาอีก จะยอมเขาได้อย่างไรกัน ” สิ่งไหนที่เป็นการประพฤติผิดภิกษุทั้งสองก็ยุยงส่งเสริมให้กระทำ “ โอ้ย ถือสง
		
	
		ถือศีลอะไรกัน บ้าบอคอแตก ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ หากมีอยู่กับตัว มันก็เป็นการดี คิดดูสิ หากพวกเรามีของหรู ๆ ดี ๆ ติดตัวไปไหนมาไหนก็มีแต่คนนับถือ
	
		พระปัณฑกะและพระโลหิตกะเที่ยวคอยยุยงให้หมู่สงฆ์แตกความสามัคคี
	
		     ใคร ๆ ก็ข่มพวกท่านไม่ได้ ” “ ใช่ พระที่ซอมซ่อสวมแต่จีวรเก่า ๆ จะดูมีคุณค่าได้อย่างไรกัน รังแต่คนเขาจะดูถูกเอาทั้งนั้นแหละ ” “ อือ นั่นสินะ ของดี ๆ ใหม่ ๆ หรู ๆ
		
	
		มันก็ย่อมดีกว่าของเก่าอยู่แล้ว ” แหย่ข้างโน้นที ยุข้างนี้ที ไม่นานนักพระหมู่ต่าง ๆ ก็เริ่มรวนเรเห็นผิดเป็นชอบไปหลายรูป
	
		ผืนป่าอันกว้างใหญ่แห่งแคว้นกาสี
	
		     “ ทำไงดีละท่าน พักนี้เราไม่ค่อยได้รับสิ่งใดจากชาวบ้านเลย หากเป็นอย่างนี้ เราต้องแพ้คณะโน้นแน่เลย ” “ นั่นนะสิ ไม่ได้การแล้ว เราต้องหาวิธีแก้ไข ” “ ฮิ ฮิ ฮิ  เป็นไปตามแผน
		
	
		เริ่มสะสมสิ่งของกันให้มาก ๆ เถอะ อาตมาจะเป็นนายหน้า หาของมาขายให้เอง  ฮิ ฮิ รวยเละ ”
	
		นายโจรผู้มีวิชชาสามารถรู้ภาษาสัตว์ทุกชนิด
	
			     เมื่อความล่วงรู้ถึงพระกรรณ์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเรียกให้พระปัณฑกะ และโลหิตกะเข้าเฝ้า “ การกระทำของพวกเธอ ย่อมเป็นเหมือนการกระทำของนกกระไน
			
		
			เมื่ออดีตชาติโน้น ” เมื่อพระภิกษุทูลขอให้ทรงเล่าเรื่องนั้น ทรงมีพระกรุณาธิคุณตรัสเล่า สัตตปัตตชาดกขึ้น
		
				นายโจรและสมุนผู้คอยดักปล้นผู้คนตามแนวชายแดนเมืองพาราณสี
		
		     ณ เวลานั้น ไกลออกไปจากแคว้นกาสี ล่วงพ้นเขตกสิกรรมและลำน้ำสู่ผืนป่า อันเป็นทางผ่านไปสู่แว่นแคว้นอื่น ๆ ในอดีตครั้งนั้น ยังมีนายโจรคนหนึ่งนำสมุนคอยดักปล้น
		
	
		คนเดินทางตามชายขอบพระนครพาราณสี “ วันนี้ไปลุยที่ไหนดี หัวหน้า ” “ คันไม้คันมือ อยากหาเรื่องคน ”
	
		นายโจรนำทรัพย์สินที่ปล้นมาได้แจกจ่ายให้กับชาวบ้านผู้ยากไร้
	
		     “ เฮ้ย เป็นโจรนะเว้ย ไม่ได้เป็นนักเลงหัวไม้จะได้หาเรื่องใคร พวกเจ้าเตรียมตัวให้ดีเถอะ วันนี้เราได้ปล้นกันแน่ ๆ ฮ่า ฮ่า ๆ ” กิตติศัพท์นายโจรนี้เลื่องลือไกล เลือกปล้น
		
	
		เฉพาะทรัพย์มีค่าเท่านั้น ไม่เคยทำร้ายใคร กับทั้งมักแจกจ่ายอาหารเสื้อผ้าแก่ผู้ยากไร้ตามชายแดนอยู่เสมอ “ โชคดีจังได้รับของแจกด้วย ข้าวสารนี้คงเอาไปเลี้ยงลูก ๆ
		
	
		ได้อีกหลายมื้อ นายโจรนี้ช่างมีน้ำใจจริง ๆ ”
	
		นายโจรและสมุนจะปล้นเฉพาะทรัพย์สินมีค่าเท่านั้นโดยมิได้ทำร้ายใคร
	
		     “ ของพวกนี้ คงขายได้ราคาดีแน่ ๆ ต่อชีวิตได้อีกตั้งหลายวัน ต้องขอบคุณท่านนายโจรแล้วล่ะ ” ด้วยเหตุนี้ร่องรอยใด ๆ ข่าวสารใด ๆ ของนายโจรและสมุนจึงถูกปิดปังอำพรางไว้
		
	
		มิให้ฝ่ายราชการปราบปรามได้ อีกประการหนึ่งก็ร่ำลือกันว่านายโจรนี้มีวิชชาดี สามารถรู้เหตุล่วงหน้า รู้ภาษาทุกภาษาโลก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ต่าง ๆ
	
		หญิงม่ายและบุตรชายอาศัยอยู่ ณ ชายแดนแคว้นกาสี
	
		     “ ได้ยินเสียงแว่วมาจากที่ไหน เจ้านกพวกนี้มันพูดอะไรกันนักกันหนา หนวกหูจริง ๆ เลย ”  ที่ชายแดนแคว้นกาสียังมีกุฎุมพีบ้านหนึ่งล้มตายลง ทิ้งภรรยาม่ายและบุตรชาย
		
	
		ให้ดูแลบ้านตามลำพัง นานปีเข้ามารดาก็เริ่มเจ็บป่วย วันหนึ่งจึงบอกให้บุตรชายรู้ว่า ยังมีลูกหนี้รายหนึ่งอยู่ที่ตำบลห่างไกล ค้างหนี้บิดาอยู่อีกหนึ่งพันกหาปนะ
		
	 
    
		หญิงม่ายบอกให้ลูกชายตนไปเก็บเงินจากลูกหนี้รายหนึ่งซึ่งอยู่ในตำบลที่ห่างไกล
	
		     “ ลูกเอ๋ย เงินนั้นจะเป็นทันต่อชีวิตของเจ้า เมื่อแม่จากไปแล้ว เจ้าจงไปทวงหนี้นั้นคืนเถิด ” “โธ่ แม่เจ็บป่วยขนาดนี้แล้วยังจะห่วงลูกอีก แม่สบายใจเถิดจ๊ะ รักษาตัวเองให้หายเถิด
		
	
		เงินนั้นลูกจะไปทวงมาเอง ” “ ทางไปบ้านลูกหนี้นั้น เจ้าต้องเดินผ่านป่าออกไป ระวังตัวให้ดีนะลูกเอ๋ย อันตรายมันมีมากนัก รีบไปเถิดไม่ต้องห่วงแม่หรอก ”
	
		หญิงม่ายมีความกังวลห่วงใยในอนาคตของลูกชายเป็นยิ่งนัก
	
		     “ แม่ดูแลตัวเองให้ดีนะ ลูกเตรียมยาสมุนไพรต่าง ๆ ไว้ให้แล้ว แม่อย่าลืมกินนะ ข้าวปลาอาหารก็ต้องกินให้ครบทุกมื้อ ลูกจะกลับมาไว ๆ แม่อย่าเป็นอะไรนะ ” “ จ๊ะ เจ้ารีบไปเถิด
		
	
		เดี๋ยวจะมือค่ำกันเสียก่อน ระวังตัวให้ดีนะ ” หญิงม่ายนั้นแม้จะห่วงใยบุตรในการเดินทางเพียงใด แต่ความกังวลห่วงใยในการใช้ชีวิตวันหน้ากลับมีมากกว่า
	
		บุตรชายของหญิงม่ายออกเดินทางไปยังอีกตำบลที่ห่างไกล
	
		     ทรัพย์อันมีค่าของมารดาจึงมิอาจเปรียบเทียบลูกของตนได้ “ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดคุ้มครองลูกของลูกด้วยเถิด ให้เขาเดินทางโดยปลอดภัย อย่าได้รับอันตรายใด ๆ เลย สาธุ ”
		
	
		เมื่อถึงเวลาที่บุตรชายต้องเดินทางมุ่งสู่ชนบทที่มีลูกหนี้อาศัยอยู่ มารดากลับมีความห่วงใย เมื่อยามจากกัน
		
	
		หญิงม่ายทุกข์ใจยิ่งนักที่ไม่ได้เดินทางไปกับบุตรชายเหตุเพราะตัวนางนั้นเจ็บป่วย
	
		     “ เฮ้อ นี่หากแม่ไม่เจ็บป่วย คงตามเจ้าไปแล้ว ลูกรักของแม่ แม่ไม่อยากให้เจ้าจากไปไกลเลย ชนบทนั้นห่างไกลนัก ระหว่างทางไกลนั้น ใครจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า โธ่ ลูกแม่ ”
		
	
		ความเสียใจของแม่ที่ไม่อยากแยกจากลูกชาย และด้วยจิตอันผูกพ้องต้องกัน วันต่อมาเธอต้องมีอันล้มเจ็บและหมดลมหายใจลงไปนั่นเอง
	
		หญิงม่ายได้สิ้นใจตายเนื่องด้วยอาการเจ็บป่วยของนาง
	
			     นี่เป็นการดับลงของสังขารมนุษย์ เป็นการดับขันธ์ลงในชาติหนึ่ง แต่จิตอันปฏิพัทธ์ผูกอยู่กับความห่วงใย ทำให้วิญญาณต้องจุติใหม่ในร่างของสุนัขจิ้งจอก สุนัขจิ้งจอกตัวนี้อาศัยอยู่ที่ชายป่า
			
		
			ซึ่งเป็นทางผ่านของบุตรชาย ซึ่งขณะนี้กำลังเดินทางกลับบ้านพร้อมทรัพย์หนึ่งพันกหาปนะ “ โธ่ลูกแม่ แม่จะปกป้องดูแลเจ้าอย่างไรดี ”
		
		วิญญาณของหญิงม่ายจุติใหม่ในร่างของสุนัขจิ้งจอก
	
			     ยิ่งรู้ว่ามีโจรกลุ่มนั้นกำลังย้อนไปดู ดักทางขากลับของบุตร นางก็ยิ่งร้อนใจ “ แย่แล้ว เราต้องรีบไปเตือนลูก ไม่ให้เดินกลับบ้านทางนั้น ” “ ไป ๆ ไปกันเถิดพวกเรา ข้าได้ยินเสียง
			
		
			พวกสัตว์มันบอกว่า มีทรัพย์ก้อนใหญ่รอเราอยู่ เรารีบไปทางนั้นกันเถิด ” ด้วยความว่องไวของร่างกายสุนัขจิ้งจอก ไม่นานก็สามารถวิ่งไปไกลกว่ากลุ่มโจร
			
		
			จนมาดักหน้าบุตรชายได้ทันเวลาพอดี
	
		นางสุนัขจิ้งจอกห่วงใยบุตรยิ่งนักเมื่อรู้ว่ากลุ่มโจรกำลังไปยังเส้นทางที่บุตรของตนกำลังเดินทางกลับมา
	
			     “ โอ้ย เหนื่อย แต่พักไม่ได้ เราต้องไปถึงลูกให้ทันก่อนโจรกลุ่มนี้ ลูกจ๋า ระวังตัวไว้ อันตรายจะมาถึงตัวเจ้าแล้ว ” เมื่อนางเห็นบุตรชายเดินผ่านชายแดนออกมาก็ดีใจ แต่บุตรชาย
		
			ของนางนั้นเล่า เมื่อเห็นสุนัขจิ้งจอกมาขวางหน้ากลับแปลกใจ มิรู้ว่าเป็นแม่ของตนเองกลับชาติมาเกิด “ เราต้องบอกให้ลูกเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้าน ”
	
		กลุ่มโจรและสมุนกำลังเร่งรุดเดินทางไปยังชายแดนเมืองพาราณสี
	
			     “ นั่น อะไรนะ สุนัขจิ้งจอกไม่ใช่เรอะ ทำไมมันจ้องหน้าเราเขม่งอย่างนั้น จะกัดหรือเปล่านี้ ” เมื่อลูกชายเข้ามาใกล้ สุนัขจิ้งจอกก็ตะกุยดินเป็นแนวขวาง เป็นสัญญาณว่าขวางทางไว้
			
		
			ไม่ให้ลูกชายเดินไปทางนั้นต่อ “ ทางนี้ไปไม่ได้นะลูก โธ่เอ๋ย ลูกจะเข้าใจแม่หรือเปล่าเนี่ย ทางนี้มีอันตราย เจ้าไม่ได้นะ อย่าไปนะ อย่าไป ”
	
		นางสุนัขจิ้งจอกรีบวิ่งสุดกำลังไปเตือนบุตรชายของตนให้เปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลบเลี่ยงกลุ่มโจร
	
			     “ เจ้าสุนัขจิ้งจอกนี้ มันทำอะไรของมัน ตลกนักเชียว อยู่ ๆ ก็ตะกุยดินให้ดู แกะกะขวางทางสะจริง ” อนิจจา ความหวังดีของนางสุนัขจิ้งจอกไม่เป็นผล บุตรชายมิได้สำเหนียกในกิริยานั้นเลย
			
		
			กลับเอาก้อนหินมาปาแม่ในคราบสุนัขจิ้งจอกอย่างมาใยดี “ เฮ้ย เกะกะจริงเจ้าหมาป่าบ้า ไปสะ ไปให้พ้นทางเลย ข้าจะรีบเดินทางกลับบ้าน ไม่รู้ป่านนี้แม่จะเป็นอย่างไรบ้าง ไป๊ ชิ้ว ชิ้ว ชิ้ว
			
		
			ว่าแล้วยังนิ่งอีก นี่แน่ะ ไปเลยไป ”
			
		
		นางสุนัขจิ้งจอกวิ่งมาเจอกับบุตรชายของตนตามที่นางคาดหวังไว้
	
			      “ โธ่ ลูกจ๋า นี่แม่เอง จะทำยังไงดี แม่จะปกป้องเจ้ายังไงดี ” เมื่อเอาก้อนหินปาไล่นางสุนัขจิ้งจอกหนีไปแล้ว มานพหนุ่มก็เดินทางต่อไปโดยใช้เส้นทางเดิม “ เฮ้อ ต้องรีบเดินทางต่อ
			
		
			เป็นห่วงแม่จังเลย จากไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าแม่จะเป็นอย่างไร หายป่วยหรือยังก็ไม่รู้ ”
	
		นางสุนัขจิ้งจอกใช้เท้าตะกุยดินเป็นเครื่องหมายบอกบุตรของตนว่าห้ามไปในเส้นทางที่เขาจะต้องไป
	
			      ระหว่างทางมีนกกระไนตัวหนึ่งร้องทัก ชายหนุ่มมิเคยได้เรียนรู้ภาษาสรรพสำเนียงสัตว์ จึงคิดว่าเสียงร้องของนกกระไนนั้นเป็นมงคลกับตัวเอง “ นกน้อยให้พรเราเช่นนั้นรึ
			
		
			เสียงเพราะจัง ร้องอีกสิ ร้องอีก เสียงเจ้าฟังแล้วไพเราะนัก หายเหนื่อยเลยนะเนี่ย ”
		
		บุตรชายของหญิงม่ายใช้ก้อนหินปาไล่นางสุนัขจิ้งจอกให้พ้นทางของตน
	
			     เสียงของนกกระไนที่ร้องไม่ได้มีความหมายถึงการเป็นมงคลอย่างที่มานพหนุ่มเข้าใจ ความหมายของมันกลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง “ ข้ามันสะ ๆ ฆ่ามันเลย มันมีทรัพย์
			
		
			ตั้งพันกหาปนะ เอาเลย ปล้นเลย มันรวย มันรวยมาก ๆ เลย ”
			
	
		บุตรชายของหญิงม่ายเดินทางกลับบ้านของตนต่อไปในเส้นทางเดิม
	
			      “ แน่ะให้พรเราไม่หยุดเลย เจ้านกนี่น่ารักจริง ๆ ร้องดัง ๆ เลยสิ ข้าชอบ ๆ ร้องเลย ” สุดทางป่ารกนั้น มีนายโจรผู้ฟังเสียงสัตว์รู้ ดักปล้นคนเดินทางอยู่ เสียงนกกระไนมันบอกว่า
			
		
			มีคนเดินผ่านมาทางนี้ ดีล่ะ รวยสะด้วยจะได้ปล้นให้หมดตัวไปเลย ”
	
						ระหว่างทางบุตรหญิงม่ายได้เจอนกกระไนส่งเสียงร้องดังระงมไปทั่วป่า
					
						     นายโจรผู้นี้ยังล่วงรู้เหตุการณ์ด้วยวิชชาญาณทิพย์อีกวิชชาหนึ่งด้วย เมื่อมานพหนุ่มเดินทางมาถึงจุดปล้น ก็ถูกสมุนของนายโจรควบคุมตัวไว้ “ มาแล้วรึ รวยนักเหรอ เจอนี่สะหน่อยไหมนี่ ”
						
					
						“ ไม่อยากตาย ก็ส่งทรัพย์มาดี ๆ มีเงินก็ต้องแบ่งกันใช้ เอามา ” “ แย่แล้วโจรนี่น่า ซวยแล้วเราทำยังไงดี อย่า ๆ ๆ อย่าทำอะไรเราเลยน่ะ นี่ ๆ ๆ เงิน พวกท่านเอาไปเถิด ”
					
						บุตรของหญิงม่ายชอบใจในเสียงร้องของนกกระไนเป็นยิ่งนัก
					
						      ด้วยเพราะเคยเกื้อกูลกันมาแต่อดีต นายโจรจึงคืนทรัพย์ให้ แล้วเล่าความเป็นมาให้มานพหนุ่มได้รู้ “ ท่านไม่รู้หรอกรึว่า มารดาของท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว นางได้มาเกิดในร่าง
					
						ของสุนัขจิ้งจอกตัวที่มาขวางทางเจ้าไว้นั่นแหละ ด้วยกลัวว่าเจ้าจะมีอันตราย จึงมาขวางไว้แต่แรก แต่เจ้ากลับใช้ก้อนหินปานาง แล้วไล่นางไป
					
						บุตรของหญิงม่ายเจอกับกลุ่มโจรและจำต้องมอบเงินให้กับโจรเหล่านั้น
					
							     แล้วเจ้านกกระไนที่ชมนักชมหนาที่ว่าเสียงมันไพเราะ เป็นมงคลกับเจ้านั่นน่ะ แท้ที่จริงแล้วมันร้องเพื่อบอกให้โจรมาปล้นเจ้า จะได้ฆ่าเจ้าให้ตาย ” “ โธ่ แม่ ลูกไม่น่าทำอย่างนั้น
							
						
							กับท่านเลย ” “ เอาเถิด จงกลับไปบูชาแม่ของเจ้าให้ดี ๆ เถิด ทรัพย์นี้เราจะขอคืนให้กับเจ้า ไปเถิด ”
					
						เหตุเพราะเคยเกื้อกูลกันมาแต่ในอดีตนายโจรจึงคืนเงินและปล่อยตัวบุตรของหญิงม่ายให้กลับบ้านไป
					
							     นายโจรเห็นแก่ความรักที่มารดามีต่อบุตร จึงปล่อยมานพหนุ่มให้กลับบ้านเรือนโดยคืนทรัพย์ให้เป็นทุนดั่งที่มารดาตั้งใจไว้ พระศาสดาทรงประกาศสัจจธรรม ประชุมชาดก
							
						
							เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์มิให้หลงผิดเป็นชอบ
						
																					ในพุทธกาลครั้งนั้น นายโจรเสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
																			











