เรามีความสุขเพราะปลอดจากความคิด

เรามีความสุขเพราะปลอดจากความคิด

หนทางที่จะนำไปสู่อายตนนิพพานนั้นอยู่ในกลางตัวเรา เป็นเส้นทางสายกลางสายเดียวไม่มีสอง อยู่ในกลางกายเรา เริ่มต้นจากศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ซึ่งวิธีการที่จะไปสู่อายตนนิพพานนั้น

 

เราจะต้องฝึกใจให้หยุดนิ่ง ใจเราที่แวบไปแวบมาคิดไปในเรื่องราวต่างๆ ให้นำมาหยุดนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 วางใจให้หยุดนิ่งตรงนี้ให้ได้ตลอดเวลาอย่างสบายๆ

 

การฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง อาจคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย แต่แท้จริง เป็นสิ่งที่เราเคยมีเมื่อยังเป็นเด็กๆ อายุยังน้อย ชีวิตในช่วงทารกไร้เดียงสานั้น เรามีความสุขเพราะปลอดจากความคิด แต่พอเจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ สิ่งแวดล้อมก็ได้หล่อหลอมชีวิต

 

ทำให้เราค่อยๆ คิดขึ้นมา คิดมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอายุมากขึ้น ภารกิจก็มีมากขึ้น มีพันธนาการชีวิตมากขึ้น ชีวิตที่ตกอยู่ในอิทธิพลของความคิด จึงเป็นชีวิตที่มีแต่ความทุกข์ทรมานไม่มีความสุข มีความเครียดสั่งสมอยู่ตลอดเวลา

 

ดังนั้นเมื่อเรามาปฏิบัติธรรม จะฝึกใจเข้าไปแหล่งกำเนิดสันติสุขภายใน อันเป็นแหล่งของสติปัญญา แหล่งของอานุภาพภายใน ตลอดจนเป็นแหล่งแห่งความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์สรรพสัตว์ทั้งปวง และเป็นแหล่งแห่งความสมปรารถนา วิธีการจึงตรงกันข้าม

 

โดยเราจะต้องย้อนยุคไปสู่วัยที่เรายังไร้เดียงสาอยู่ ค่อยๆ ผ่อนความนึกคิดที่มีมากให้ลดน้อยลง หรือที่มีน้อยก็ให้หมดไป ด้วยวิธีการกำหนดบริกรรมนิมิตกับบริกรรมภาวนานั่นเอง

 

แล้วใจเราจะถูกกลั่นไปเรื่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทีละน้อยจนกระทั่งเราสังเกตไม่ออก แต่ว่าเมื่อเราทำไปบ่อยๆ ต่อเนื่อง ด้วยวิธีการนิ่งๆ นุ่มๆ ละมุนละไมจิตใจจะแจ่มใสเบิกบาน ไม่ช้าใจก็จะหยุดนิ่ง หลุดจากความคิดทั้งมวล

แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง