
ครั้งต่อมา มโหสถจึงสั่งว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกท่านทั้งหลายจงฉุดนางแล้วนำมาหาเราที่นี่แหละ” ชายเหล่านั้นก็จำต้องทำตามคำสั่งของมโหสถ ตรงเข้าจู่โจมถึงตัวนางแล้วใช้กำลังฉุดคร่านางมา แล้วนำตัวมาสู่เรือนของ มโหสถ ให้ยืนอยู่ต่อหน้าบุคคลผู้เป็นสามี แต่นางก็จำสามีของตนไม่ได้ เพราะบัดนี้เขามิใช่ช่างชุนธรรมดาๆ เสียแล้ว แต่เป็นมโหสถบัณฑิตผู้มั่งคั่งไปด้วยทรัพย์สมบัติและบริวาร

ครั้นในเวลารุ่งเช้า มโหสถได้พานางอมราออกเดินทางบ่ายหน้าไปสู่พระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าพระนางอุทุมพรเทวี โดยบอกนางเพียงว่าจะพาไปให้รู้จักกับพี่สาว มโหสถเดินนำหน้านางไปด้วยจิตใจที่แช่มชื่นเบิกบาน เพราะยิ่งใกล้ที่หมายเพียงใด นั่นก็หมายความว่าความจริงที่ปิดบังนางไว้ ก็จวนจะได้เวลาเปิดเผยให้ปรากฏ

แต่ก็อดใจก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ ด้วยยังไม่ปรารถนาจะถามสิ่งใดในระหว่างทาง เพราะการได้เดินตามสามีที่รักยิ่งไปทุกหนทุกแห่ง นับว่าเป็นความสุขใจเกินพอแล้วสำหรับนาง พอผ่านพ้นพระที่นั่งมหาปราสาท ทั้งคู่ก็พากันเดินลัดเลี้ยวไปตามกำแพงพระราชวังฝ่ายใน กระทั่งถึงพระตำหนักอันเป็นที่ประทับของพระนางอุทุมพรเทวี มโหสถหยุดยืนอยู่หน้าพระตำหนัก แล้วจึงแจ้งความประสงค์ที่จะขอเข้าเฝ้าต่อนางข้าหลวง
ครั้นได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว จึงพานางเข้าสู่ภายในพระตำหนัก “มาเถิดน้องรัก เราจะไปเข้าเฝ้าพระแม่เจ้ากัน” ครั้นแล้วจึงจับมือนางอมรา แล้วพาเดินเคียงคู่กันไปจนพ้นพระทวาร ขณะนั้น พระนางอุทุมเทวีประทับอยู่เหนือพระแท่นบัลลังก์ ทรงกำลังรอคอยการมาของมโหสถบัณฑิตอยู่พอดี

นางอมราได้ยินพระนางเจ้าอุทุมเทวีตรัสทักทายสามีของตนเช่นนั้น ก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก จึงเหลียวมามองมโหสถผู้เป็นสามีด้วยสีหน้างงงวย แต่มโหสถกลับยิ้มให้นางอย่างปกติ เป็นเหตุให้นางยิ่งฉงนใจ พร้อมกันนั้นก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย

พระนางจึงรับสั่งถามว่า “น้องรัก นางผู้นี้น่ะหรือ ที่น้องเลือกแล้วว่าเหมาะสมที่จะเป็นคู่ชีวิตของน้อง”
“พะย่ะค่ะ ข้าพระบาทรักนางและปรารถนาจะอยู่เคียงข้างนางตลอดไป” มโหสถกราบทูลด้วยรอยยิ้ม
พระนางอุทุมเทวีเรียกนางอมราเข้ามาใกล้ๆ แล้วตรัสถามว่า “ไหน เธอชื่ออะไรหรือ”

พระนางทรงพิจารณาดูนางแล้ว ก็ทรงพอพระทัยยิ่งนัก จึงหันไปตรัสกับมโหสถว่า “ชื่ออมราหรือ อือ...นางนี่ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงเชียว สมแล้วที่เป็นคู่ครองของน้องมโหสถ เอาหล่ะ ก็ในเมื่อมโหสถเป็นน้องชายของฉัน เธอก็เท่ากับเป็นน้องสาวของฉันเหมือนกัน” ตรัสดังนี้แล้ว พระนางก็ทรงปรารภที่จะนำความเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลพระราชสวามี
มโหสถจึงได้ถือโอกาสนั้นทูลลาพระนาง แล้วพานางอมราไปยังเรือนหลวงของตนซึ่งตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานฝ่ายนอก จากนั้นมโหสถก็ได้เปิดเผยเรื่องราวของตนให้นางทราบ

มโหสถได้ฟังคำของนางแล้ว ความรักที่เต็มตื้นอยู่ในจิตใจ ก็ยิ่งจะท่วมท้นเอ่อล้น จนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ จึงทำได้แต่เพียงสวมกอดนางไว้แนบอก และให้สัญญากับนาง ว่าตนจะขออยู่เคียงข้างนางตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แล้วบัดนี้ มโหสถก็ได้นางอมราเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาของตนแล้ว เหลือเพียงพิธีตกแต่งให้เหมาะสม ส่วนเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)