กรุงเบอร์ลิน –เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมืองระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์แต่อย่างไร
แต่เป็นเรื่องของนักสร้างภาพยนต์ชาวอิสราเอลท่านหนึ่งชื่อ Nati Baratz ที่ได้สร้างความอึ้งและทึ่งให้กับผู้ชมภาพยนต์ในงานเทศกาล Film
Festival ที่กรุงเบอร์ลินที่ผ่านมา ด้วยการนำเสนอภาพยนต์สารคดีเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดใหม่ของพระลามะรูปหนึ่ง
ภาพยนต์เรื่องนี้มีชื่อว่า Unmistaken Child ได้ถูกส่งเข้าร่วมฉายในงานเทศกาล Film Festival ในประเภทภาพยนต์แนว
Panorama เนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสาะแสวงหาอันยาวนานของพระลามะชาวเนปาลรูปหนึ่งชื่อ
Tenzin Zopa ถึงการไปเกิดใหม่ของลามะ Gesche Lama
Konchog ซึ่งเป็นพระลามะที่ได้รับสมณศักดิ์เป็น rinpoche ซึ่งเป็นตำแหน่งลามะในศาสนาพุทธที่เป็นที่เคารพมากในประเทศทิเบต
และพระลามะ Konchog รูปนี้ก็เป็นพระอาจารย์ของท่าน Zopa
ด้วย ลามะ Konchog มรณภาพไปเมื่อปี 2001
ในขณะที่ภาพยนต์เรื่องนี้ประสบความเร็จอย่างมากที่กรุงเบอร์ลิน
แต่เนื้อหาของภาพยนต์ก็ได้จุดประกายคำถามขึ้นมากมาย เกินกว่าจะให้คำตอบได้หมด
เมื่อผู้ชมภาพยนต์รู้สึกสะเทือนใจมากในฉากที่เด็กต้องถูกพรากจากพ่อแม่ที่แท้จริงไป
เมื่อปี 2001 พระลามะ Gesche Lama Konchog ซึ่งเป็นพระลามะร่วมสมัยที่ยิ่งใหญ่รูปหนึ่ง ได้ใช้ชีวิตร่วม 30
ปีในการทำสมาธิที่ถ้ำแห่งหนึ่งในประเทศทิเบต ได้มรณภาพลงเมื่ออายุของท่านได้ 84 ปี
การมรณภาพของพระลามะรูปนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับพระทิเบตจำนวนมาก ต่อมาพบว่า ที่แท่นฌาปนกิจสรีระของท่านได้ปรากฎร่องรอยที่ชัดเจนบ่งชี้การกลับชาติมาเกิดของท่านลามะ Konchog อีกครั้ง
ร่องรอยที่ปรากฎนี้ทำให้พระลามะอาวุโสรูปหนึ่งที่ประเทศอินเดียต้องไปปรึกษากับนักโหราศาสตร์ชาวไต้หวันหลายท่าน
ซึ่งได้เปิดเผยว่า เป็นไปได้อย่างมากว่า บิดาของเด็กที่เป็นพระลามะกลับชาติมาเกิดมีชื่อเริ่มต้นด้วยตัวอักษร
A และเขาจะต้องเป็นผู้ที่มาจากสถานที่ซึ่งเริ่มต้นด้วยอักษร
TS
พระลูกศิษย์รูปหนึ่งของพระลามะ Konchog ที่มรณภาพรูปนี้ชื่อ พระลามะ Tenzin Zopa ที่เคยอยู่รับใช้พระลามะ Konchog มาเป็นเวลานาน ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เสาะแสวงหาสถานที่ที่พระลามะที่มรณภาพไปแล้วรูปนี้ไปเกิดใหม่
และเป็นที่เห็นพ้องต้องกันว่า ภารกิจการเสาะแสวงหาครั้งนี้จะต้องทำให้สำเร็จภายในเวลา
4 ปี
ด้วยเหตุผลทางความรู้สึกที่ว่า
ถ้าการเสาะแสวงหายาวนานมากขึ้นเท่าไร จะทำให้เกิดปัญหาของการแยกจากกันระหว่าง
เด็กที่ได้รับการคัดเลือก กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งพระลามะ Zopa ซึ่งสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว
และผู้กำกับ Baratz ได้อยู่ร่วมงาน the Film Festival
ที่กรุงเบอร์ลินครั้งนี้ด้วย ทั้งสองท่านยังได้ขึ้นเวทีหลังจากการฉายภาพยนต์เรื่องนี้จบลงแล้ว เพื่อตอบคำถามต่างๆ
ของสาธารณชนร่วมกัน
พระลามะ Tenzin Zopa กล่าวว่า ตั้งแต่ท่านอายุได้
6 ปี ท่านได้อาศัยอยู่ใกล้กลับที่พักของท่านลามะ Konchog
ผู้ที่เป็นที่เคารพของคนทั่วไป
และได้รับใช้ท่านในฐานะเป็นลูกศิษย์เรื่อยมาเป็นเวลานานถึง 21 ปี
หลังจากที่ได้พบรอยเท้าปรากฎอยู่บนกองเถ้า
ณ ฌาปนสถานของท่านลามะ Konchog พร้อมด้วยไข่มุกจำนวนหลายเม็ด
พระลามะหลายรูป รวมทั้งพระลามะ Rinpoche ที่วัดของพระลามะ Zopa
เชื่อมั่นในทันทีว่า พระลามะ Konchog
ปรารถนาจะกลับชาติมาเกิดอีกครั้งหนึ่ง
พระลามะ Zopa เป็นผู้ที่รับภาระเป็นหัวหน้าในการเสาะแสวงหาในครั้งนี้
ไม่ใช่ด้วยแค่ความรู้สึกที่ว่าเป็นสิ่งที่คู่ควร
แต่ด้วยความรู้สึกที่มุ่งมั่นอย่างสูงสุดในชีวิตทีเดียว
เริ่มต้นของภาพยนต์เรื่องนี้
ด้วยการที่พระลามะ Zopa เดินทางผ่านชุมชนต่างๆ ท่ามกลางภูมิประเทศแห่งทะเลภูเขาอันตระการตาที่บ้านเกิดของท่านเองที่มีชื่อว่า
Tsum Valley ในประเทศเนปาล เพื่อออกเสาะแสวงหาพระอาจารย์ของท่านที่กลับชาติมาเกิดในร่างของเด็กชายตัวเล็กๆ
คนหนึ่งที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า อาศัยอยู่ในส่วนไหนของโลกใบนี้
ท่าน Zopa จะนำบทสวดบทหนึ่งของพระอาจารย์ผู้ล่วงลับไปแล้วไปกับท่านด้วยในการเสาะแสวงหาครั้งนี้
และจะถามคำถามๆ หนึ่งกับเด็กๆ ที่ท่านได้พบปะทุกคนว่า เธอจำของสิ่งนี้ได้ไหม?
เพื่อที่จะให้ภารกิจนี้ประสบความสำเร็จ ท่านรู้ว่า
ท่านจะต้องแสวงหาเด็กชายที่อายุต่ำกว่า 3 ปี เพื่อว่า
เมื่อพบแล้วจะได้ง่ายที่จะจัดการเรื่องการแยกเด็กออกจากพ่อแม่ที่ให้กำเนิด
ภารกิจในครั้งนี้ได้นำท่านให้ต้องเดินทางไปตามภูมิภาคต่างๆ
ที่งดงามตระการตามากทั้งในประเทศเนปาล และประเทศทิเบต
ผ่านไปตามพื้นที่ที่เป็นเทือกเขาน้อยใหญ่มากมาย หมู่บ้านเล็กๆ ตามชนบท
และหุบเขาที่สวยงามหลายแห่ง
สถานที่เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงที่น้อยมากในระยะเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมา
ตากล้องได้ติดตามท่านไปทุกฝีก้าวด้วยเฮลิคอปเตอร์บ้าง
ลาบ้าง ด้วยเท้าบ้าง ในประเทศเนปาล ท่านได้เดินทางไปตามหุบเขา Tsum Valley ที่งดงาม ตามสถานที่ที่ท่านผ่านไป ท่านได้พบปะกับครอบครัวในชนบทจำนวนมาก
ในจำนวนนี้บางครอบครัวมีลูกเล็กๆ อายุตั้งแต่ 3 ขวบลงมารวมอยู่ด้วย
ด้วยอาศัยความช่วยเหลือทางด้านโหราศาสตร์
ในการทำนายความฝันและข้อมูลจากชาวบ้านในหมู่บ้าน
ในที่สุดท่านก็ได้เลือกเด็กชายคนหนึ่ง
ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นผู้ที่ท่านกำลังเสาะแสวงหาอยู่ ดังนั้นจึงได้จัดให้มีการสวดมนต์ขึ้นเพื่อที่จะตรวจดูลักษณะของเด็กคนนี้
แน่นอนล่ะว่า ภาพในพิธีกรรมนี้จะต้องประกอบด้วยบุคคลผู้ที่มีลักษณะแข็งแรง
มีใบหน้าอ้วนกลม นั่งแวดล้อมตัวเด็กคนนี้
และจะต้องมีการโห่ร้องอย่างยินดีปรีดาในขณะที่เด็กได้รับการโกนผมที่มีอยู่บนศรีษะออกโดยท่านลามะ
Zopa
แต่เป็นเรื่องน่าแปลกประหลาดใจมากว่า
เด็กน้อยสามารถปรับตัวเข้ากลับวิถีชีวิตที่แตกต่างกันมากทางวัฒนธรรม
เมื่อต้องมาอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบวัดที่อยู่ห่างไกลมากจากบ้านบนเนินเขาของพ่อแม่ของตนเอง
ได้ในเวลาไม่ช้าเลย
นับจากนี้ไปพ่อแม่ของเด็กคนนี้จะมีโอกาสพบหน้าลูกเพียงปีละครั้งเท่านั้น
แต่เขาทั้งสองก็ยินดีที่จะให้พระลามะพาลูกน้อยของตนไป อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้ก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดายเลย
ความเจ็บปวดอันเนื่องมาจากการพลัดพรากฉายชัดอยู่บนใบหน้าของผู้เป็นบิดา
นอกจากพระลามะ Tenzin Zopa แล้ว ในภาพยนต์เรื่องนี้ยังได้มีภาพของท่านดาไล ลามะ
ปรากฎอยู่เป็นช่วงสั้นๆ ด้วย ฉากหนึ่งในภาพยนต์ พระลามะ Zopa ได้ให้เด็กน้อยคนนี้นั่งบนเข่าของท่าน ณ ธุดงคสถานแห่งหนึ่งบนภูเขา
ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งท่านได้พบกับพระลามะ Konchog ครั้งแรก
และท่านได้เล่าเหตุการณ์ตอนที่ท่านได้พบกับท่าน Konchog ครั้งแรกให้เด็กน้อยฟังว่า
ตอนนั้นท่านเพิ่งเป็นเพียงเด็กเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น
สารคดีเรื่องนี้เป็นความพยายามอันยอดเยี่ยมในอันที่จะบอกเล่าวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ซับซ้อน
แต่สำหรับนักดูภาพยนต์หลายท่าน ก็ยังรู้สึกว่า
ยังมีคำถามหลายคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากการชมภาพยนต์เรื่องนี้อยู่ดี
ที่กรุงเบอร์ลิน พระลามะ Tenzin Zopa กล่าวว่า เด็กคนที่ได้กลายเป็นดาราไปโดยปริยายในภาพยนต์เรื่องนี้ปัจจุบันนี้อายุได้
6 ปีแล้ว
“ได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่างมโหฬารที่วัดของเรา
เมื่อตอนที่เด็กคนนี้อายุครบ 6 ปี เมื่อเร็วๆ นี้
มันเป็นวาระโอกาสแห่งความสุขวาระหนึ่งทีเดียว” เขากล่าว (สำนักข่าวดีพีเอ)
ที่มา- http://www.topnews.in/reincarnation-great-contemporary-tibetan-master-2125102