ข้อความต้นฉบับในหน้า
២២
๒๓
ธุรกิจพวกที่สองนี้ จัดเป็นพวกเบี้ยวบุญ
นักธุรกิจกลุ่มที่ ๓. “พวกทำตามกำลังบุญ”
คือ นักธุรกิจที่ตั้งเป้าธุรกิจเอาไว้ว่า จะได้กำไร
เท่าไร มันก็ได้ตามที่หวังจริงๆ
สำหรับกลุ่มนี้ พระองค์ทรงชี้ให้เห็นชัดเจนว่า
ความเฮงของกลุ่มนี้ มีอยู่สองเหตุใหญ่ คือ
Q).
เหตุปัจจุบัน หมายถึง การดำเนินธุรกิจ
ในแต่ละวัน ก็ทุ่มเทความรู้ความสามารถทำลงไป
อย่างสุดฝีมือ
๒. เหตุอดีต หมายถึง “บุญ” ที่ค้ำหลัง
ความรู้ความสามารถเอาไว้ ซึ่งถ้าพูดเป็นภาษาธุรกิจ
ก็คือ ความเฮงที่ติดตัวเขามาข้ามชาติ ซึ่งความเฮง
ของเขานี้ มีเหตุมาจากไม่ว่าจะเป็นชาตินี้ หรือชาติที่
แล้วก็ตามที เขาดูแลเลี้ยงพระในบ้าน คือเลี้ยง
พ่อเลี้ยงแม่ของเขาอย่างดี
นักธุรกิจกลุ่มนี้เป็นประเภทไม่ว่าเขาจะเหน็ด
เหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำธุรกิจหนักหนาอย่างไรก็
ตาม แต่เมื่อกลับไปถึงบ้าน คำแรกที่ถามคือ “พ่อ
แม่ท่านกินข้าวแล้วหรือยัง อาบน้ำอาบท่าหรือหลับ
นอนดีแล้วหรือยัง”
เวลาเช้าก่อนจะออกจากบ้านไปทำงาน เขาก็
แบ่งเวลาไปดูการกินการอยู่ ไปดูข้าวปลาอาหารของ
พ่อแม่ว่า พร้อมดีแล้วหรือยัง สุขภาพของท่านวันนี้
เป็นอย่างไร ดีแล้วหรือยัง
เมื่อได้เวลาจะออกไปประกอบธุรกิจของตัว
ก็ก้มกราบเท้าพ่อกราบตักแม่ แล้วค่อยไปทำงาน
เขาปรนนิบัติเลี้ยงดูพ่อแม่ผู้มีพระคุณล้นฟ้าของเขา
อย่างนี้ นี่เป็นสิ่งที่เขาตอบแทนกับพระในบ้านอย่าง
สม่ำเสมอ
ส่วนกับพระนอกบ้าน เมื่อเขาตั้งใจจะไป
ทำบุญทำทานไว้ที่ไหน ได้รับปากหลวงพ่อหลวงพี่
เอาไว้ที่ไหน หรือรับปากองค์กรการกุศลเอาไว้ที่ไหน
เขาทำตามที่สัญญาไว้ทุกประการ ไม่มีผิดพลาด
คลาดเคลื่อน ไม่ว่ามรสุมการค้าจะเกิดขึ้นอย่างไร
ก็ตาม ถึงเวลาเป็นต้องทำให้ได้ตามที่สัญญานั้น
พูดง่ายๆ นักธุรกิจกลุ่มนี้ “พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”
ทำหน้าที่ดูแลทั้งพระในบ้านและพระนอกบ้านอย่าง
ไม่ขาดตกบกพร่อง