ข้อความต้นฉบับในหน้า
"
๒๔
เพราะฉะนั้น ผลที่ได้ในคราวทำธุรกิจ คือ
เขาทำตามกำลังบุญ เขาไม่ได้โกงบุญตัวเอง เขาก็
ย่อมได้กำไรเท่าที่เขาตั้งเป้าเอาไว้ นักธุรกิจพวกที่
สาม นี้ จัดว่าเป็นพวกทำตามกำลังบุญ
นักธุรกิจกลุ่มที่ ๔ “พวกทำเต็มกำลังบุญ”
คือ กลุ่มนักธุรกิจที่ตั้งเป้าหมายในการทำงาน
ไว้ว่าจะได้กำไรมากน้อยเท่าไร ถึงเวลาผลตอบแทน
ที่ออกมากลับได้เกินเป้าที่ตั้งเอาไว้ทุกที
กลุ่มนี้คือพวกที่ดูแลพระในบ้าน คือ ดูแล
พ่อแม่อย่างวิเศษ บูชาพ่อแม่เอาไว้เหนือหัว ไม่ว่ามี
อะไร จะไม่ปล่อยให้มากระทบท่าน อันเป็นเหตุให้
เดือดเนื้อร้อนใจ
นอกจากดูแลพ่อแม่อย่างดีเยี่ยม โดยไม่ให้
ท่านเดือดเนื้อร้อนใจแล้ว เมื่อพ่อแม่อยากจะทำบุญ
ทำทานอะไร เขาช่วยจัดการให้เสร็จ ไม่ต้องรอให้
พ่อแม่ต้องเอ่ยปาก ช่วยจัดสรรทุกอย่างให้ท่าน
เรียบร้อย อีกทั้งนึกถึงพระคุณของท่านอยู่เสมอว่า
เมื่อตอนที่เราเล็กๆ แม่พ่อเห็นอะไรอร่อยๆ หรือ
เห็นของเล่นอะไร น่าจะให้เราเล่น หรือเห็นเสื้อผ้า
๒๕
ตัวไหนสวยๆ ท่านก็หามาให้ พ่อแม่ไม่ต้องรอให้
เราร้องไห้ ไม่ต้องรอให้เราออดอ้อน ท่านก็ขนมมา
ให้ ”
เมื่อเขานึกถึงภาพที่พ่อแม่เลี้ยงดูเขามาอย่างดี
นี้แล้ว ก็ตั้งใจบำรุงพ่อแม่อย่างดี ไม่ต้องรอให้ท่าน
เอ่ยปากขอ เขาเห็นอะไรที่ดี มีประโยชน์ต่อพ่อแม่
เขาก็ขนมาบำรุงบำเรอพ่อแม่เต็มที่ นักธุรกิจกลุ่มนี้
เขาดูแลพระในบ้านอย่างวิเศษดีเยี่ยม
ส่วนการดูแลพระนอกบ้านของเขาเป็น
อย่างไร กลุ่มนี้เมื่อได้สัญญาไว้กับพระสงฆ์ หรือ
สัญญากับองค์กรสาธารณกุศลว่า จะทำบุญทำทาน
จะสนับสนุนอะไร อย่างไร เมื่อไร ครั้นถึงเวลา
เขาพิจารณาเห็นว่ามีกำลังทำได้มากกว่านั้น เขาจะ
เพิ่มเติมลงไปในงบประมาณที่ตั้งไว้ตอนแรกทันที
การดูแลพระนอกบ้านของเขาวิเศษอย่างนี้
จึงไม่ใช่ทำตามกำลังบุญ แต่ต้องใช้คำว่า “ทำเต็มกำลัง
บุญ” เพราะฉะนั้น พอถึงคราวที่ผลบุญตรงนี้ส่งผล
ออกมา ไม่ว่าเขาจะไปหยิบอะไร แม้จะมีมรสุมโหม
กระหน่ำรุนแรงขนาดไหน มันเฮงเกินคาด ได้กำไร
เกินเป้า หมายที่ตั้งไว้ทุกทีไป นักธุรกิจกลุ่มสุดท้าย
นี้ จัดเป็นพวกทำเต็มกำลังบุญ