ข้อความต้นฉบับในหน้า
นัยลึกซึ้งสุขุมลุ่มลึกยิ่งนัก เพราะหากกล่าวถึงพระ
วินัยเป็นเรื่องของศีล หรือคำสั่งให้ปฏิบัติตาม บาง
ยุคบางสมัยพระพุทธองค์ก็บัญญัติพระวินัยไว้เพียง
เล็กน้อย เพราะเหล่าสาวกตั้งใจปฏิบัติตามคำสอน
จึงไม่มีข้อห้ามมากมายนัก ส่วนพระสูตรเป็นเรื่อง
ของสมาธิหรือคำสอน ที่พระองค์ทรงนำมา
ถ่ายทอดให้เหล่าสาวกได้นำไปปฏิบัติให้ได้บรรลุ
มรรคผลนิพพาน ซึ่งต้องอาศัยการทำสมาธิจึงจะ
หลุดพ้นจากทุกข์ได้ ส่วนพระอภิธรรมนั้น แม้จะ
บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลก็ยังต้องศึกษา
ธรรมะขั้นสูงต่อไปอีก
พระพุทธองค์ทรงเริ่มแสดงพระอภิธรรม
ปราบพวก
หลังจากทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์
เดียรถีย์ที่โคนต้นคัณฑามพฤกษ์มะม่วงหอมเสร็จ
แล้ว ก็ทรงเสด็จเหาะขึ้นไปเพื่อจำพรรษาที่สวรรค์
ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกเทวราชทอดพระเนตรเห็นพระ
ผู้มีพระภาคเจ้า จึงเสด็จลุกขึ้นจากบัณฑุกัมพล
ศิลาอาสน์ รีบเสด็จไปต้อนรับพร้อมด้วยหมู่
เทพยดา พวกเทวดาต่างพากันคิดว่า ท้าวสักกะ
แวดล้อมไปด้วยหมู่เทพ ประทับนั่งบนบัณฑุกัมพล
ศิลาอาสน์ยาว ๖๐ โยชน์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้า
ประทับนั่งแล้ว คนอื่นก็ไม่สามารถจะวางแม้แต่
ฝ่ามือลง ณ พระแท่นนี้ได้ ฝ่ายพระบรมศาสดาทรง
ทราบวาระจิตของเหล่าทวยเทพ จึงใช้พุทธานุภาพ
ประทับนั่ง จนเต็มบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ บัณฑ
กัมพลศิลาอาสน์จึงดูเหมือนเล็กนิดเดียว
เมื่อเทพบุตรพุทธมารดาซึ่งเสวยทิพย
สมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิต ทราบว่าพระบรมศาสดา
เสด็จมาแสดงธรรม จึงเสด็จจากดุสิตบุรีพร้อมด้วย
เทพบริวารมากมายเพื่อมาฟังธรรม พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าทรงเริ่มแสดงพระอภิธรรมปิฎก ตั้งแต่ กุ
สลา ธมมา อกุสลา ธมมา อยากตา ธมฺมา
เป็นต้นไป เพื่อโปรดทวยเทพในหมื่นจักรวาล ทำให้
เทพบุตรเทพธิดาบรรลุธรรมกันนับไม่ถ้วน
ส่วนพุทธบริษัทประมาณ ๑๒ โยชน์ ซึ่ง
ตัดสินใจตั้งหลักแหล่งอยู่ใกล้ๆ บริเวณต้นมะม่วง
ตลอด ๓ เดือน เพื่อรอรับพระพุทธองค์ และด้วยจิต
๑๔
ที่เลื่อมใสในรัตนะอันเลิศ ท่านจุลลอนาถบิณฑิก
เศรษฐี ได้บริจาคทานให้กับพุทธบริษัทประมาณ
๑๒ โยชน์ ตลอด ๓ เดือน ในฤดูกาลนั้น ฝนฟ้าไม่
อากาศแจ่มใสตลอดเวลา ทุกคนต่างก็ฟัง
อภิธรรมที่พระมหาโมคคัลลานะได้รับฟังมาจาก
ตก
พระพุทธองค์อีกทีหนึ่ง พรรษานั้นจึงเป็นพรรษา
แห่งการฟังพระอภิธรรมล้วนๆ โดยเฉพาะลูกศิษย์
ของพระสารีบุตร ๕๐๐ รูป ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงจำใน
พระอภิธรรมมากที่สุด ในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมเป็น
พระอรหันต์ เพราะท่านเคยสั่งสมเรื่องการฟัง
อภิธรรมมามาก
๕๐๐
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปว่า
สมัยที่พวกท่านเคยบังเกิดเป็นค้างคาวหนู
ตัว ในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า
กัสสปะ ค้างคาวหนูอาศัยอยู่ที่เงื้อมเขาแห่งหนึ่ง
ในถ้ำนั้นมีพระเถระ ๒ รูปเดินจงกรม แล้วท่องบ่น
พระอภิธรรมไปด้วย ค้างคาวหนูได้ฟังบ่อยๆ ก็ถือ
เอาเสียงนั้นเป็นนิมิตทำให้จดจำได้ แต่ไม่รู้ว่า ธรรม
เหล่านั้น ชื่อว่าขันธ์ ธรรมเหล่านี้ ชื่อว่าธาตุ เพราะ
สักแต่ว่าถือเอาเป็นนิมิตในเสียงเท่านั้น แต่ด้วยจิต
ที่เลื่อมใสในเสียง การฟังพระสวดพระอภิธรรมใน
ครั้งนั้น ละโลกไปแล้วทำให้ไปบังเกิดในเทวโลก มี
วิมานสว่างไสว เสวยทิพยสมบัติสิ้นพุทธันดรหนึ่ง
พอจุติจากเทวโลกแล้วก็มาเกิดในกรุงสาวัตถี เมื่อ
เติบโตขึ้นจึงชักชวนกันบรรพชาในสำนักของพระ
สารีบุตรเถระ
ในเวลาจบพระธรรมเทศนา