ข้อความต้นฉบับในหน้า
ซึ่งในขณะที่พระอนุรุทธเถระกำลังเที่ยว
แสวงหาเศษผ้าอยู่นั้นเทพธิดาชาลินีก็ได้ไปเห็นเข้า
เธอจึงตั้งใจว่าจะเอาผ้าทิพย์ 3 ผืน ยาว 13 ศอก
กว้าง 4 ศอก น้อมถวายแด่ท่าน แต่แล้วเธอก็กลับ
ฉุกคิดในใจได้ว่า “ถ้าเราจะถวายโดยตรงพระเถระ
ก็จะไม่รับ” เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่
ทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้รับ
เมื่อเป็นดังนี้ เทพธิดาชาลินีจึงได้น้อมนำ
เอาผ้าทิพย์ของเธอไปใส่ไว้ในกองหยากเยื่อ
บริเวณที่พระอนุรุทธเถระท่านจะต้องเดินผ่าน ซึ่ง
ขณะที่นำผ้าทิพย์ไปใส่นั้น
ซึ่งอยู่
เธอก็ตั้งใจให้ชายผ้า
ทิพย์โผล่พ้นออกมาให้ดูเห็นง่ายๆ และในที่สุดพระ
อนุรุทธเถระท่านก็ได้ไปเห็นผ้าทิพย์ดังกล่าวจริงๆ
จากนั้น ท่านก็จับที่ชายผ้าแล้วดึงออกมาเพื่อนำ
กลับไปทำจีวรต่อไป
จากเหตุการณ์นี้เอง จึงกลายมาเป็นจุดเริ่ม
ต้น หรือเป็นต้นเรื่องที่ทำให้ผู้ใจบุญในสมัย
พุทธกาลเกิดความคิดที่จะทำตามแบบ เทพธิดา
ชาลินี ซึ่งเมื่อเกิดความคิดดังนั้นแล้ว ผู้ใจบุญใน
สมัยพุทธกาลจึงเลียนแบบแล้วก็นำไปพัฒนาต่อ
นั่นเอง โดยการจงใจนำผ้าไปไว้ตามที่ต่างๆ เช่น ที่
ต้นไม้, ตามกองขยะ, กองหยากเยื่อ, ในป่า หรือ
ตามข้างทาง เป็นต้น ซึ่งเป็นที่ที่ผู้ใจบุญคิดแล้วว่า
พระภิกษุสงฆ์จะต้องเดินผ่าน โดยทำที่เป็นเหมือน
ว่า “ผ้านี้ทิ้งแล้ว” เมื่อมีพระภิกษุเดินไปพบท่านก็
เพราะ
จะหยิบและนำผ้าดังกล่าวไปทำเป็นจีวร
ถือว่าเป็นผ้าที่ไม่มีเจ้าของซึ่งผ้าชนิดนี้จะเรียกว่า
“ผ้าป่า” เพราะเอามาจากป่า หรือ “ผ้าบังสุกุล” ที่
แปลว่า ผ้าเปื้อนฝุ่นนั่นเอง
เรื่องราวประวัติความเป็นมาของการ
ทำบุญทอดผ้าป่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ลูกๆ ทุก
คนก็คงจะต้องอดใจรอฟังกันต่อในตอนต่อไป
DMC www.dmc.tv
พระอนุรุทธะเถระเหี่ยวแสวงหาเศษผ้าจากที่ต่างๆ
เพื่อนำมาทำเป็นผ้าจีวร
www.dmc.tv
เทพธิดาชาลินีนําผ้าทิพย์ที่ตั้งใจถวายพระอนุรุทธะเถระ
ไปวางไว้ในบริเวณกองหยากเยื่อที่ท่านต้องเดินผ่านมาเห็น
DMC www.dmc.tv
ผู้ใจบุญที่ต้องการถวายผ้าแด่พระภิกษุต้องนำผ้าไปทอดวางไว้ตาม
ที่ต่างๆ เสมือนว่า ผ้านี้ทิ้งแล้ว เพื่อให้ท่านได้เก็บไปทำเป็นจีวรต่อไป