ข้อความต้นฉบับในหน้า
ดังนั้นคำว่า “ฝันในฝัน” จึงเป็นคำที่สื่อความหมายถึงความรู้ภายในที่อยู่ใน กลางกาย
ธรรม ตรงตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และธรรมะที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
ทุกประการ
สำหรับสรรพนามที่พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ใช้คำเรียกแทนตัวท่าน
เองว่า "ครูไม่ใหญ่" ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยานั้น เนื่องจากท่านเริ่มศึกษา
ธรรมะกับคุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นนิสิต
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านจึงเคารพนับถือคุณยายอาจารย์ฯ ว่าเป็นครูบาอาจารย์
ของท่าน เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อกล่าวถึงคุณธรรมของคุณยายอาจารย์ฯ ใน
โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ซึ่งมีรูปภาพของคุณยายอาจารย์ฯ ประดิษฐานอยู่ใน
สถานที่แห่งนี้ด้วย ท่านจึงยกย่องให้คุณยายอาจารย์เป็นครูใหญ่ แล้วกล่าวถึงตัวท่านเอง
ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนว่าเป็น “ครูไม่ใหญ่” ซึ่งเป็นคำที่เข้าใจง่าย ๆ ระหว่างครูกับ
นักเรียน และเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ที่พึงแสดงความเคารพต่อครูบาอาจารย์
การที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านเรียกผู้ฟังธรรมว่า “ลูกพระธัมฯ” เพราะชื่อจริงของท่าน
คือ “หลวงพ่อธัมมชโย” (สมณศักดิ์เป็นที่ พระราชภาวนาวิสุทธิ์) เมื่อมีการสนทนาธรรม
พูดคุยแบบเป็นกันเองเหมือนพ่อคุยกับลูกในครอบครัว ท่านจึงเรียกว่า "ลูกพระธัมฯ”
แต่บางครั้งท่านสนทนาธรรมกับสาธุชนที่เพิ่งเข้าวัดมาใหม่ ๆ ท่านก็ใช้คำเป็นทางการว่า
“ญาติโยม" ด้วยเหมือนกัน
ทําไมต้องท่าการบ้าน 10 ข้อ ที่ครูไม่ใหญ่ให้?
การบ้าน 10 ข้อ เป็นไปเพื่อการน้อมนำใจให้จดจ่ออยู่กับบุญกุศล ตั้งแต่ตื่นนอน
จนกระทั่งเข้านอน เพราะในชีวิตประจำวันของแต่ละคน ล้วนต้องพบเจออุปสรรคมากบ้าง
น้อยบ้างแตกต่างกันไป หากใครรักษาใจให้จดจ่ออยู่กับบุญกุศลได้มากเท่าไร อานุภาพ
ของใจก็จะดึงดูดบุญเก่ามาสมทบกับบุญใหม่ แล้วขจัดปัดเป่าอุปสรรคในชีวิต จากหนัก
ก็จะเป็นเบา จากเบาก็จะสลายหายไป และบุญที่เราจดจ่ออยู่ทั้งวันนี้ ก็จะดึงดูดให้สิ่งที่
ดีๆ เข้ามาสู่ชีวิตเรา เมื่อถึงคราวนั่งสมาธิเจริญภาวนา จะสามารถทำใจหยุดนิ่งให้เข้าถึง
พระธรรมกายได้โดยง่าย