ข้อความต้นฉบับในหน้า
46 อะไรที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ7 9
เข็ดแล้วกับการมาวัดนี้ 47
ไปเป็นคนละคน กลายเป็นคนอ่อนโยน มีน้ำใจ ไม่เห็น
แก่ตัว ไม่โวยวายเหมือนเมื่อก่อน จนสุดท้ายเหลือแต่
สามีคนเดียวที่ยังแอนตี้วัดอยู่ เราก็หว่านล้อมเขาให้ไป
ปฏิบัติธรรมจนได้ เขาจึงได้มีโอกาสถามข้อสงสัยเกี่ยว
กับวัดทุกข้อกับพระอาจารย์จนเคลียร์ เลยทำให้เขาเข้าใจ
และนับจากนั้นครอบครัวเราก็เหมือนครอบครัวสวรรค์
ทุกคนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น นั่งสมาธิกันทุกวันเช้า-เย็น
ดู DMC ทุกวัน เปิดไว้ตลอดเวลา ทำให้ไม่ทะเลาะ
เบาะแว้งกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะวัดพระธรรมกาย
แท้ๆ ตรงนี้แหละค่ะ จึงเป็นเหตุทำให้เราเปลี่ยนใจ รู้สึก
ว่าวัดพระธรรมกายดีมากๆ ที่แก้ไขปัญหาครอบครัวเราได้
ส่วนเรื่องการทำบุญ ตั้งแต่เราได้ทำบุญกับวัดมา แม้จะทำบุญ
มากมายแค่ไหน เงินเราก็ไม่เคยหมดเลย ซึ่งเราก็แปลก
ใจอยู่เหมือนกัน ยิ่งทำบุญ ยิ่งทำให้มีรายได้มากขึ้น
และมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับครอบครัวเราเสมอ แม้ชีวิต
จะมีอุปสรรคบ้าง แต่สุดท้ายก็คลี่คลายไปในทางที่ดี
อย่างไม่น่าเชื่อ
และทุกวันนี้ นอกจากการทำมาหาเลี้ยงชีพแล้ว ครอบครัวเรา
ทุกคนก็ยังทำหน้าที่กัลยาณมิตรชวนคนไปวัดด้วย โดย
จะแนะนำให้เขานั่งสมาธิ ชักชวนให้เขาไปพนาวัฒน์
ก่อนที่จะชวนเขามาวัดในวันที่คนมามากๆ เพราะหาก
เขายังไม่เข้าใจ ยังไม่มีพื้นฐานในเรื่องวัด เขาอาจจะ
แอนตี้แบบเราในตอนแรกได้ เพราะตอนนั้นไม่มีใคร
อธิบายอะไรให้เราฟัง แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่า การมา
วัดเป็นการมาเอาบุญ จะให้สะดวกสบายทุกอย่างเหมือน
อยู่ที่บ้าน เดินสบายๆ เหมือนไปห้าง มันเป็นไปไม่ได้
การมาวัดเราก็ต้องมาฝึกตัวด้วย มาฝึกแก้นิสัยที่ไม่ดี
ในตัวเราให้หมดไป
ส่วนเรื่องที่เราเคยมองว่า ทำไมจัดให้แต่คนทำบุญมากๆ นั่งหน้า
ซึ่งจริงๆ แล้ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็อยากให้ทุกคน
นั่งหน้าเหมือนกันหมด แต่หากทำอย่างนั้น เราต้อง
สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมแบบเป็นแนวยาวตลอด ไกล
สุดลูกหูลูกตา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ วัดเราไม่ได้มีที่พอขนาดนั้น
และเพื่อความเป็นระเบียบ เราก็ต้องจัดตามมาตรฐาน
สากล ซึ่งที่ไหนเขาก็ทำกันแบบนี้ และที่สำคัญการมาวัด
โดยแท้จริงแล้วเราจะมาเอาบุญ การนั่งหน้านั่งหลัง
ไม่ได้หมายความว่า คนนั่งหน้าแล้วจะได้บุญมากกว่า
คนนั่งหลังเมื่อไร ขึ้นอยู่ที่ว่าเราได้ทำใจให้ผ่องใสแค่ไหน
มากกว่า