ข้อความต้นฉบับในหน้า
36
จากยาจกหน้าสลับสู่มหาบารษฐีบินล้าน 1
คุณสมเกียรติ - คุณสมพร เกาเล็ก ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัท เค.พี.ธรรมสำเร็จ จำกัด และ บริษัทผ้างาม จำกัด
เป็นธุรกิจตัดเย็บชุดวอร์ม ชุดกีฬา และเสื้อยืดภายใต้แบรนด์ “วิกตอร์รี่” (Victory)
บน
กระต๊อบหน้าด
อุปา
ราชรองหน้าสม
"เมื่อย้อนนึกถึงความลำบากตอนนั้นแล้ว
แทบไม่น่าเชื่อว่าเราจะผ่านมันมาได้ เพราะชีวิตเรา
เริ่มต้นจากศูนย์กันจริง ๆ ตอนแต่งงานเรายากจนถึง
ขนาดต้องไปกู้เงินมาเข่าที่เล็ก ๆ แถวสลัมปลูก
กระต๊อบมุงจาก ที่เป็นแค่เพิงหมาแหงนขนาด 3 คูณ
4 เมตรเท่านั้น ซ้ำร้ายพอฝนตก น้ำก็รั่วหยดตามรูโหว่
จากหลังคาลงมาในกระต๊อบ ทำให้ต้องย้ายของหลบ
ไปหลบมา วิ่งเอาซัน เอากะละมังไปรองกันให้วุ่น
แม้ตอนนั้นผมจะเป็นเพียงโฟร์แมนในโรงงาน
ย้อมผ้า ส่วนภรรยาก็เป็นแค่เสมียน แต่เราทั้งสองก็
วาดฝันกันว่า สักวันจะต้องลืมตาอ้าปากได้ อีกทั้งใน
อนาคตเราอยากจะมีอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ไว้ขายของ
และมีเงินเก็บไว้ในบัญชีก 10 ล้านบาท.....
แต่การไปถึงฝัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับ
คนจน ๆ ที่เป็นลูกจ้างกินเงินเดือนอย่างเรา จึงเป็น
เหตุให้ภรรยาผมท่าอาชีพเสริม โดยไปซื้อของจาก
สำเพ็งมาขาย อีกทั้งยังอดหลับอดนอนไปรับตุ๊กตา
ตัวเล็กๆ จากโรงงานมาประกอบ ได้ค่าแรงตัวละ 1 บาท
ยอมรับว่าชีวิตช่วงนั้นลำบากมาก แต่แม้จะ
ลำบาก หรือมีเงินน้อยแค่ไหน ผมก็สังเกตเห็นว่า
ภรรยาของผมไม่เคยทิ้งเรื่องการทำบุญเลย เนื่องจาก
เธอเป็นคนใจบุญและเข้าวัดพระธรรมกายตั้งแต่เป็น
นักศึกษา ซึ่งหลังแต่งงานแล้ว เธอก็ยังขอผมไปวัดนี้
อยู่เรื่อย ๆ โดยทำบุญทีละ 20 บาทบ้าง 100 บาทบ้าง
แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า วัดนี้มีอะไรดีนักหนา ทำไม
เธอชอบไปแต่วัดนี้ ทั้ง ๆ ที่วัดแถวบ้านก็มีอยู่ตั้งหลายวัด
ทำไมไม่ไป หน้าซ้ำการเดินทางไปวัดพระธรรมกาย
ในสมัยก่อนก็ลำบากแสนเข็ญ เพราะเราไม่มีรถส่วนตัว
จึงต้องกระเสือกกระสนขึ้นรถเมล์จากจังหวัดสมุทรสาคร
ไปยังจังหวัดปทุมธานี ผ่านถนนลูกรังขรุขระ กว่าจะ
ถึงวัดก็ปาไปตั้ง 2-3 ชั่วโมง อีกทั้งกว่าจะกลับถึงบ้าน
ก็ 3-4 ทุ่ม จนผมอดที่จะคิดในใจไม่ได้ว่า ภรรยาผม
จนผมอดที่จะคิดในใจไม่ได้ว่า
ภรรยาผมโดนล้างสมองหรือ
เปล่า แต่ผมก็ไม่เคยว่าอะไร
เธอเลย เพราะคิดว่า ถึงเธอไป
วัดทำบุญ ก็ยังดีกว่าผม ที่พอ
สุดสัปดาห์ก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้า
เมาแอ๋ กลับมาโวยวาย หมด
เงินหมดทองไปเยอะ 55
โดนล้างสมองหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่เคยว่าอะไรเธอเลย
เพราะคิดว่าถึงเธอไปวัดทำบุญ ก็ยังดีกว่าผมที่พอ
สุดสัปดาห์ก็เอาแต่นั่งดื่มเหล้าเมาแอ๋ กลับมาโวยวาย
หมดเงินหมดทองไปเยอะ
ภรรยาของผมขยันทำมาหากินพอ ๆ กับ
ขยันไปทำบุญที่วัด ส่วนผมก็ขยันเมาเหล้าพอ ๆ กับ
ขยันทำงาน เราดำเนินชีวิตคู่อย่างนี้มาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2537 ภรรยาผมถามว่า วัดพระธรรมกาย
จะมีการหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำด้วยทองคำแท้ ๆ ขอ
จากยากหาบ มหารษฐกินล้าน 1
บุญจากการหล่อพระด้วยทองคำแท้ ๆ มีอานิสงส์
มากจนเราประมาณค่าไม่ได้ อีกทั้งโอกาสแบบนี้ก็ไม่
ได้มีบ่อย ส่วนเธอก็เอาแหวนหมั้นทองคำหนัก 1 สลึง
ซึ่งเป็นทองคำชิ้นเดียวที่เธอมี มารวมกับสร้อยที่ขอ
จากผม รวมแล้วเป็น 3 สลึง ไปร่วมทำบุญหล่อหลวงปู่
การทําบุญหล่อหลวงปู่ทองคําเป็นบุญแรก
ในชีวิตที่ผมทำกับวัดพระธรรมกาย ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคย
ที่
ไปวัดนี้เลย อีกทั้งยังเป็นบุญที่ผมและภรรยาทำมากที่สุด
ในชีวิต ซึ่งพอย้อนระลึกนึกถึงบุญนี้ทีไร ก็รู้สึกว่า
ตัดสินใจไม่ผิดเลย เพราะบุญนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยน
ชีวิตของเราสองคน!
หลังจากนั้นไม่นาน มันแปลกมาก แปลกจน
ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อ คือหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็น
ทองไปหมด มือขึ้นมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ขาย
ของดีเป็นเทน้ำเทท่า จนมีกำไรไปดาวน์รถกระบะได้ 1
ตัน จากนั้นเราก็คิดหาอาชีพที่คาดว่าจะทำเงินได้มาก
กว่าเก่า ก็คือ ขายส่งผัก โดยขับรถกระบะไปตลาด
สี่มุมเมืองตั้งแต่ตี 5 แล้วก็ซื้อผักมาขายส่ง ซึ่งภายใน 5
โมงเช้า เราก็ขายหมดเกลี้ยงทุกวัน เพราะมีเจ้าประจำ
จองไว้จำนวนมาก ซึ่งก็แทบไม่อยากเชื่อ เราใช้เวลา
เพียง 2 ชั่วโมง แต่กลับได้กำไรเป็นเงินสด ๆ วันละ
1,000 บาท ซึ่งเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ถือว่าเรามีรายได้สูง
มาก และจากการขายผักนี่เองทำให้เรามีเงินถุงเงินถัง
จนมีทุนต่อทุน แล้วไปกว้านซื้อเศษผ้าจากโรงงานที่
เขาทิ้ง แล้วมาคัดแยกเกรดส่งขาย เพราะรายได้ดีกว่า
การขายผักมาก คือ เดือนละเกือบ 50,000 บาท จน
เรามีเงินไปซื้อที่ดิน 64 ตารางวา มูลค่า 700,000 บาท
สร้อยทองหนัก 2 สลึงของผมไปหล่อด้วยได้ไหม ผมก็ มาเป็นของตัวเอง....
ๆ
ตัดสินใจยกให้เธอไปอย่างไม่คิดเสียดายเลย ทั้ง
ที่เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นเดียวที่มีอยู่ตอนนั้น เพราะผมรู้ว่า
www.kalyanamitra.org.
37