อภิสัมพัฒน์โพธิญาณ Dhamma TIME เดือนมกราคม พ.ศ. 2557 หน้า 25
หน้าที่ 25 / 40

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระองค์ซึ่งได้สั่งสอนให้ผู้อื่นบรรลุธรรม เพื่อดับทุกข์ ส่วนเจ้าชายทั้ง 6 ที่ตัดสินใจบวชพร้อมกันกับนายอุบล พวกเขาได้ค้นพบความสุขอันยั่งยืนเมื่อเปลี่ยนความสนใจจากทรัพย์สมบัติไปสู่การปฏิบัติธรรม โดยการบวชได้นำพาท่านพระศาสดาไปสู่การบรรลุเป็นพระอรหันตังค์แห่งความสุข พระองค์ได้ให้ความสำคัญกับการอยู่ในสภาพที่ไม่มีความหวาดกลัว ซึ่งนำไปสู่การเห็นคุณค่าของชีวิตนักบวชและสุขแบบธรรมกายที่ปราศจากความทุกข์และความกังวลผ่านพระรัตนตรัย ซึ่งทำให้จิตใจเบิกบานและสุขใจอย่างแท้จริง.

หัวข้อประเด็น

-การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-การบวชของเจ้าชายทั้ง 6
-ความสุขในธรรม
-การปฏิบัติธรรมเพื่อความสุข
-จิตใจที่ปราศจากความหวาดกลัว

ข้อความต้นฉบับในหน้า

แสดงหาอภิสัมพัฒน์โพธิญาณ พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงส่งสอนชาวโลกให้บำเพ็ญบรรลุ เพื่อดับเครื่องร้อยรอดคือ ถามโยคะ ภโยคะ ทีภูโยคะ และอวิชาโยคะ อันเป็นกสิสที่ตีรังสัตว์โลกไว้ในนม 3 * ในมัยพุทธกาล มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินผู้ปรารถนาจะพิชกทุกชนิดเดียวกันพระองค์ฯ พากันออกบวชเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระปฤษฎี-ญาติของพระองค์ ได้แก่เจ้าชายอรุณทรง เจ้าชายอานนท์ เจ้าชายภททะะ เจ้าชายภัคคู เจ้าชายกิมพละ และเจ้าชายเทวทัต มีนายอุบลสิ ซึ่งเป็นช้างกลบหรือตัดผมติดตามไปด้วย ในวันที่เสด็จออกบวช เมื่อเจ้าชายทั้ง 6 พระองค์เสด็จไปถึงเขตแดนของกษัตริย์พระองค์ฯ ได้รับสั่งให้นายอุบลนำเครื่องอาราฏน์และเครื่องประดับอันมีค่ากลับไป คิดว่าพระชาคมารเหล่านี้ทรงสะระทรัพย์สมบัติให้เราโดยไม่ดี เหมือนนม้นนำสายทิ้ง การบวชน่าจะประเสริฐกว่าสมบัติหลานี้แน่นอน คิดดังนั้นแล้วจึงนำเครื่องประดับและอาราฏน์แขวนไว้ที่กิ่งไม้ แล้วจึงรับติดตามเจ้าชายทั้ง 6 ไป เพื่ออุบวชด้วย เมื่อเจ้าชายทั้ง 6 พร้อมทั้งบัลเข้าไปถึงที่ประทับของพระพุทธองค์ เจ้าชายทั้ง 6 ได้กราบทูลว่า “พระพุทธเจ้าข้า พระข้าพระองค์ยังมีภิรมานะอยู่นำ” อบลนี้เป็นช่างตัดผมมิใช่พวกข้าพระองค์มานานแล้ว ขพระองค์พากคงให้เขาบวชก่อนเกิด พวกมอฉันจะได้อาวิวาก ลูกขึ้นรับกระท่อัฐธิษะ และสมาคิกรรมแก่เณ เพื่อคลี่้ทิ้งมานะของตนเอง ความดีตัวว่าเป็นเจ้าคากะจะได้หมดไป” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงโปรดให้ขออุบลบวช และในที่สุด ก่อน และให้คายกมาชบูชาหลังจากบวชแล้ว หลังจากตั้งใจทำความเพียรบรรลุธรรมแต่ละ ส่วนพระังก็ทิละสมบัติยกลไปตามลำดับ ส่วนพระทักษิยะก็สมปรารถนาถึงได้บรรลุเป็นพระอรหันตังค์แห่งความสุขบรมสุข พระองค์ก็สมบรรลุถึงเป็นอมตะ พระภิกษุที่เป็นสมมติสงได้ยินดังนั้น ต่างเข้าใจผิดคิดว่าท่านคงจะลักถึงความสุขเมื่อครั้งยังเป็นสมบัติอีสย สุขในธรรมมิ จึงพากันไปกราบทูลเรื่องนี้ต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์จึงรับสั่งให้เรียกท่านมา แล้วถามว่าว่า “ท่านเปล่งอหานว่า สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ นั้นจริงหรือ “พระภิกษุทูลว่า “เป็นความจริง” ท่านได้กราบทูลตอนว่า “เมื่อก่อนน้องพระองค์เป็นพระโอวาทแผ่นดิน แม้ภายในพระนคร ได้จัดการรักษาอย่างเรียบร้อย ภายในอจะจัดการอารักขาอย่างเข้มแข็ง และทั่วทั้งพระนคร มีการดูแลรักษาอย่างทั่วถึงก็ถึงเพียงใครก็ตามแต่พระองค์ก็ยังมีความหวาดกลัวอยู่ แต่บัดนี้พระองค์ก็อยู่ในเทวมนพฤติ ไม่ว่าจะไปสูป่า อยู่ตามโคนไม้ หรือในเรือนว่างก็ดี ข้าพระองค์ไม่มีความหวาดหวั่นหรือสะดุ้งกลัวเลย ข้าพระองค์จึงพิจารณาเห็นประโยชน์ของชีวิตนักบวชที่ไม่มีความกังวลอย่างนี้ จึงได้ปล่อยวางอยูเรื่อยๆ ว่า สุขจริงหนอ พระเจ้าข้า” เพราะฉะนั้น ที่ท่านปล่อยอยู่นั้นก็รำคาญความสุข เพราะว่าท่านได้เข้าเห็นแห่งความสุขในเป็นสุขอยู่ในกลางธรรมกาย มีแต่ความสุขส่วนไม่มีความทุกข์เจ็บปวด ความเดือดร้อนใจหงุดหงิดไป จิตใจเบิกบาน สดชื่น เพราะพระรัตนตรัยเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ความเบิกบานใจ ที่ไม่มั่วใด
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More