ข้อความต้นฉบับในหน้า
แสดงหาอภิสัมพัฒน์โพธิญาณ
พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงส่งสอนชาวโลกให้บำเพ็ญบรรลุ เพื่อดับเครื่องร้อยรอดคือ ถามโยคะ ภโยคะ ทีภูโยคะ และอวิชาโยคะ อันเป็นกสิสที่ตีรังสัตว์โลกไว้ในนม 3
* ในมัยพุทธกาล มีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินผู้ปรารถนาจะพิชกทุกชนิดเดียวกันพระองค์ฯ พากันออกบวชเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระปฤษฎี-ญาติของพระองค์ ได้แก่เจ้าชายอรุณทรง เจ้าชายอานนท์ เจ้าชายภททะะ เจ้าชายภัคคู เจ้าชายกิมพละ และเจ้าชายเทวทัต มีนายอุบลสิ ซึ่งเป็นช้างกลบหรือตัดผมติดตามไปด้วย
ในวันที่เสด็จออกบวช เมื่อเจ้าชายทั้ง 6 พระองค์เสด็จไปถึงเขตแดนของกษัตริย์พระองค์ฯ ได้รับสั่งให้นายอุบลนำเครื่องอาราฏน์และเครื่องประดับอันมีค่ากลับไป คิดว่าพระชาคมารเหล่านี้ทรงสะระทรัพย์สมบัติให้เราโดยไม่ดี เหมือนนม้นนำสายทิ้ง การบวชน่าจะประเสริฐกว่าสมบัติหลานี้แน่นอน คิดดังนั้นแล้วจึงนำเครื่องประดับและอาราฏน์แขวนไว้ที่กิ่งไม้ แล้วจึงรับติดตามเจ้าชายทั้ง 6 ไป เพื่ออุบวชด้วย
เมื่อเจ้าชายทั้ง 6 พร้อมทั้งบัลเข้าไปถึงที่ประทับของพระพุทธองค์ เจ้าชายทั้ง 6 ได้กราบทูลว่า “พระพุทธเจ้าข้า พระข้าพระองค์ยังมีภิรมานะอยู่นำ” อบลนี้เป็นช่างตัดผมมิใช่พวกข้าพระองค์มานานแล้ว ขพระองค์พากคงให้เขาบวชก่อนเกิด พวกมอฉันจะได้อาวิวาก ลูกขึ้นรับกระท่อัฐธิษะ และสมาคิกรรมแก่เณ เพื่อคลี่้ทิ้งมานะของตนเอง ความดีตัวว่าเป็นเจ้าคากะจะได้หมดไป”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงโปรดให้ขออุบลบวช
และในที่สุด ก่อน และให้คายกมาชบูชาหลังจากบวชแล้ว หลังจากตั้งใจทำความเพียรบรรลุธรรมแต่ละ ส่วนพระังก็ทิละสมบัติยกลไปตามลำดับ ส่วนพระทักษิยะก็สมปรารถนาถึงได้บรรลุเป็นพระอรหันตังค์แห่งความสุขบรมสุข พระองค์ก็สมบรรลุถึงเป็นอมตะ
พระภิกษุที่เป็นสมมติสงได้ยินดังนั้น ต่างเข้าใจผิดคิดว่าท่านคงจะลักถึงความสุขเมื่อครั้งยังเป็นสมบัติอีสย สุขในธรรมมิ จึงพากันไปกราบทูลเรื่องนี้ต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์จึงรับสั่งให้เรียกท่านมา แล้วถามว่าว่า “ท่านเปล่งอหานว่า สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ นั้นจริงหรือ “พระภิกษุทูลว่า “เป็นความจริง”
ท่านได้กราบทูลตอนว่า “เมื่อก่อนน้องพระองค์เป็นพระโอวาทแผ่นดิน แม้ภายในพระนคร ได้จัดการรักษาอย่างเรียบร้อย ภายในอจะจัดการอารักขาอย่างเข้มแข็ง และทั่วทั้งพระนคร มีการดูแลรักษาอย่างทั่วถึงก็ถึงเพียงใครก็ตามแต่พระองค์ก็ยังมีความหวาดกลัวอยู่ แต่บัดนี้พระองค์ก็อยู่ในเทวมนพฤติ ไม่ว่าจะไปสูป่า อยู่ตามโคนไม้ หรือในเรือนว่างก็ดี ข้าพระองค์ไม่มีความหวาดหวั่นหรือสะดุ้งกลัวเลย ข้าพระองค์จึงพิจารณาเห็นประโยชน์ของชีวิตนักบวชที่ไม่มีความกังวลอย่างนี้ จึงได้ปล่อยวางอยูเรื่อยๆ ว่า สุขจริงหนอ พระเจ้าข้า”
เพราะฉะนั้น ที่ท่านปล่อยอยู่นั้นก็รำคาญความสุข เพราะว่าท่านได้เข้าเห็นแห่งความสุขในเป็นสุขอยู่ในกลางธรรมกาย มีแต่ความสุขส่วนไม่มีความทุกข์เจ็บปวด ความเดือดร้อนใจหงุดหงิดไป จิตใจเบิกบาน สดชื่น เพราะพระรัตนตรัยเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข ความเบิกบานใจ ที่ไม่มั่วใด