เศรษฐกิจเชิงพุทธและปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2549 หน้า 38
หน้าที่ 38 / 80

สรุปเนื้อหา

บทเทศนานี้พูดถึงเศรษฐกิจเชิงพุทธและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ โดยนำเสนอแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจตามหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นที่มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่ดี จนถึงปัญหาที่เกิดจากการไม่ระมัดระวังคำพูดและการเหยียดสีผิว แม้ว่ามนุษย์ในยุคนั้นจะมีความสุขทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีอุปสรรคทางจิตใจที่ต้องแก้ไขเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น ปรัชญาเศรษฐกิจเชิงพุทธจึงมีความสำคัญในการออกแบบชีวิตที่ดีและมีความสุขในทุกด้าน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่ dmc.tv

หัวข้อประเด็น

-เศรษฐกิจเชิงพุทธ
-ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ
-แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ
-จิตใจและเศรษฐกิจ
-หลักคำสอนพระพุทธเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๓๖ พระธรรมเทศนา ochrym เศรษฐกิจต้องคู่ไปกับจิตใจ ตอนที่ ๑ เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว) เรื่องที่หลวงพ่อจะนำมาเป็นหัวข้อสนทนากับพวกเราในวันนี้ เป็นเรื่องเศรษฐกิจเชิงพุทธที่พระสัมมา สัมพุทธเจ้าตรัสเล่าถึงที่มาของปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ถูกต้องของโลกนี้ว่า เป็นอย่างไร เพื่อให้เรามองเห็นแนวทางการออกแบบชีวิตตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาได้อย่างชัดเจน ยิ่งๆ ขึ้นไป เศรษฐกิจตกต่ำา เพราะไม่ระมัดระวังคำพูด จึงเกิดขึ้นมาตามลำดับๆ ในที่สุด ต้องอาศัยอยู่ใน โลกมนุษย์ เปลี่ยนสถานภาพจากพรหมกลายเป็น ชาวโลกไป แต่เนื่องจากในตอนนั้นมนุษย์ยังมีสภาพกึ่ง ก่อนอื่นหลวงพ่อขอปูพื้นฐานให้พวกเราเข้าใจ มนุษย์กึ่งทิพย์อยู่ และด้วยอำนาจบุญภายในตัวที่ ในเรื่องเศรษฐกิจของมนุษย์ยุคต้นกัปกันก่อน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเล่าว่า หลังจากที่โลกเผา ไหม้หลอมละลายเป็นหมอกเพลิงผ่านไปเป็นเวลา นานมากแล้ว ก็เริ่มเย็นตัวลงไปตามลำดับ แล้วก็ ก่อร่างก่อรูปเป็นโลกมนุษย์ขึ้นมา ในขณะที่โลก เย็นตัวลงใหม่ๆ พื้นผิวโลกได้มีลักษณะเป็นง้วนดิน ขึ้น มีกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วจนไปถึงพรหมโลก พรหมบางองค์ที่อยู่บนพรหมโลกได้กลิ่น หอมของง้วนดิน จึงเหาะลงมาบนโลกมนุษย์ เมื่อ กินง้วนดินเข้าไป ร่างกายที่เป็นทิพย์ก็เริ่มหยาบขึ้น เรื่อยๆ เลยเหาะกลับวิมานของตัวเองไม่ได้ แล้ว อวัยวะเพื่อใช้ในการย่อยอาหาร ระบบขับถ่ายต่างๆ ยังมีอยู่มาก เลยส่งผลให้มีอาหารการกินกำเนิดขึ้น ตามธรรมชาติไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งไม่ต้องมีที่ อยู่อาศัย ไม่ต้องทำมาหากินอะไรก็มีกิน จึงนับว่า สมัยนั้นเป็นยุคที่มนุษย์ทั้งโลกรวยที่สุด เพราะไม่มี คนยากจนเลย ซึ่งก็หมายความว่าเป็นยุคที่สภาพ เศรษฐกิจดีเยี่ยมที่สุดกว่าทุกยุคสมัยนั่นเอง แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่าตัวเองจะเกิดมา จากพรหม แต่ก็ยังไม่หมดกิเลส เลยก่อเหตุกันได้ ทั้งๆ ที่ไม่ต้องทำมาหากิน แต่เนื่องจากกายที่เป็น ถึงทิพย์กึ่งมนุษย์ของแต่ละคนมีผิวพรรณผ่องใสไม่ เท่ากัน ใครที่ผิวพรรณประณีตกว่าก็เริ่มดูถูกผู้ที่มี ผิวพรรณทรามกว่าตน แล้วก็มีการเหยียดสีผิวกัน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More