มหาวิทยาลัยพอร์ตสมัธของอังกฤษศึกษาพบบทเรียนอันน่าสนใจว่า หากจะจับโกหกใคร ให้คอยจับตาดูดวงตาของผู้นั้นไว้ ทั้งขณะพูดและพูดจบ เพราะจะมีอาการกะพริบตาผิดจากปกติไป
วารสารวิชาการ “พฤติกรรมที่ไม่ใช้คำพูด” เปิดเผยรายงานผลการศึกษาว่า คนพูดโกหกจะกะพริบตาช้ากว่าปกติตอนโกหก แต่พอพูดเสร็จจะกะพริบตาอย่างลุกลี้ลุกลน เร็วกว่าปกติถึง 8 เท่า
ดร.ชารอน ลีลล์ หัวหน้าคณะนักวิจัยกล่าวว่า แบบแผนการกะพริบตา ที่ผิดกันของคนพูดโกหกกับคนพูดจริง นับว่าน่าสนใจมาก และให้ความเห็นว่า คนพูดโกหกอาจจะพยายามจะกลั้นความจริงเอาไว้ จึงทำให้ไม่ค่อยจะกะพริบตาตอนโกหก คนพูดโกหก มักจะต้องกุเรื่องขึ้น และต้องพยายามสร้างเค้าให้ดูเป็นจริงขึ้นให้มากที่สุด ให้เชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คนฟังรู้หรือเคยพบ”
เขาบอกต่อไปว่า “การที่พอพูดโกหกเสร็จ มักจะกะพริบตาถี่กว่าปกติตั้งหลายเท่า ก็เหมือนกับเป็นลิ้นนิรภัย ระบายพลังงานทิ้งหลังจากความกดดันจากการพูดโกหก”
รายงานการศึกษาสรุปว่า ความผิดปกติในการกะพริบตา อาจจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ใช้เป็นเครื่องมือในการจับเท็จได้.
http://goo.gl/uVdnQ