อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาในขณะที่เรืออับปางและกำลังจะจมลงสู่มหาสมุทรในอีกไม่กี่นาที
ในขณะที่เรืออับปางและกำลังจะจมลงสู่มหาสมุทรในอีกไม่กี่นาทีนั้นสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทก็ได้เตรียมตัวก่อนที่จะกระโดดลงสู่มหาสมุทรด้วยการเอาน้ำมันมาทาตัวและก็รับประทานน้ำตาลกรวดกับเนยใสจนเต็มท้องให้พอที่จะประทังชีวิตอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรได้ จากนั้น สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์และบริวารของท่านก็ได้ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดเสากระโดงเรือเมื่อพวกท่านได้ปีนขึ้นไปถึงปลายยอดสุดแล้ว พวกท่านก็ได้ดีดตัวกระโดดพุ่งออกจากเรืออย่างสุดแรงเกิด เพื่อที่พวกท่านจะได้ออกห่างจากเรือไปให้ไกลที่สุดซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ในเรือต่างก็พากันแตกตื่นเสียขวัญจนไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วในที่สุด ผู้คนเหล่านั้นต่างก็ได้เสียชีวิตกันอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งนั้นท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทก็ได้พยายามว่ายน้ำประคองชีวิตเข้าสู่ฝั่งจนส่วนท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทก็ได้พยายามว่ายน้ำประคองชีวิตเข้าสู่ฝั่งจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป 7 วัน ก็ถึงวันอุโบสถ หรือวันพระ สังขพราหมณ์พระโพธิสัตว์ จึงได้บ้วนปากด้วยน้ำเค็ม แล้วท่านก็ตั้งใจสมาทานรักษาอุโบสถศีลอย่างเคร่งครัด คือ แม้ว่าท่านจะอดอาหารและลอยคออยู่ท่ามกลางมหาสมุทรถึง 7 วันแล้วก็ตาม แต่ท่านก็ไม่ได้รู้สึกย่อท้อ หรือท้อแท้ ท้อถอยต่อการทำความดีเลยแม้แต่นิดเดียวมหาสมุทรแห่งนี้จะมีเทพธิดานางหนึ่งที่มีนามว่า“มณีเมขลา”คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมที่ได้รับความเดือดร้อนในมหาสมุทรซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มหาสมุทรแห่งนี้จะมีเทพธิดานางหนึ่งที่มีนามว่า “มณีเมขลา” คอยทำหน้าที่ช่วยเหลือคนดีมีศีลธรรมที่ได้รับความเดือดร้อนในมหาสมุทรอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่ในช่วงนั้น นางมัวแต่เพลิดเพลินเจริญใจอยู่กับการสังสรรค์กับเพื่อนๆ เทวดาอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้นางเกิดละเลยหน้าที่และไม่ได้ตรวจตราดูว่า 7 วันที่ผ่านมา ได้มีผู้ประสบภัยอยู่ในมหาสมุทรแห่งนั้นหรือไม่และในวันที่ 7 นี้เอง ทันทีที่นางนึกขึ้นได้ว่าตัวนางเองได้บกพร่องหน้าที่มาแล้วหลายวัน นางจึงรีบตรวจดูทั่วทั้งมหาสมุทรด้วยทิพยจักษุในทันทีซึ่งก็ทำให้นางได้รู้ว่า “สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทได้ลอยคออยู่ในมหาสมุทรมานาน 7 วันแล้วนั่นเอง”นางไปถึงและเชื้อเชิญให้สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์รับประทานอาหารทิพย์เมื่อนางได้ทราบเช่นนั้นแล้ว นางก็ไม่รอช้ารีบถือถาดทองที่เต็มไปด้วยอาหารทิพย์รสเลิศ แล้วก็ไปช่วยสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์อย่างด่วนจี๋ในทันทีแต่เมื่อนางไปถึงและเชื้อเชิญให้สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์รับประทานอาหารทิพย์สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กลับตอบปฏิเสธเทพธิดามณีเมขลาอย่างไม่มีเยื่อใยว่า “เชิญท่านนำอาหารของท่านกลับไปเถิด เราตั้งใจสมาทานรักษาอุโบสถศีลแล้ว ดังนั้น เราจึงไม่สามารถรับประทานอาหารที่ท่านเตรียมมาให้เราได้”เมื่อบริวารคนสนิทของท่าน ซึ่งไม่ได้เห็นเทพธิดามณีเมขลา ได้ยินพราหมณ์พระโพธิสัตว์กล่าวอย่างนั้น เขาจึงเกิดความสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะถามสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ว่า “ เพราะเหตุไร ท่านจึงได้ละเมอพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว”เราได้เห็นหญิงงามที่มีเครื่องประดับเป็นทองระยิบระยับกำลังถือถาดทองที่เต็มไปด้วยอาหารสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงได้ตอบกลับไปว่า “เราไม่ได้พูดพร่ำเพ้ออะไรทั้งนั้น เราได้เห็นหญิงงามที่มีเครื่องประดับเป็นทองระยิบระยับกำลังถือถาดทองที่เต็มไปด้วยอาหาร แล้วก็เชื้อเชิญให้เรารับประทานอาหารของนางแต่เราก็ได้ตอบปฏิเสธนางไป เพราะเรากำลังรักษาอุโบสถศีลอยู่”บริวารคนสนิทจึงได้เรียนให้ท่านลองถามนางกลับไปว่า “นางเป็นมนุษย์หรือเทวดากันแน่”สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์คิดว่า บริวารคนสนิทพูดถูก เราควรถามให้รู้แน่ชัดว่า นางเป็นใคร และนางมาดูแลเราเพื่อต้องการอะไร ด้วยเหตุนี้เอง ท่านจึงได้ถามคำถามนั้นกับเทพธิดามณีเมขลาในทันทีข้าพเจ้าเป็น เทพธิดา และข้าพเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะมาช่วยท่านโดยเฉพาะในมหาสมุทรนี้ มีข้าว น้ำ ที่นอน ที่นั่ง และยานพาหนะมากมาย
ซึ่งเทพธิดามณีเมขลาก็ได้ตอบสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กลับไปว่า “ ข้าพเจ้าเป็นเทพธิดา และข้าพเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะมาช่วยท่านโดยเฉพาะ ในมหาสมุทรนี้ มีข้าว น้ำ ที่นอน ที่นั่ง และยานพาหนะมากมาย ถ้าท่านมีความปรารถนาสิ่งใด ข้าพเจ้าก็จะเนรมิตให้ท่านทุกอย่างตามที่ท่านปรารถนา ”เมื่อท่านเทพธิดามณีเมขลากล่าวอย่างนั้น สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจว่า “ ท่ามกลางมหาสมุทรที่เวิ้งว้างอย่างนี้ เหตุไฉนจึงมีเทพธิดามาคอยเนรมิตบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ตัวท่านแล้วเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เกิดจากอานุภาพแห่งบุญของตัวท่านเอง หรือเกิดจากอานุภาพของนางเทพธิดากันแน่ ”ผลแห่งบุญที่ท่านได้เคยถวายรองเท้าแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เดินอยู่บนทรายร้อนระอุไว้นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง ท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงได้ถามท่านเทพธิดามณีเมขลาด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า “ เหตุใดข้าพเจ้าถึงได้ที่พึ่งกลางทะเลเช่นนี้ เป็นเพราะผลแห่งบุญของตัวข้าพเจ้าส่งผลหรือไม่ ถ้าหากใช่เช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าทำบุพกรรมอะไรมา จึงได้มาส่งผลทำให้ ข้าพเจ้าได้มาพบกับท่านเทพธิดาเช่นนี้ ”ซึ่งเทพธิดามณีเมขลาก็ได้ตอบพราหมณ์พระโพธิสัตว์ไปว่า “ที่เราได้มาช่วยในท่านในวันนี้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ ผลแห่งบุญที่ท่านได้เคยถวายรองเท้าแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เดินอยู่บนทรายร้อนระอุไว้นั่นเอง ”เมื่อสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็ทำให้ท่านเกิดความปลื้มปีติเบิกบานและอัศจรรย์ใจในผลแห่งบุญอย่างสุดๆขอท่านจงเนรมิตเรือลำเล็กๆ ลำหนึ่งให้แก่ข้าพเจ้าและขอท่านได้ส่งข้าพเจ้าให้ถึงเมืองโมลินีโดยปลอดภัยในวันนี้ด้วยเถิดหลังจากนั้น สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จึงได้กล่าวกับท่านเทพธิดามณีเมขลาว่า “ขอท่านจงเนรมิตเรือลำเล็กๆ ลำหนึ่งให้แก่ข้าพเจ้า และขอท่านได้ส่งข้าพเจ้าให้ถึงเมืองโมลินีโดยปลอดภัยในวันนี้ด้วยเถิด”เมื่อเทพธิดามณีเมขลาได้ฟังอย่างนั้น นางก็เกิดความ เลื่อมใสในสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอง นางจึงได้เนรมิตเรือรัตนะ 7 ขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ซึ่งภายในเรือจะมีเสากระโดงที่ทำด้วยแก้วอินทนิล หรืออัญมณีสีเขียว 3 เสา, มีสายระโยงและหางเสือเป็นทองคำ,มีรอกกว้านเป็นเงินบริสุทธิ์ อีกทั้ง นางยังได้เนรมิตรัตนะ 7 ประการอย่างมากมายบรรจุใส่จนเต็มเรืออีกด้วยเทพธิดามณีเมขลาก็ได้อุ้มสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ คนเดียวเท่านั้น ขึ้นไปบนเรือจากนั้น เทพธิดามณีเมขลาก็ได้อุ้มสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ คนเดียวเท่านั้น ขึ้นไปบนเรือโดยไม่ได้แคร์บริวารคนสนิทของท่านเลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ บริวารคนสนิทของท่านยังมีบุญไม่เพียงพอที่จะสามารถขึ้นเรือลำนี้ได้เมื่อสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์เห็นอย่างนั้น ท่านจึงได้อุทิศส่วนบุญที่ตัวท่านได้สั่งสมเอาไว้อย่างดีแล้ว ให้แก่บริวารคนสนิท ซึ่งบริวารคนสนิทของท่านก็ได้อนุโมทนาสาธุการในบุญกุศลของท่าน และในทันใดนั้นเอง เทพธิดามณีเมขลาก็ได้อุ้มบริวารคนสนิทของท่านขึ้นไปบนเรือนั้นในทันทีสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้ใช้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลเหล่านั้น สั่งสมบุญสร้างบารมีจนตลอดอายุขัยหลังจากที่สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์กับบริวารคนสนิทขึ้นไปอยู่บนเรือแล้ว เทพธิดามณีเมขลาก็ได้นำเรือแล่นไปยังเมืองโมลินีนครด้วยเทวานุภาพ หรืออานุภาพของนางเทพธิดา และเมื่อเรือแล่นไปถึงเมืองโมลินีนครแล้ว นางก็ได้บริการบริการถึงที่ ด้วยการขนรัตนะ 7 ทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในบ้านของสังขะพราหมณ์
พระโพธิสัตว์อย่างเรียบร้อย จากนั้น นางจึงได้ลากลับไปดูแลมหาสมุทรตามเดิม ซึ่งสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้ใช้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลเหล่านั้น สั่งสมบุญสร้างบารมีจนตลอดอายุขัย และเมื่อท่านละจากโลกไปแล้ว ท่านก็ได้เดินทางกลับไปสู่สุคติโลกสวรรค์อย่างสง่างามด้วยผลแห่งบุญนี้ ก็จะส่งผลทำให้ลูกๆ ได้ยานพาหนะที่สุดแสนพิเศษและน่าอัศจรรย์อย่างแน่นอน
จากเรื่องราวของสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์นี้ลูกๆ นักเรียนฯ จะเห็นได้ว่า ด้วยผลแห่งบุญที่ท่านได้อุปัฏฐากนวดฝ่าเท้าพระปัจเจกพุทธเจ้า และได้ถวายร่มกับรองเท้าเพื่อป้องกันไม่ให้กายและเท้าของท่านสัมผัสกับความร้อนระอุนี้ให้ผลที่น่าอัศจรรย์เกินควรเกินคาดเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น การที่ลูกๆ ได้มาร่วมกันรับบุญทำหน้าที่เป็น วี ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SUPER V–ROSE,V-STAR,
วีเคลียร์, วีคลีน หรือวีเสื่อ เป็นต้น หรือ มาทำหน้าที่เป็นอุปัฏฐากแก้ว และมาโปรยกลีบกุหลาบ เพื่อป้องกันความร้อนจากพื้นถนนและให้ความสะดวกสบายแด่คณะพระธุดงค์จำนวน 1,127 รูปในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ด้วยผลแห่งบุญนี้ ก็จะส่งผลทำให้ลูกๆ ได้ยานพาหนะที่สุดแสนพิเศษและน่าอัศจรรย์อย่างแน่นอนส่วนว่า อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบภาคพิเศษข้อต่อไปจะมีรายละเอียดเป็นเช่นไร ก็คงจะต้องรอให้มีการเดินธุดงค์บนเส้นทางมหาปูชนียาจารย์บังเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นเมื่อไหร่นั้น ลูกๆ ก็ต้องติดตามกันต่อในตอนต่อไปอานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 1อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 2อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 11
อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 3
อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ)ตอนที่ 4
อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 12
อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 13
http://goo.gl/8UaB1