เทพธิดาวิมานแก้วประกายเพชรตอนที่ 5

เมื่อตัวลูกได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษแล้ว ตัวลูกก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือหวั่นไหวต่อบทฝึกที่โหด หิน ดินระเบิดแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ตัวลูกกลับรู้สึกถูกอกถูกใจและรู้สึกว่าเป็นอะไรที่โดนใจตัวลูกแบบสุดๆ https://dmc.tv/a13492

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ช่วงเด่นฝันในฝัน > ปกิณกธรรม > ปรโลกนิวส์
[ 10 เม.ย. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18273 ]
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2555
ปรโลกนิวส์ ตอน เทพธิดาวิมานแก้วประกายเพชร

 ตอน เทพธิดาวิมานแก้วประกายเพชร ตอนที่ 5
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ  
 
 
เมื่อตัวลูกได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษแล้วก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือหวั่นไหวต่อบทฝึกที่โหด หิน ดินระเบิดแต่อย่างใด 
 
เมื่อตัวลูกได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษแล้วก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่น
หรือหวั่นไหวต่อบทฝึกที่โหด หิน ดินระเบิดแต่อย่างใด
 
       เมื่อตัวลูกได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษแล้ว   ตัวลูกก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือหวั่นไหวต่อบทฝึกที่โหด หิน ดินระเบิดแต่อย่างใด   ตรงกันข้าม ตัวลูกกลับรู้สึกถูกอกถูกใจและรู้สึกว่าเป็นอะไรที่โดนใจตัวลูกแบบสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นชีวิตที่ตัวลูกใฝ่ฝันเอาไว้เลยก็ว่าได้ แม้ว่าตัวลูกจะรู้สึกถูกอกถูกใจและอยากที่จะเป็นทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษนี้มากขนาดไหนก็ตาม แต่ด้วยความที่ตัวลูกมีดีกรีเป็นถึงหัวโจกของกลุ่มกุลบุตรหนุ่มเจ้าสำราญนี้เอง ตัวลูกจึงแกล้งทำฟอร์มเป็นเหมือนรู้สึกเฉยๆ และไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเป็นพิเศษ พร้อมทั้งแอบเก็บซ่อนความรู้สึกปลื้มเอาไว้ในส่วนลึกๆ ของหัวใจแต่เพียงผู้เดียว  
 
เมื่องานเฉลิมฉลองประจำปีที่เมืองหลวงได้จบลงตัวลูก เดินทางกลับมาถึงที่บ้านก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งสอนแบบจัดเต็ม 
 
เมื่องานเฉลิมฉลองประจำปีที่เมืองหลวงได้จบลงตัวลูก เดินทางกลับมาถึงที่บ้าน
ก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งสอนแบบจัดเต็ม

       จนกระทั่งเมื่องานเฉลิมฉลองประจำปีที่เมืองหลวงได้จบลง ตัวลูกและเพื่อนๆ กลุ่มกุลบุตรหนุ่มเจ้าสำราญก็ได้เดินทางกลับมายังเมืองของตัวเอง และเมื่อตัวลูก เดินทางกลับมาถึงที่บ้านของตัวเองแล้วตัวลูกก็ถูกคุณพ่อคุณแม่ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งสอนแบบจัดเต็ม แต่ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะว่ากล่าวตักเตือนและสั่งสอนอย่างไรก็ตาม   ตัวลูกก็ได้แต่นิ่งเฉยและรับฟังไปเรื่อยๆ เท่านั้น  ที่ตัวลูกมีอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้นั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะภายในใจของลูกกำลังคิดถึงแต่ภาพของทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษอยู่ตลอดเวลานั่นเอง 

ตัวลูกได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษให้น้องชายได้ฟังแต่น้องชายก็ยังคงมองภาพไม่ออก
 
ตัวลูกได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษให้น้องชายได้ฟั
แต่น้องชายก็ยังคงมองภาพไม่ออก

      และด้วยความที่ตัวลูกใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษแบบมากๆ นี้เอง ตัวลูกจึงได้เล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษนี้ให้น้องชายของตัวลูกได้ฟัง แต่ไม่ว่าตัวลูกจะเล่าเรื่องราวด้วยความอินมากขนาดไหนก็ตาม น้องชายของตัวลูกก็ยังคงมองภาพไม่ออก ด้วยเหตุนี้เองน้องชายของตัวลูกจึงรู้สึกเฉย และก็ไม่ได้รู้สึกอินตามตัวลูกด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่ว่าน้องชายของตัวลูก จะอินหรือไม่อินกับตัวลูกก็ตาม ตัวลูกก็ไม่ได้สนใจเพราะตัวลูกเพียงแค่ต้องการให้น้องชายของตัวลูกได้รับรู้ถึงความรู้สึกประทับใจที่มีอยู่ในตัวของลูกเท่านั้นก็เป็นพอ

ตัวลูกได้ไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่เพื่อที่จะสมัครเตรียมทหารแต่คุณพ่อคุณแม่ก็ปฏิเสธ แล้วก็ให้ตัวลูกกลับไปคิดทบทวนดูใหม่อีกครั้ง

ตัวลูกได้ไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่เพื่อที่จะสมัครเตรียมทหารแต่คุณพ่อคุณแม่ก็ปฏิเสธ
แล้วก็ให้ตัวลูกกลับไปคิดทบทวนดูใหม่อีกครั้ง
      และเมื่อความใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษปะทุอยู่ในใจของตัวลูก มากเข้าๆ ในที่สุดตัวลูกก็อดรนทนไม่ไหวได้รีบไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่เพื่อที่จะสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารในทันที แต่เมื่อคุณพ่อคุณแม่ของตัวลูก ได้ทราบเช่นนั้นท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ แล้วก็ให้ตัวลูกกลับไปคิดทบทวนดูใหม่อีกครั้ง ที่ท่านทั้งสองไม่อนุญาตให้ตัวลูก ไปสมัครเป็นทหารนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะท่านทั้งสองมีความเห็นตรงกันว่า  “ ด้วยลักษณะอัธยาศัยของตัวลูกนั้น ไม่น่าที่จะเป็นทหารได้ เพราะขนาดกิจการงานของครอบครัวตัวลูกยังไม่ค่อยจะรับผิดชอบเลย ถ้าตัวลูกไปสมัครเป็นทหารซึ่งมีภาระที่หนักกว่ากิจการงานของครอบครัวตั้งเยอะ แล้วตัวลูกจะทำได้อย่างไร” ด้วยเหตุนี้เองท่านทั้งสองจึงปฏิเสธและไม่อยากให้ตัวลูกไปสมัครเป็นทหารนั่นเอง
 
เมื่อตัวลูกตัดสินใจอย่างแน่วแน่จึงได้ไปอ้อนวอนและขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง    
 
เมื่อตัวลูกตัดสินใจอย่างแน่วแน่จึงได้ไปอ้อนวอนและขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง   

     ด้วยความหวังดีและความเป็นห่วงที่คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องทุกคนในครอบครัวมีต่อตัวลูกนี้เอง จึงทำให้ทุกคนพยายามที่จะพูดจาโน้มน้าวให้ตัวลูกล้มเลิกความคิดและความตั้งใจที่จะเป็นทหารด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าทุกคนในครอบครัวจะพยายามพูดหรือมาอธิบายอย่างไรก็ตามตัวลูก ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวหรือมีความคิดที่จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นทหารนั้นเลย ตรงกันข้ามตัวลูกกลับคิดว่า “ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ตัวลูกก็จะทำความฝันของตัวลูกให้เป็นจริงให้ได้ แม้ว่าตัวลูกจะต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันก็ตามแต่ตัวลูกก็ไม่กลัวและตัวลูกก็พร้อมที่จะสู้อย่างเต็มที่   เพื่อที่จะเป็นทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษตามความใฝ่ฝันของตัวลูกให้ได้ ”  และเมื่อตัวลูกตัดสินใจอย่างแน่วแน่เช่นนั้นแล้วตัวลูกจึงได้ไปอ้อนวอนและขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่อีกครั้ง  
 
คุณพ่อคุณแม่เห็นถึงความหนักแน่นและความมุ่งมั่นของตัวลูกจึงได้อนุญาตให้ตัวลูกไปสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารในที่สุด   
 
คุณพ่อคุณแม่เห็นถึงความหนักแน่นและความมุ่งมั่นของตัวลูก
จึงได้อนุญาตให้ตัวลูกไปสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารในที่สุด 

      พอคุณพ่อคุณแม่ของตัวลูก ได้เห็นถึงความหนักแน่นและความมุ่งมั่นของตัวลูกแล้ว   ท่านทั้งสองจึงไม่อยากที่จะขัดขวางความตั้งใจจริงของตัวลูก  อีกทั้ง ท่านทั้งสองก็รู้ดีว่า “ ถึงแม้ท่านทั้งสองจะห้ามตัวลูกไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะด้วยอัธยาศัยของตัวลูกแล้วแม้ท่านทั้งสองจะห้ามอย่างไรก็ตามแต่ถ้าตัวลูกมีความตั้งใจหรือปักธงว่าจะทำแล้ว   ตัวลูกก็จะทำให้ได้อยู่ดี ”  ต่อมาภายหลัง เมื่อท่านทั้งสองคิดพิจารณาดูแล้ว ท่านทั้งสองก็เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นกับตัวลูกของท่านว่า “ ถ้าหากตัวลูกได้ไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว ตัวลูกก็คงจะได้ฝึกฝนตัวเองในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานเป็นทีม  เรื่องความมีระเบียบวินัย  หรือเรื่องความรับผิดชอบ เป็นต้น ซึ่งก็น่าจะทำให้ตัวลูกมีนิสัยที่ดีขึ้นกว่าเดิม ”  
ด้วยเหตุทั้งหลายเหล่านี้นี่เอง คุณพ่อคุณแม่ของตัวลูก จึงได้อนุญาตให้ตัวลูกไปสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารในที่สุด 
 
ด้วยความที่ภายในใจของตัวลูกเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นจึงทำให้ตัวลูกมีความตั้งใจศึกษา เล่าเรียนและฝึกฝนวิชาทหารอย่างเต็มที่ 
 
ด้วยความที่ภายในใจของตัวลูกเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นจึงทำให้ตัวลูกมีความตั้งใจศึกษา
เล่าเรียนและฝึกฝนวิชาทหารอย่างเต็มที่

       ซึ่งทันทีที่คุณพ่อคุณแม่ของตัวลูกได้อนุญาตให้ตัวลูกไปสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหาร ตัวลูกก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากแล้วตัวลูกก็ไม่รอช้า ได้รีบไปชักชวนให้เพื่อนๆ ในกลุ่มกุลบุตรหนุ่มเจ้าสำราญ ไปสมัครเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารด้วยกันในทันที ซึ่งก็มีเพื่อนๆ ของตัวลูกบางส่วนได้ไปสมัครเรียนพร้อมกับตัวลูกด้วย เมื่อตัวลูก ได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว  ด้วยความที่ภายในใจของตัวลูกเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและความใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษให้ได้นี้เอง จึงทำให้ตัวลูกมีความตั้งใจศึกษา เล่าเรียนและฝึกฝนวิชาทหารอย่างเต็มที่ แม้บทฝึกแต่ละอย่างจะโหดหรือหนักหนาสาหัสสักแค่ไหนก็ตาม ตัวลูกก็ไม่ได้รู้สึกย่อท้อเลยแม้แต่น้อย อีกทั้ง ตัวลูกก็มักจะคิดอยู่ในใจเสมอว่า
“ในเมื่อคนอื่นๆ เขายังทำได้   แล้วทำไมตัวเราจะทำอย่างเขาไม่ได้”  
 
ด้วยความมุ่งมั่นและความพากเพียรจึงทำให้ตัวลูกเป็นนักเรียนเตรียมทหารระดับแนวหน้าของกลุ่มเลยทีเดียว 
 
ด้วยความมุ่งมั่นและความพากเพียรจึงทำให้ตัวลูก
เป็นนักเรียนเตรียมทหารระดับแนวหน้าของกลุ่มเลยทีเดียว

      ด้วยความมุ่งมั่นและความพากเพียรพยายามอย่างเต็มที่ของตัวลูกนี้เอง จึงทำให้ตัวลูกเป็นนักเรียนเตรียมทหารที่มีความรู้ความสามารถในระดับแนวหน้าของกลุ่มเลยทีเดียว  และด้วยความที่ตัวลูก มีความรู้ความสามารถในระดับที่หาตัวจับได้ยากนี้เอง ตัวลูกจึงได้รับการคัดเลือกให้มาอยู่ในหน่วยรบจู่โจมพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตัวลูกรอคอยและใฝ่ฝันมาโดยตลอดนั่นเอง

ภารกิจของทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษคือการบุกทะลวงและจู่โจมข้าศึกอย่างรวดเร็ว   รวมทั้งปฏิบัติการพิเศษที่ทหารทั่วๆ ไป ไม่สามารถที่จะทำได้
 
ภารกิจของทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษคือการบุกทะลวงและจู่โจมข้าศึกอย่างรวดเร็ว  
รวมทั้งปฏิบัติการพิเศษที่ทหารทั่วๆ ไป ไม่สามารถที่จะทำได้

       สำหรับภารกิจหรือหน้าที่ของทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษนั้น ก็คือการบุกทะลวงและจู่โจมข้าศึกอย่างรวดเร็ว   รวมทั้งปฏิบัติการพิเศษที่ทหารทั่วๆ ไป ไม่สามารถที่จะทำได้ เช่น  ถ้าหากมีพวกกองโจรฝีมือฉกาจเที่ยวออกอาละวาดปล้นสะดมภ์พวกชาวบ้าน   แล้วพวกทหารทั่วๆ ไปไม่สามารถที่จะจัดการพวกกองโจรเหล่านั้นได้ ทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษชุดนี้ก็จะถูกส่งไปเพื่อปราบปรามและจัดการพวกกองโจรเหล่านั้น   เป็นต้น  ด้วยภารกิจที่เสี่ยงตายนี้เอง จึงทำให้ทหารหน่วยรบจู่โจมพิเศษนี้ต้องผ่านบทฝึกที่โหด หิน ดินระเบิด ยิ่งกว่าทหารทั่วๆ ไป อีกทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกที่ยาวนานกว่าอีกด้วย ซึ่งตัวลูกก็ได้ตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่จนกระทั่งสามารถเรียนจบหลักสูตรได้ในที่สุด
 
ภายหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรวิชาทหารแล้วตัวลูกก็ไม่รอช้าได้รีบเดินทางกลับไปที่บ้าน เพื่อที่จะไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ 
 
ภายหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรวิชาทหารแล้วตัวลูกก็ไม่รอช้า
ได้รีบเดินทางกลับไปที่บ้าน เพื่อที่จะไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่

       ภายหลังจากที่ตัวลูกเรียนจบหลักสูตรวิชาทหารแล้ว  ตัวลูกก็ได้รับการบรรจุเป็นทหารอยู่ในหน่วยรบจู่โจมพิเศษในทันที ซึ่งตัวลูกก็รู้สึกปลื้มปีติใจและภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่สามารถทำความใฝ่ฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้  แล้วตัวลูกก็ไม่รอช้าได้รีบเดินทางกลับไปที่บ้าน เพื่อที่จะไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่และทุกคนในครอบครัวและเมื่อตัวลูก ได้เดินทางกลับไปถึงที่บ้านแล้ว   ทุกคนในครอบครัวของตัวลูกต่างก็เกิดความรู้สึกดีใจและอัศจรรย์ใจไปพร้อมๆ กัน ที่ทุกคนรู้สึกเช่นนี้นั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะทุกคนในครอบครัวเห็นว่า ตัวลูกมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไป ซึ่งแต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกที่ดูดีมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ใจเย็นขึ้น  อีกทั้งยังมีความสุขุมรอบคอบ  และมีเหตุมีผลมากขึ้นอีกด้วย เป็นต้น  ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก
 
ด้วยความที่ตัวลูกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากๆจึงทำให้น้องชายเกิดความประทับใจอยากที่จะเป็นทหารเหมือนอย่างพี่ชาย 
 
ด้วยความที่ตัวลูกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากๆ
จึงทำให้น้องชายเกิดความประทับใจอยากที่จะเป็นทหารเหมือนอย่างพี่ชาย

      และด้วยความที่ตัวลูก มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากๆ นี้เอง จึงทำให้น้องชายของตัวลูก เกิดความประทับใจแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่อยากที่จะเป็นทหารเหมือนอย่างพี่ชายของตัวเองบ้าง   ด้วยเหตุนี้เอง น้องชายของตัวลูกจึงได้ไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่  เพื่อที่จะไปสมัครเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารเหมือนอย่างตัวลูก

      ส่วนว่าเมื่อน้องชายของตัวลูก ในภพชาตินั้น หรือพระน้องชายของตัวลูกในภพชาติปัจจุบันนี้ ไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่แล้ว ท่านทั้งสองจะมีความเห็นอย่างไรและท่านทั้งสองจะอนุญาตหรือไม่นั้น เราก็คงจะต้องอดใจรอรับฟังกันต่อในตอนต่อไป 
 
 
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

     บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

     "วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)

http://goo.gl/WP0Sa


พิมพ์บทความนี้

ไปหน้าทบทวนฝันในฝัน



บทความอื่นๆ ในหมวด

      กิจกรรมพัฒนาวัดพิชิตปิตยาราม ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
      กิจกรรมพัฒนาวัดอู่ข้าว ต.คลอง 7 จ.ปทุมธานี
      อานุภาพบุญจากการมาสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ตอนที่ 1
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน ได้ตึก 18 ล้านแค่เพียงกระพริบตา
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน ความทรงอภิญญาของคุณยายฯที่ผมเจอกับตัวเอง
      ประกาศผลสุดยอดสามเณรแสดงธรรมระดับโลก
      เปิดใจสามเณรแชมป์แสดงธรรมระดับภาค ชิงชัยสู่เวทีแสดงธรรมระดับโลก
      ซุปเปอร์บิ๊กบุญ ตักบาตรแสนรูป ครั้งประวัติศาสตร์
      เส้นทางสามเณร สู่เวทีแชมป์เทศน์ระดับโลก
      เล่าเรื่องคุณยาย ตอน เรื่องเหลือเชื่อของการบูชาข้าวพระที่คุณยายฯฝากไว้
      บวชเณรล้านตักบาตรแสน สานฝันคุณยาย สร้างพระแท้
      เล่าเรื่องคุณยายฯ ตอน แค่มองหน้า..ก็รู้ทั้งหมด
      แฝด 4 บวชเณรล้านอ่างทองทำลายสถิติโลก