![]() |
นี่อาจจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าความรุนแรงส่งผ่านจอได้จริงๆ
และไม่เพียงแต่เป็นจอของเกมเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาจอของหนัง และละครก็มีเรื่องทำนองนี้ปรากฏให้เห็น พ่อแม่หลายคนที่ตระหนักจึงพยายามหาหนทางที่จะป้องกันไม่ให้ความรุนแรง และหมายรวมไปถึงเรื่องไม่สมควรต่างๆ ส่งผ่านจากจอออกมาสู่ตัวตนคนใกล้ชิด
โดยเฉพาะลูกๆ ที่ยังเล็ก
ซึ่งไม่เพียงแต่ "เรา" ที่เป็นคนเสพเท่านั้นที่พยายาม แต่ "ดารา" เองก็ยังทำอยู่ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นทั้งๆ ที่เป็น "คนเล่น" เองแท้ๆ แต่ "คุณแม่ดารา" หลายราย ก็เริ่มห้ามไม่ให้ลูกดูละครที่แพร่ภาพทางทีวีเสียแล้ว
"ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน, บุ๋ม-ปนัดดา วงษ์ผู้ดี, กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์" คือส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ยืนยันมาว่า "ห้ามค่ะ"
โดย "เจ้านาย" , "เจ้าขุน" และ "เจ้าสมุทร" 3 หนุ่มวัย 6, 5 และ 3 ปีตามลำดับของปิ่นกับเจ-เจตริน วรรธนะสิน นั้น ถูกห้ามขาดไม่ให้ดูละคร ด้วยเหตุผลว่า เวลาดูมักจะมีคำพูดหรือพฤติกรรมแปลกๆ ติดมาบ่อยๆ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ลูกเข้าใจการทำงานของแม่ บางครั้งปิ่นเลยนำทั้ง 3 ตามมากองถ่ายบ้าง โดยวันที่เลือกพามานั้นต้องเช็คแล้วเช็คอีกว่าฉากที่จะถ่ายทำเป็นฉากอะไร โดยถ้าเป็นฉาก "ด่าทอ" ก็เป็นอันว่าแผนทัวร์กองถ่ายต้องงด หรือไม่ก็เลื่อนไปก่อน
ขณะที่บุ๋ม-ปนัดดาบอกว่า อย่าพูดถึงแค่ละครเลย เพราะถ้าเป็นไปได้ "แค่ดู" ก็ไม่อยากให้อันดามันดูทีวีอยู่แล้ว
"เพราะเดี๋ยวสมาธิเด็กจะสั้น และก็จะจดจำอะไรแปลกๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ค่อนข้างจะมีให้เด็กจำเยอะเหมือนกัน"
แต่บางครั้งก็ต้องผ่อนผันบ้าง ดังนั้น ทุกวันนี้จึงใช้วิธีเลือกสื่อ คือให้ดูเฉพาะรายการข่าวเช้าๆ ที่เธออ่าน หรือรายการทอล์คโชว์ที่เธอเป็นพิธีกร
ส่วนเหตุผลที่ห้าม "ละคร" อย่างเด็ดขาด บุ๋มบอกอย่างชัดเจนว่าเป็นเพราะเดี๋ยวนี้ทุกเรื่องมีตบตีกันแทบทั้งนั้น ถึงบางเรื่องไม่มีตบตีกันเห็นๆ แต่ก็จะมีความรุนแรงอยู่ ไม่ว่าจากคำพูด การตะคอก ซึ่งก็เข้าใจว่าทำไปเพื่อให้มีสีสัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เหมาะที่จะให้อันดามันซึ่งมีวัย 2 ขวบได้เห็น
"แต่ก็จะเว้นไว้กับพวกละครเด็ก อย่างสังข์ทองหรือขำกลิ้งลิงกับหมาจะให้ดูได้ คือให้เป็นรายการที่มีตัวการ์ตูนหรือมีอะไรที่เหมาะกับเด็กเท่านั้นที่จะให้ดู และก็เลือกเวลาระยะสั้นๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น จะไม่ให้ดูตลอดเวลา"
เข้าข่ายยืดหยุ่นอยู่เหมือนกันสำหรับ "กบ-ปภัสรา" เพราะกับ "น้องเหนือ" วัย 7 ขวบเศษ เธออนุญาตให้ดูละครได้บ้าง แต่ต้องเป็นเรื่องที่เลือกแล้วว่าเข้าข่ายละครสร้างสรรค์
"น้องกำลังอยู่ในวัยจดจำ อย่างกบเล่นเอง ลูกดูยังบอกเลยว่าทำไมถึงพูดไม่เพราะเลย เราเลยรู้ว่ามันเป็นผลสะท้อน ที่เขาจะจำสิ่งที่รุนแรงมากกว่าที่จะจำสิ่งที่มันนุ่มนวล"
"คุณเอ๋ (พรเทพ เตชะไพบูลย์) ก็บอกว่าเห็นไหม เล่นแบบนี้ ลูกถึงถามแบบนี้"
เมื่อเป็นอย่างนั้นปภัสราจึงว่า ระยะหลังเธอจึงพยายามเลือกรับงาน
"เลือกภาพสะท้อนที่จะกลับมาสู่ลูก สู่ตัวเอง และสังคม เพราะเราก็มีลูก เราก็ไม่อยากเป็นภาระของสังคม อยากจะเป็นคนดี อยากทำตัวเองให้อยู่ในระบบเดินสายกลางได้ ไม่มีอะไรไปในทางลบ ฟีลลิ่งนั้นเขาอาจจะบอกว่าดีสำหรับเรา แต่พอออกมาแล้วมันมีผลกระทบอะไรบ้างกับลูกเรา ครอบครัวของเรา กับคนรอบข้าง และที่หนักที่สุดก็ทางสังคม
"ตัวพี่เอ๋ก็บอกว่าไม่ต้องคิดถึงพี่ แต่ให้คิดถึงลูกเป็นหลัก เพราะลูกยังต้องมีสังคม เราก็ต้องเพ่งทุกอย่างไปที่ลูก"
ที่หลายคนบอกว่าละครเองมีหลายแบบ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของครอบครัวที่ต้องดูแลนั้น ปภัสราว่าจริงแท้
"แต่เดี๋ยวนี้คนทิ้งลูก เพราะสภาวะสังคมและเศรษฐกิจแบบนี้เขาก็ต้องทำงาน โดยไม่รู้ว่าลูกอยู่บ้านบริโภคอะไรไปบ้าง เขาเอาแต่ทำงานเพื่อส่งลูกเรียนหนังสือ แต่ไม่ได้มองว่าลูกทำอะไร อย่างไร
"ครอบครัวกบกินข้าวและดูทีวีพร้อมกัน แล้วจะบอกว่าดีหรือไม่ดี แต่ถ้าไม่ดีก็จะไม่ให้ดูเลย ให้ไปดูสารคดีดิสคัฟเวอรี่ หรือสัตว์น่ารักไปเลย"
ที่ใช้วิธีคล้ายกันคือ "นุสบา ปุณณกันต์" ซึ่งบอกว่าคงไม่ห้ามน้องปุณณ์ วัย 7 ขวบ ไม่ให้ดูละคร
"ที่บ้านจะมีเราและคุณอาเขา คือคุณบรู๊ค (ดนุพร ปุณณกันต์) อีกคนที่เป็นนักแสดง เขาก็คงจะซึมซับและเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ก็คงจะห้ามดูไม่ได้ และจริงๆ เราก็ไม่เคยคิดห้ามเลยนะ เพราะมันคืออาชีพของเรา อย่างน้อยเขาจะได้รู้และได้ปรับตัว
"เพราะถ้าเขาไม่เข้าใจว่าอะไรคืออาชีพนักแสดง เวลาไปข้างนอก สมมุติมีแฟนละครยิ้มให้ หรือมองดูเรา หรือเข้ามาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น เขาก็อาจจะงงๆ ว่าทำไมชีวิตเขาไม่เหมือนคนอื่น
"ที่เราไม่ห้ามดูก็เพราะจะได้ไม่ต้องมาอธิบายกับเขามาก" นุสบาให้เหตุผล
"เรื่องคำพูดหยาบที่มีอยู่ในละคร บอกตามตรงว่าลูกเราก็ได้ฟัง แต่เราจะคอยบอกเขาว่าที่ถูกต้องมันเป็นยังไง และถ้าทำแบบนั้นผลเสียก็จะเป็นอย่างนี้ คือต้องมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยน่ะค่ะ จะเป็นใครก็ได้ เรา คุณพ่อเขา คุณอา คุณปู่ คุณย่าก็ได้ แต่ต้องมีผู้ใหญ่นั่งอยู่ระหว่างที่เขาดูทีวี เพื่อจะได้คอยบอกสิ่งที่ถูกต้อง"
"ก็ในเมื่อทีวีไม่ได้มีแต่สิ่งดีๆ อย่างเดียวนี่นา!!"
ที่มา-
