กฏาหกชาดก ชาดกว่าด้วยคนขี้โอ่

ในกาลนั้น ยังมีภิกษุรูปหนึ่งถึงพร้อมด้วยความฉลาดเฉลียว แต่กลับมีนิสัยขี้โอ่ เที่ยวอวดตนข่มท่านไปทั่ว จนเป็นที่เอือมระอาต่อเหล่าภิกษุด้วยกัน “นอกจากพระศาสดาแล้ว ในพระเชตวันแห่งนี้ ก็จะหาใครที่ฉลากว่าข้าไม่มีอีกแล้ว ฮ่าๆๆ ข้าภูมิใจตัวเองจริงๆ ฮ่าๆๆ ” “ ดูสิท่าน ภิกษุขี้โอ่รูปนั้น เดินมาทางนี้แล้ว ” “ กระผมว่าเราไปที่อื่นกันดีกว่านะท่าน ” https://dmc.tv/a24832

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 7 พ.ค. 2562 ] - [ ผู้อ่าน : 18256 ]

ชาดก 500 ชาติ

กฏาหกชาดก-ชาดกว่าด้วยคนขี้โอ่

พระเชตวันมหาวิหาร

พระเชตวันมหาวิหาร
  
     ในพุทธกาลสมัยหนึ่ง พุทธศาสนาสถาปนาด้วยการตรัสรู้ของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น คำสอนของพระศาสดาเป็นที่แจ้งประจักษ์แด่หมู่สาวกและประชาชนไปทั่วพุทธันดร
ถึงหนทางแห่งการหลุดพ้นนำไปสู่หนทางดับทุกข์ คือ พระนิพพานนั่นเอง ในเหล่าภิกษุสาวกมากมายนั้นย่อมมีข้อเสียของแต่ละคนตาม ตามแต่ผลกรรมที่กระทำมาในอดีตชาติ
 
ภิกษุผู้มีขิสัยขี้โอ่ชอบอวดตน
 
ภิกษุผู้มีขิสัยขี้โอ่ชอบอวดตน
 
      ซึ่งในกาลนั้น ยังมีภิกษุรูปหนึ่งถึงพร้อมด้วยความฉลาดเฉลียว แต่กลับมีนิสัยขี้โอ่ เที่ยวอวดตนข่มท่านไปทั่ว จนเป็นที่เอือมระอาต่อเหล่าภิกษุด้วยกัน “ นอกจากพระศาสดาแล้ว
ในพระเชตวันแห่งนี้ ก็จะหาใครที่ฉลาดกว่าข้าไม่มีอีกแล้ว ฮ่าๆๆ ข้าภูมิใจตัวเองจริงๆ ฮ่าๆๆ ” “ ดูสิท่าน ภิกษุขี้โอ่รูปนั้น เดินมาทางนี้แล้ว ” “ กระผมว่าเราไปที่อื่นกันดีกว่านะท่าน ”
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันเอือมระราไม่อยากสนทนากับภิกษุขี้โอ่
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันเอือมระราไม่อยากสนทนากับภิกษุขี้โอ่
 
      “ ดีท่าน เราเองก็ไม่อยากจะเสวนากับคนขี้โอ่เหมือนกัน คนอะไรก็ไม่รู้ โอ่ได้ทุกเรื่อง เชื่อเขาเลย ” “ ใช่ กระผมละเอือมจริง จะโอ่กับเขาบ้างก็ไม่มีอะไรจะโอ่เนี่ย ” “ เหมือนกันเลย ”
นิสัยขี้โอ่ของภิกษุผู้นี้ ล่วงรู้ในข่ายพระญาณของพระบรมศาสดา พระพุทธองค์จึงปรารภธรรมชาดกเพื่อโปรดแก่ภิกษุมักโอ่รูปนั้น ดังนี้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภธรรมชาดกเพื่อโปรดแก่ภิกษุผู้มักโอ่
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภธรรมชาดกเพื่อโปรดแก่ภิกษุผู้มักโอ่
 
     ในอดีตกาล ณ พาราณสีนคร พระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติครองบัลลังก์อยู่นั้น ประชาชนต่างอยู่กันอย่างผาสุก ภายใต้การปกครองของพระองค์ ในขณะเดียวกันพระโพธิสัตว์
ก็ได้เสวยพระชาติเป็นอัครมหาเศรษฐี ครองสมบัติมากมายเหลือคณานับ วันหนึ่งภรรยาของท่านพร้อมทั้งทาสีทาสในเรือนก็ได้คลอดบุตรวันเดียวกันนั่นเอง

พระเจ้าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติ ณ นครพาราณสี
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติ ณ นครพาราณสี
 
     “ โอ้ย ท่านพี่ น้องปวดท้องเหลือเกิน โอ้ย... โอ้ย ” “ อดทนหน่อยนะน้องหญิง พี่ให้คนไปตามหมอตำแยมาแล้ว อดทนหน่อยนะ ” ในเวลาเดียวกันนั้นนางทาสีทาสก็กำลัง
ร้องโอดโอยคลอดบุตรอย่างเจ็บปวด โอ้ย ปวดท้องเหลือเกิน โอ้ย..โอ้ย ปวดท้องเหลือเกิน ” “ อ้าว เบ่งเข้า อึบ อึบ โอ้ คลอดแล้ว ” “ ลูกของเราเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ”
 
ประชาชนชาวพาราณสีต่างใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข
 
ประชาชนชาวพาราณสีต่างใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข
 
     “ ดูสิจ๊ะน้องหญิง หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง โตขึ้นจะต้องเป็นหนุ่มรูปงามเหมือนพี่แน่ๆ เลย ฮ่าๆๆ ” “ แหม ท่านพี่นี่ ไม่ค่อยเห่อลูกเท่าไหร่เลยนะจ๊ะ ” เด็กทั้งสองนั้น เติบโตมาด้วยกัน
เมื่อบุตรท่านเศรษฐีได้ศึกษาร่ำเรียนหนังสือก่อน ลูกทาสของท่านก็ถือกระดานชนวนตามไป พลอยได้เรียนหนังสือกับบุตรเศรษฐีนั้นด้วย
 
ภรรยาของพาราณสีเศรษฐีปวดท้องคลอด
 
ภรรยาของพาราณสีเศรษฐีปวดท้องคลอด
 
     แม้ได้เขียนได้อ่านเพียงสองสามครั้ง ลูกทาสนั้นก็ฉลาดในถ้อยคำฉลาดในโวหารโดยลำดับ “ อะ อา อิ อี อึ อือ อุ อู ก.ไก่ ข.ไข่ 1+1 เป็นสอง 2+2 เป็นสี่ เรานี่ชั่งฉลาดจริงๆ เลย
สอบได้ที่ 1 อีกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” วันเวลาผ่านไป ลูกทาศของท่านเศรษฐี ก็โตเป็นหนุ่มมีรูปงาม โดยมีนามว่า กฏาหกะ ด้วยความรู้ความสามารถที่ตนมี
 
ทาสในเรือนพาราณสีเศรษฐีปวดท้องคลอดบุตรเวลาเดียวกันกับภรรยาของเศรษฐี
 
ทาสในเรือนพาราณสีเศรษฐีปวดท้องคลอดบุตรเวลาเดียวกันกับภรรยาของเศรษฐี
     
     ท่านเศรษฐีจึงเมตตาให้เขาทำหน้าที่เสมียนคลังวัสดุในเรือนของท่านนั้นเอง “ กฏาหกะ บัดนี้เจ้าก็โตเป็นหนุ่มรูปงาม มีวิชชาความรู้ติดตัว เราเห็นควรว่าจะให้เจ้ามาดูแล
คลังพัสดุของเราหน่อย ” “ ข้าน้อยต้องขอบพระคุณท่านเศรษฐีมากขอรับ เป็นบุญของข้าน้อยเหลือเกินที่ท่านเศรษฐีเมตตา ข้าจะทำงานให้เต็มที่เลยขอรับ ”
 
ภรรยาท่านเศรษฐีคลอดทารกน้อยเป็นชายหน้าตาน่าเกลียดน่าชัง
 
ภรรยาท่านเศรษฐีคลอดทารกน้อยเป็นชายหน้าตาน่าเกลียดน่าชัง
 
     “ คนฉลาดอย่างอย่างเรา ให้เป็นแค่เสมียนคลังต๊อกต๋อย ต่อไปภายภาคหน้า หากเขาเห็นโทษอะไรๆ เข้าหน่อย ก็คงจะเฆี่ยนตีจองจำ ทำตราเครื่องหมาย แล้วก็ใช้สอยเยี่ยงทาส
เหมือนเดิมแหละ เฮ้อ อย่างนี้ต้องหาทางหนีทีไล่ไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วล่ะ ปลอดภัยไว้ก่อนนะเรา ” ภายนอกดูเหมือนกฏาหกะจะดีใจกับตำแหน่งที่ได้รับ แต่ลึกๆ ในใจแล้วเขากลับ
คิดการใหญ่กว่านั้น

ลูกทาสในเรือนได้มีโอกาสติดตามบุตรชายเศรษฐีไปเรียนหนังสือ
 
ลูกทาสในเรือนได้มีโอกาสติดตามบุตรชายเศรษฐีไปเรียนหนังสือ
 
     “ อ้า นึกออกแล้ว ที่ชายแดนประเทศ มีเศรษฐีผู้เป็นสหายของท่านเศรษฐีอยู่ ถ้ากระไรสะ เราแกล้งถือหนังสือด้วยถ้อยคำของท่านเศรษฐีไปในที่นั้น แล้วทำอุบายบอกว่า เราเป็นลูกเศรษฐี
ลุงเศรษฐีผู้นั้น แล้วขอธิดาของท่านเศรษฐีไปเป็นคู่ครองดีกว่า รับรองสำเร็จแน่ๆ เลย ต่อไปเราจะได้อยู่อย่างสบาย ไม่ต้องตกเป็นขี้ข้าใคร เรานี่ชั่งหัวแหลมจริงๆ ฮ่าๆๆ ” กฏาหกะ ถือหนังสือ
ที่ตนปลอมแปลงขึ้น ใจความว่า
 
กฏหกะ บุตรของทาสในเรือนเศรษฐีมีความเฉลียวในการเรียนยิ่งนัก
 
กฏหกะ บุตรของทาสในเรือนเศรษฐีมีความเฉลียวในการเรียนยิ่งนัก
  
     ข้าพเจ้า ส่งลูกชายของข้าพเจ้าไปสู่สำนักของท่าน เพื่อความสำคัญฐานเกี่ยวดองกัน ระหว่างข้าพเจ้ากับท่าน และระหว่างท่านกับข้าพเจ้า เป็นการสมควรขอให้ท่านได้โปรดยกธิดา
ของท่านให้แก่บุตรคนนี้เถิด และให้เขาอยู่ในที่นั้น แม้ข้าพเจ้าได้โอกาสแล้ว จึงจะมาในภายหลัง.. จากนั้นกฏาหกะ ก็ใช้ตราของท่านเศรษฐีประทับในจดหมาย ถือเอาเสบียงและของหอม
กับผ้าเป็นต้น ไปตามชอบใจ แล้วลักลอบหนีไปสู่ปัจจันตชนบทตามอุบายที่ตนวางไว้แต่แรก
 
กฏหก ได้เติบโตเป็นหนุ่มรูปงามและมีความรู้ความสามารถ    

กฏหก ได้เติบโตเป็นหนุ่มรูปงามและมีความรู้ความสามารถ
 
     “ ข้าแต่ท่านเศรษฐีขอรับ มีบุรุษหนุ่มรูปงามมาขอพบขอรับ เขาบอกว่าเป็นบุตรเศรษฐีสหายแห่งท่าน มาจากกรุงพาราณสีขอรับ ” “ เจ้าจงเร่งนำตัวกุมารผู้นั้นมาพบเราเร็วเข้า ”
“ มาจากไหนกันเล่าพ่อคุณ ” “ ข้าพเจ้ามาจากนครพาราณสีขอรับ ” “ แล้วพ่อเป็นลูกเต้าเหล่าใครเล่า ” “ ข้าพเจ้าเป็นบุตรของพาราณสีเศรษฐีขอรับ ” “ พ่อเดินทางมาด้วยเรื่อง
อันใด เหตุไฉนจึงต้องเดินทางมาไกลเช่นนี้ ”
 
 
ท่านเศรษฐีได้มอบหมายให้ กฏหกะ เป็นเสมียนคลังวัสดุในบ้านของตน
 
ท่านเศรษฐีได้มอบหมายให้ กฏหกะ เป็นเสมียนคลังวัสดุในบ้านของตน
  
     “ ท่านเศรษฐีดูหนังสือนี้แล้ว จักทราบเองขอรับ ” เมื่อเศรษฐีอ่านหนังสือที่กฏาหกะปลอมแปลงขึ้น ก็หลงเชื่ออย่างสนิทใจ ยังความดีใจมาสู่ตน เพราะหวังในทรัพย์สมบัติอันมากล้น
ของเศรษฐีแห่งนครพาราณสีนั่นเอง ( “ ฮ่าๆ คราวนี่เราจะอยู่อย่างสบายละ บริวารของท่านเศรษฐีมีเป็นอันมาก ” ) เศรษฐีชนบททำการต้องรับขับสู้กฏาหกะเป็นการใหญ่ น้อมนำข้าวยาคู
และของเปรี้ยว รวมถึงผ้าที่อบด้วยของหอมใหม่ๆ มาให้กฏาหกะ

กฏหกะ ไม่ยินดีกับตำแหน่งงานที่ตนได้รับมอบหมาย
 
กฏหกะ ไม่ยินดีกับตำแหน่งงานที่ตนได้รับมอบหมาย
 
      แต่ด้วยนิสัยขี้โอ่ของกฏาหกะ ก็นึกติเตียนขึ้นในใจ “ โธ่เอ้ย คนบ้านนอกทำของเคี้ยวต้มข้าวยาคูกันแบบนี้เองหรือเนี่ย คนบ้านนอกก็อย่างนี้แหละ ไม่รู้จักใช้ผ้าใหม่ๆ อบของหอม
ร้อยกรองดอกไม้ก็ไม่เป็น ฮึ ” ด้านเศรษฐีแห่งกรุงพาราณสีเมื่อไม่เห็นกฏาหกะ ก็เอ่ยปากถามไถ่ทาสในเรือนด้วยความเป็นห่วง “ เอ้ เราไม่พบหน้ากฏาหกะเลย มันหายไปไหนเนี่ย
พวกเจ้าช่วยกันออกตามหาทีเถิด ”
 
กฏหกะ ได้ปลอมแปลงจดหมายโดยใช้ตราประทับของท่านเศรษฐี
 
กฏหกะ ได้ปลอมแปลงจดหมายโดยใช้ตราประทับของท่านเศรษฐี
 
     “ ขอรับท่านเศรษฐี เฮ้ย มีใครเห็นตัวกฏาหกะ บ้างไหม ” “ พวกข้าออกตามหาจนทั่วเมืองแล้ว ยังไม่เจอตัวเลย ” “ มันหายหัวไปไหนของมันนะเนี่ย เจอตัวเมื่อไหร่ จะเฆี่ยน
ให้หลังลายเลย ” “ ข้าว่านะ เจ้ากฏาหกะ คงไม่ได้อยู่ในเมืองนี้แล้วล่ะ ” แต่ในทันใดนั่นเอง “ เจอแล้วๆ มีคนเห็นเจ้ากฏาหกะ อยู่แถวชายแดนชนบทโน่น ” “ บ่ะ ไอ้นี่มันไป
ทำไมที่ชายแดนชนบท เรารีบไปเรียนท่านเศรษฐีกันเถอะ ”
 
ทาสในเรือนแจ้งข่าวการมาของ กฏหกะ แก่ท่านเศรษฐีชนบท
 
ทาสในเรือนแจ้งข่าวการมาของ กฏหกะ แก่ท่านเศรษฐีชนบท
 
     เหตุอันไม่สมควรที่กฏหกะ ทำนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับท่านเศรษฐี จึงรวบรวมข้าทาสบริวารออกไปตามจับตัวกฏาหกะ มาลงโทษ ข่าวท่านเศรษฐีเดินทางไปสู่ปัจจันชนบท
แพร่สะพัดไปทั่วกรุง ล่วงรู้ถึงหูกฏาหกะ “ ท่านเศรษฐีจะมาที่นี่ คงไม่มาด้วยเรื่องอื่น ต้องมาด้วยเรื่องของเราแน่ๆ ถ้าเราจักหนีไปสะ ก็คงไม่อาจกลับมาที่นี่ได้อีก จะทำยังไงดีน๊า
เฮ้ย คิดออกแล้ว เราต้องไปพบกับท่านผู้เป็นนายแล้วกระทำกิจของทาส ทำให้ท่านโปรดปรานให้จงได้ ”
 
กฏหกะ โกหกท่านเศรษฐีชนบทว่าตนเป็นบุตรชายของพาราณสีเศรษฐี
 
กฏหกะ โกหกท่านเศรษฐีชนบทว่าตนเป็นบุตรชายของพาราณสีเศรษฐี
 
     กฏาหกะนั้น ถือว่าตนเป็นคนฉลาด จึงคิดวางอุบายกล่าวท่ามกลางบริษัทว่า “ พวกคนพาลอื่นๆ ไม่รู้คุณของบิดามารดา ในเวลาที่ท่านบิโภคก็ไม่กระทำการนอบน้อม บริโภคร่วม
กับท่านเสียเลย ส่วนเราในเวลาบิดามารดาบริโภคย่อมคอยยกสำรับยกกระโถนเข้าไป ยกของบรโภคเข้าไปให้ น้ำดื่มก็หาให้มิได้ขาด ซ้ำยังพัดวีให้เย็นสบาย ดังนี้แล้วประกาศกิจ
ที่พวกข้าต้องกระทำแก่นายทุกอย่าง
 
เศรษฐีชนบทแอบคาดหวังว่าตนจะได้สมบัติมากมายจากพาราณสีเศรษฐี
 
เศรษฐีชนบทแอบคาดหวังว่าตนจะได้สมบัติมากมายจากพาราณสีเศรษฐี
 
      ตลอดถึงการถือกระออมน้ำไปในที่ลับ ในเวลาที่นายถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ” เมื่อกฏาหกะ กำหนดอย่างนี้แล้ว เวลาที่พาราณสีเศรษฐีใกล้ถึงปัจจันชนบท เขาก็บอกกับเศรษฐีพ่อตาว่า
“ ท่านพ่อขอรับ ได้ยินมาว่าบิดาของกระผมเดินทางมาเพื่อพบกับท่านพ่อ กระผมจะออกเดินทางไปต้อนรับ พร้อมถือเอาเครื่องบรรณาการสวนทางไป ให้ท่านพ่อเตรียมขาทนียะ
โภชนียาหารต้อนรับไว้ทางนี้ขอรับ ” “ ดีแล้วละลูกเอ๋ย ” 

พาราณสีเศรษฐีสอบถามทาสในเรือนถึงการหายไปของ กฏหกะ
 
พาราณสีเศรษฐีสอบถามทาสในเรือนถึงการหายไปของ กฏหกะ
 
     กฏาหกะ ถือเอาบรรณาการไปเป็นจำนวนมาก เดินทางไปพร้อมด้วยบริวารกลุ่มใหญ่ เมื่อถึงกองพักของพาราณสีเศรษฐี จึงเข้าไปกราบไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมทั้งมอบบรรณาการ
ที่ตนนำมาทั้งหมดให้ ฝ่ายพาราณสีเศรษฐีเมื่อเห็นก็หาเคืองโกรธไม่ ครั้นถึงเวลาบริโภคอาหารเช้า ก็ดูแลพาราณสีเศรษฐีเป็นอย่างดี เมื่อเศรษฐีเข้าไปสู่ที่ลับ เพื่อถ่ายสรีระวารันยชะ
ก็ให้บริวารของตนกลับ
 
ข้าทาสบริวารในเรือนเศรษฐีออกตามหาตัว กฏหกะ
 
ข้าทาสบริวารในเรือนเศรษฐีออกตามหาตัว กฏหกะ
 
     ส่วนตนนั้นก็ถือเอากระออมน้ำเข้าไปให้ เมื่อพาราณสีเศรษฐีเสร็จอุทกกิจแล้ว เขาก็หมอบกราบแทบเท้าของเศรษฐีทั้งสอง แล้วกล่าวว่า “ ข้าแต่ท่านเศรษฐีผู้เป็นนาย กระผมจัก
ให้ทรัพย์แก่ท่าน เท่าที่ท่านปรารถนา โปรดอย่าให้ยศของกระผมเสื่อมไปเลยขอรับ ” “ เจ้าอย่าได้หวาดกลัวไปเลย อันตรายจากสำนักของเรานี้ จะไม่มีแก่เจ้าดอก ” กฏาหกะ
ก็กระทำกิจที่ทาสต้องทำแก่ท่านตลอดเวลา
 
กฏหกะ นำเครื่องบรรณาการมามอบให้ท่านเศรษฐีในระหว่างทางก่อนที่ถึงบ้านเศรษฐีชนบท
 
กฏหกะ นำเครื่องบรรณาการมามอบให้ท่านเศรษฐีในระหว่างทางก่อนที่ถึงบ้านเศรษฐีชนบท
 
      มิได้ขาดตกบกพร่องจนถึงปัจจันตชนบท ฝ่ายปัจจันตเศรษฐีจึงได้กล่าวกับพาราณสีเศรษฐีว่าผู้เป็นสหายว่า ข้าแต่ท่านเศรษฐี พอกระผมเห็นหนังสือของท่านเข้ามาเท่านั้น
ก็ยกบุตรสาวให้แก่บุตรของท่านทันที ” “ กฏาหกะ ก็เปรียบเสมือนบุตรของเรา กล่าวถ้อยคำเป็นที่รักอันคู่ควรกันขอให้ท่านยินดีเถิด ” ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครสามารถมองหน้า
กฏาหกะได้เลย

กฏหกะ ปรนนิบัติท่านเศรษฐีทุกอย่างตามฐานะที่ทาสอย่างตนจะต้องทำ
 
กฏหกะ ปรนนิบัติท่านเศรษฐีทุกอย่างตามฐานะที่ทาสอย่างตนจะต้องทำ
 
      อยู่มาวันหนึ่ง พาราณสีเศรษฐี เรียกธิดาปัจจันตเศรษฐีมาหา กล่าวว่า “ มานี่เถิดแม่คุณ มาช่วยหาเหาบนศีรษะของพ่อหน่อยเถิดแม่คุณ ลูกของเราไม่ประมาทในสุขทุกข์
ของเจ้าดอกหรือ เจ้าทั้งสองครองรักสมัครสมานกันดีอยู่หรือไม่ ” “ ข้าแต่คุณพ่อมหาเศรษฐีบุตรของท่านไม่มีข้อตำหนิอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะคอยจู้จี้เรื่องอาหาร
เท่านั้นเจ้าค่ะ ” “ กระนั้นดอกรึ แม่คุณเอ๋ยเจ้าลูกคนนี้ ปกติก็เป็นคนกินยากเรื่อยมาทีเดียว
 
กฏหกะ ได้กราบขอความเมตตาต่อท่านเศรษฐีเรื่องฐานะที่แท้จริงของตน
 
กฏหกะ ได้กราบขอความเมตตาต่อท่านเศรษฐีเรื่องฐานะที่แท้จริงของตน
 
     เอาเถิด พ่อจะให้มนต์ผูกปากมันไว้แก่เจ้า เจ้าจงเรียนมนต์นั้นไว้ให้ดีนะ เมื่อลูกของเราบ่นในเวลากินข้าวละก็ เจ้าก็จงยืนท่องมนต์ตรงหน้า รับรองว่ากฏาหกะ จะไม่บ่นอีกเลย ”
“ มนต์นั้นมีว่าอย่างไรหรือท่านพ่อ ” “ อนฺวาคนฺตฺวาน ทูเสยฺย เจ้าจงจำให้ขึ้นใจนะแม่ ” ธิดาเศรษฐีนั้นท่องมนต์จนขึ้นใจ โดยไม่เอะใจเลยสักนิด ว่าแท้ที่จริงแล้วความหมาย
ของมนต์นั้น กล่าวถึง

เศรษฐีพาราณสีมิได้แพร่งพรายเรื่องฐานะที่แท้จริงของ กฏหกะ แก่ท่านเศรษฐีชนบท
 
เศรษฐีพาราณสีมิได้แพร่งพรายเรื่องฐานะที่แท้จริงของ กฏหกะ แก่ท่านเศรษฐีชนบท 
 
    ความลับของกฏาหกซึ่งมีใจความว่า เพราะย้อนทางไปทำกิจของทาสให้แก่นายแล้ว เจ้าจึงพ้นจากการถูกเฆี่ยนด้วยหวาย อันจะถลกหนังสันหลังขึ้นและการตีตราทำเครื่องหมายทาส
แต่หากเมื่อใดเจ้าขืนทำไม่ดี นายของเจ้าพึงตามประทุษร้ายถึงเรือนนี้ ด้วยการเฆี่ยนด้วยหวาย ตีตราเครื่องหมายทาส และประกาศกำเนิดของเจ้า เหตุนั้นกฏาหกะเอ๋ย
เจ้าจงละความประพฤติไม่ดีนี้เสีย 
 
พาราณสีเศรษฐีได้มอบมนต์บทหนึ่งให้กับธิดาเศรษฐีชนบท
 
พาราณสีเศรษฐีได้มอบมนต์บทหนึ่งให้กับธิดาเศรษฐีชนบท
 
     บริโภคโภคะทั้งหลายเถิด อย่าทำให้ความเป็นทาสของตนปรากฏ แล้วเป็นผู้ต้องเดือดร้อนในภายหลังเลย สองสามวันต่อมา พาราณสีเศรษฐีก็เดินทางกลับนคร ฝ่ายกฏาหกะ
ก็ขนขาทนียะโภชนียะอันมากมายตามไปส่งพร้อมทรัพย์เป็นอันมาก คล้อยหลังพาราณสีเศรษฐีกลับไปแล้ว

พาราณสีเศรษฐีเดินทางกลับจากปัจจันตชนบทไปยังบ้านเรือนของตน
 
พาราณสีเศรษฐีเดินทางกลับจากปัจจันตชนบทไปยังบ้านเรือนของตน
 
     ความโอ้อวดเหย่อหยิ่งของกฏาหกะก็กลับมา วันหนึ่ง เมื่อธิดาเศรษฐีน้อมนำโภชนะมีรสเลิศต่างๆ เข้าไปให้ถือทัพพีคอยปรนนิบัติอยู่ เขาเริ่มติเตียนอาหารเหมือนเดิม “ น้องหญิง
เจ้าเอาอะไรมาให้พี่กินเนี่ย รสชาติไม่ได้เรื่องเลย อยากจะอ้วก ” เศรษฐีธิดาจึงกล่าวคาถานี้ตามทำนองที่เรียนมาจากพาราณสีเศรษฐี กฏาหกะเมื่อได้ฟังก็กลับคิดว่า

ธิดาเศรษฐีท่องมนต์ที่บอกถึงฐานะที่แท้จริงของกฏหกะ จึงทำให้เขาละมานะได้ไม่ติติงเรื่องหารอีกเลย
 
ธิดาเศรษฐีท่องมนต์ที่บอกถึงฐานะที่แท้จริงของกฏหกะ จึงทำให้เขาละมานะได้ไม่ติติงเรื่องหารอีกเลย
 
          “ เฮ้ย สงสัยท่านเศรษฐีคงบอกเรื่องของเราแก่นางนี้แน่แล้ว นางถึงได้กล่าวมนต์นี้ต่อหน้าเรา ” ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่กล้าติเตียนอาหารเหมือนเช่นเคย จนในที่สุดก็สามารถ
ละมานะนี้ได้ บริโภคตามมีตามได้ไปตามยถากรรม
 
 
พุทธกาลสมัยต่อมา กฏาหกะ กำเนิดเป็น ภิกษุผู้มักโอ้อวด
พาราณสีเศรษฐี เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
พหุมฺปิ โส วิกตฺเถยฺย
อญญํ ชนปทฺ คโต
อนฺวาคนฺตฺวาน ทูเสยฺย
ภุญฺช โภเค กฏาหก
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ