กัณหทีปายนชาดก ชาดกว่าด้วยความรักที่มีต่อบุตร

“ เมื่อตอนแรกที่เราบวช เรายินดีประพฤติพรหมจรรย์ได้เพียง ๗ วันเท่านั้น จากนั้นแม้เราไม่ยินดีก็ทนประพฤติพรหมจรรย์ถึง ๕๐ กว่าปี ด้วยความสัตย์อันนี้ ขอให้ยัญญทัตตกุมารจงรอดชีวิตเถิด ” มัณพัพยะได้ถามถึงสาเหตุที่ทีปายนดาบสฝืนประพฤติพรหมจรรย์โดยไม่ยอมสึกมาครองเรือน “ ถ้าท่านไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ แล้วทำไมท่านไม่ออกมาครองเรือนหละ ” “ เพราะเราไม่อยากให้ใครว่าเราเป็นคนเหลวไหล กลับกรอกนะสิ https://dmc.tv/a27265

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 18 ส.ค. 2564 ] - [ ผู้อ่าน : 18277 ]

ชาดก 500 ชาติ

กัณหทีปายน-ชาดกว่าด้วยความรักที่มีต่อบุตร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
  
       ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง จึงทรงตรัสถามกับภิกษุรูปนั้น
“ ดูกรภิกษุ ได้ยินว่าเธอกระสันจริงหรือ ” “ เออ จริงพระเจ้าค่ะ ” “ ดูกรภิกษุเมื่อครั้งพระพุทธเจ้ายังไม่เกิดขึ้น
 
ภิกษุหนุ่มผู้มีความกระสันไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์
 
ภิกษุหนุ่มผู้มีความกระสันไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์
 
        โบราณกบัณฑิตได้บวชในลัทธินอกพุทธศาสนา ไม่มีความยินดี ยังประพฤติพรหมจรรย์อยู่ได้กว่า ๕๐ ปี ไม่แสดงความที่ตนกระสันได้ปรากฎแก่ใคร ๆ
เพราะกลัวหิริโอตตัปปะจะทำลาย เธอบวชในศาสนาที่จะนำออกจากทุกข์ เห็นปานนี้ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูเช่นเรา

พราหมณ์ ๒ สหายผู้มีสมบัติคนละ ๘๐ โกฏิ
 
พราหมณ์ ๒ สหายผู้มีสมบัติคนละ ๘๐ โกฏิ
 
        เหตุไรจึงทำความกระสันให้ปรากฏในท่ามกลางบริษัท ๔ เหตุไรจึงไม่รักษาหิริโอตตัปปะของตนไว้ ” เมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสพุทธโอวาทแก่ภิกษุรูปนั้นแล้ว
จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทกดังนี้ 
ในอดีตกาลพระเจ้าโกสัมพิกะครองราชสมบัติอยู่ในพระนครโกสัมพีแคว้นวังสะ

พราหมณ์ ๒ สหายได้ออกบวชเป็นดาบสและพักอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
 
พราหมณ์ ๒ สหายได้ออกบวชเป็นดาบสและพักอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
 
        ครั้งนั้น ณ นิคมแห่งหนึ่งมีพราหมณ์ ๒ คน มีสมบัติคนละ ๘๐ โกฏิ เป็นสหายรักกัน ทั้งสองเห็นโทษของกามคุณ จึงนำทรัพย์สมบัติไปทำทาน
แล้วออกบวชเป็นดาบส สร้างอาศรมอยู่ในป่าหิมพานต์ “ เอาล่ะ เราสร้างอาศรมแล้ว บำเพ็ญเพียรที่นี่ก็แล้วกัน ”

ดาบสทั้งสองได้เดินทางมาเยี่ยมเพื่อนของตนที่แคว้นกาสี
 
ดาบสทั้งสองได้เดินทางมาเยี่ยมเพื่อนของตนที่แคว้นกาสี
        
       “ ที่สงบแบบนี้ เราคงเข้าถึงฌานได้ ” ทีปยนดาบส และมัณฑัพยะดาบสบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าหิมพานต์ ยังชีพด้วยเผือก มัน และผลไม้อยู่ ๕ ปี ก็ยัง
ไม่สามารถทำฌานให้เกิดขึ้นได้ ล่วงไปจน ๕๐ ปี วันหนึ่งดาบสทั้งสองได้เดินทางไปหาเพื่อนชื่อ มัณฑัพยะ ที่แคว้นกาสี
 
ดาบสทั้งสองเที่ยวจาริกมาจนถึงเมืองพาราณสี
 
ดาบสทั้งสองเที่ยวจาริกมาจนถึงเมืองพาราณสี
        
       นายมัณฑัพยะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แล้วได้สร้างบรรณศาลาถวาย แล้วบำรุงด้วยปัจจัย ๔ “ เชิญพวกท่านอยู่ที่นี่ตามสบายเถิด ” สองดาบสอยู่ที่นั้น
๓-๔ พรรษา แล้วจึงลานายมัณฑัพยะเที่ยวจาริกไปถึงเมืองพาราณสี อาศัยอยู่ในป่าช้า ต่อมาทีปายนดาบสได้กลับมาไปที่บ้านของสหายอีกครั้ง

ชาวบ้านพากันวิ่งไล่จับโจรซึ่งได้ขโมยข้าวของในบ้านเรือนของพวกตน
 
ชาวบ้านพากันวิ่งไล่จับโจรซึ่งได้ขโมยข้าวของในบ้านเรือนของพวกตน
 
       แต่มัณฑัพยะดาบสยังคงอาศัยอยู่ที่ป่าช้า “ ท่านไม่ไปกับข้ารึ ” “ เชิญท่านเถิด ข้าจะอยู่ที่นี่แหละ ” อยู่มาวันหนึ่งมีโจรเข้าไปขโมยของในเรือน
ชาวบ้านพบเข้าก็พากันไล่จับโจร เมื่อจวนตัว โจรจึงรีบวิ่งเข้าป่าช้า แล้วทิ้งห่อทรัพย์ไว้ที่ประตูบรรณศาลาของมัณฑัพยะดาบส
 
โจรได้นำห่อสมบัติมาทิ้งไว้หน้าบรรณศาลาของมัณฑัพยะดาบส
 
โจรได้นำห่อสมบัติมาทิ้งไว้หน้าบรรณศาลาของมัณฑัพยะดาบส
     
        “ โหย ไม่ไหวแล้ว ขนาดหนีเข้าป่าช้ายังตามมาอีก ทิ้งสมบัติพวกนี้ไว้แล้วเผ่นหนีก่อนดีกว่า ” ชาวบ้านที่ไล่จับโจรมาถึงป่าช้า เมื่อเห็นห่อสมบัติ
ที่โจรทิ้งไว้หน้าบรรณศาลา ก็เข้าใจว่ามัณฑัพยะดาบสเป็นโจร พากันด่าทอและรุมทำร้ายมัณฑัพยะดาบส
 
ชาวบ้านได้จับตัวมัณฑัพยะดาบสมอบให้พระราชาลงโทษเพราะเข้าใจว่าเป็นโจรขโมยทรัพย์สิน
 
ชาวบ้านได้จับตัวมัณฑัพยะดาบสมอบให้พระราชาลงโทษเพราะเข้าใจว่าเป็นโจรขโมยทรัพย์สิน
 
        “ หนอย นักบวชชั่ว ตอนกลางวันเป็นนักบวช ตกดึกกลายเป็นโจร ” “ นั่นสิ พวกเราปล่อยไว้ไม่ได้ ตื้บมันเลยดีกว่า ” เมื่อทุบตี ต่อว่า มัณฑัพยะดาบส
จนหน่ำใจแล้ว ชาวบ้านก็พาตัวส่งพระราชา พระราชาไม่ทรงพิจารณาให้ถี่ถ้วนก็สั่งให้ราชบุรุษเอาตัวไปเสียบหลาวเสีย

ราชบุรุษนำตัวมัณฑัพยะดาบสมาเสียบหลาวแต่ปรากฎว่าเสียบไม่เข้า
 
ราชบุรุษนำตัวมัณฑัพยะดาบสมาเสียบหลาวแต่ปรากฎว่าเสียบไม่เข้า 
       
       “ โจรชั่วแอบอ้างตัวเป็นผู้ทรงศีลแบบนี้ ต้องจับไปเสียบหลาว ทหารเอาตัวมันไป ” พวกราชบุรุษนำตัวมัณฑัพยะดาบสไปเสียบหลาวไม้ตะเคียนในป่าช้า
แต่เสียบหลาวไม่เข้า แม้จะลองเอาไม้สะเดาหรือหลาวเหล็กก็เสียบไม่เข้า “ เจ้านี่มันต้องเล่นของแน่ ๆ เลย ถึงเสียบหลาวไม่เข้า ”
 
มัณฑัพยะดาบสเกิดญาณระลึกชาติเห็นอดีตของตน
 
มัณฑัพยะดาบสเกิดญาณระลึกชาติเห็นอดีตของตน
       
       มัณฑัพยะดาบสได้นึกถึงกรรมของตนในอดีตจึงเกิดญาณระลึกชาติได้ เห็นว่าชาติก่อนนั้นตนเกิดเป็นบุตรนายช่างไม้ เข้าป่าไปถางไม้กับบิดา เมื่อรู้สึกเบื่อ
ก็จับแมลงวันมาตัวหนึ่งแล้วเอาหนามไม้ทองหลางมาเสียบก้น หนามทองหลางติดอยู่ในตัวแต่ไม่ได้ทำให้แมลงวันตาย ต้องทุกข์ทรมานจนสิ้นอายุขัย
 
นายมัณฑัพยะในชาติก่อนได้นำหนามไม้ทองหลางมาเสียบก้นของแมลงวันตัวหนึ่ง    

นายมัณฑัพยะในชาติก่อนได้นำหนามไม้ทองหลางมาเสียบก้นของแมลงวันตัวหนึ่ง
      
       กรรมจึงตามมาในชาตินี้ เมื่อรู้ว่าไม่อาจพ้นบาปกรรมได้ก็สู้รับเสียดีกว่า “ท่านราชบุตรหากต้องการแทงหลาวให้เข้า ท่านก็จงไปเอาหลาวไม้ทองหลางมาเถิด”
พวกราชบุรุษกระทำตามที่มัณฑัพยะดาบสบอก ก็สามารถเสียบหลาวเข้า จากนั้นก็จัดยามเฝ้ามัณฑัพยะดาบสเอาไว้
 
มัณฑัพยะดาบสถูกหลาวไม้ทองหลางเสียบแต่ก็มิได้ถึงแก่ความตาย
 
มัณฑัพยะดาบสถูกหลาวไม้ทองหลางเสียบแต่ก็มิได้ถึงแก่ความตาย
  
       ทีปยนดาบสเดินทางมาหามัณฑัพยะดาบสด้วยความคิดถึงสหายเก่า ได้ฟังข่าวในระหว่างทางว่ามัณฑัพยดาบสถูกหลาวเสียบก็รีบเดินทางไปหา “ ท่านทำผิดอะไร
ถึงได้ถูกเสียบด้วยหลาวแบบนี้ ” “ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ความจริงแล้วข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ” “ แล้วท่านโกรธเคืองคนที่ทำร้ายท่านหรือเปล่า ”

ทีปายนดาบสได้เดินทางมาเยี่ยมมัณฑัพยะดาบสซึ่งถูกหลาวเสียบอยู่
 
ทีปายนดาบสได้เดินทางมาเยี่ยมมัณฑัพยะดาบสซึ่งถูกหลาวเสียบอยู่
 
        “ ข้าไม่โกรธหรอก นี่เป็นเพราะกรรมของข้าเอง ” “ ร่มเงาของผู้มีศีลเช่นท่าน เป็นความสุขสำหรับข้า ” พูดจบทีปายนดาบสก็นั่งลงกับพื้นเอาตัวพิงหลาวอยู่
เลือดที่ไหลจากตัวมัณฑัพยดาบสก็หยดลงบนตัวทีปายนดาบสจนเลือดแห้งดำไปทั้งตัว จึงได้นามเติมต้นว่า กัณหทีปายน เพราะนั่งพิงหลาว

ทีปายนดาบสได้นั่งพิงหลาวและปล่อยให้เลือดของสหายหยดลงบนตัวของตน
 
ทีปายนดาบสได้นั่งพิงหลาวและปล่อยให้เลือดของสหายหยดลงบนตัวของตน 
       
       ตลอดคืนจนรุ่งนั้นเอง วันรุ่งขึ้นพวกยามจึงไปกราบทูลเหตุการณ์นั้นแก่พระราชา พระราชาจึงรีบเสด็จไปดู “ ท่านดาบส ทำไมท่านมานั่งพิงหลาวแบบนี้ ”
“ ข้ามานั่งเฝ้าสหาย มหาบพิตรทรงทราบแล้วหรือ ว่าสหายของข้าทำผิดจริงหรือไม่ จึงได้ลงพระราชอาญา ” “ ความจริงเราก็ไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดี

 
พระราชาได้สอบถามถึงการกระทำของทีปยนดาบสที่กระทำต่อมัณฑัพยะดาบส
 
พระราชาได้สอบถามถึงการกระทำของทีปยนดาบสที่กระทำต่อมัณฑัพยะดาบส
 
        เพราะเห็นชาวบ้านบอกว่าดาบสผู้นี้เป็นโจร ” ทีปายนดาบสกล่าวสอนพระราชาพิจารณาให้ถี่ถ้วน เมื่อพระราชาทรงทราบว่า มัณฑัพยะดาบสไม่มีความผิด
จึงรับสั่งให้ถอนหลาวออก พวกราชบุรุษก็ไม่สามารถจะถอนหลาวออกได้ “ อะไรกันตอนแรกแทงไม่เข้า มาตอนนี้ถอนไม่ออกอีก ”
 
ราชบุรุษถอนหลาวออกจากตัวของมัณฑัพยะดาบสแต่ไม่สามารถถอนออกได้
 
ราชบุรุษถอนหลาวออกจากตัวของมัณฑัพยะดาบสแต่ไม่สามารถถอนออกได้
 
       “ มหาบพิตรที่เป็นแบบนี้เพราะกรรมของเราเอง ถ้าพระองค์จะทรงกรุณา ก็ให้ตัดหลาวไม้ให้เสมอหนังของเราด้วยเถิด ” พระราชาสั่งให้ราชบุรุษ
ทำตามประสงค์ของมัณฑัพยดาบส จากนั้นขอขมาดาบสทั้งสอง พร้อมทั้งนิมนต์ให้อยู่ในพระราชอุทยานและให้การดูแลเป็นอย่างดี
 
ราชบุรุษได้ใช้เลื้อยเลื้อยหลาวไม้ทองหลางให้เสมอกับผิวเนื้อของมัณฑัพยะดาบส
 
ราชบุรุษได้ใช้เลื้อยเลื้อยหลาวไม้ทองหลางให้เสมอกับผิวเนื้อของมัณฑัพยะดาบส
 
       ตั้งแต่นั้นมามัณฑัพยะดาบสได้ชื่อเติมหน้าว่า อาณิมัณฑัพยะ อาศัยอยู่ในพระราชอุทยานนั้น ส่วนทีปายนดาบสเมื่อรักษาแผลมัณฑัพยะดาบส
หายดีแล้วก็กลับไปสำนักนายมัณฑัพยะผู้เป็นสหายคฤหัสถ์ของตน เมื่อทีปายนดาบสมาถึงบรรณศาลา นายมัณฑัพยะพร้อมด้วยบุตรภรรยา
ได้นำอาหาร เครื่องหอม
 
ภรรยาและบุตรของนายมัณฑัพยะได้มาต้อนรับการกลับมาของทีปายนดาบส
 
ภรรยาและบุตรของนายมัณฑัพยะได้มาต้อนรับการกลับมาของทีปายนดาบส

        ดอกไม้มาต้อนรับแล้วนั่งฟังข่าวอาณิมัณฑัพยดาบส ขณะนั้นบุตรของนายมัณฑัพยะชื่ออยัญญทัตตกุมารเล่นลูกข่างอยู่ข้างจอมปลวก ซึ่งมีงูพิษอาศัยอยู่
ลูกข่างตกถูกหัวงูในโพรงจอมปลวก เมื่อกุมารนั้นลวงมือไปเก็บลูกข่าง ก็ถูกงูที่กำลังโกรธกัดจนสลบ “ โอ้ย ” “ ตายแล้ว ลูกเราถูกงูกัด ”

อยัญญทัตตกุมารได้ทำลูกข่างตกลงไปในโพรงข้างจอมปลวก
 
อยัญญทัตตกุมารได้ทำลูกข่างตกลงไปในโพรงข้างจอมปลวก

       “ ท่านดาบส ช่วยลูกของข้าด้วย ท่านต้องมียา หรือมีคาถาช่วยลูกข้าได้แน่ ๆ ” “ เราไม่มียารักษา แล้วก็ทำอย่างที่ท่านว่าไม่ได้หรอก ” “ ถ้าอย่างนั้น
ท่านช่วยทำสัตยาธิษฐานเพื่อช่วยลูกของข้าด้วยเถิด ” เมื่อสหายขอให้ช่วย ทีปายนดาบสจึงไม่อาจนิ่งดูดายได้ จึงตั้งจิตอธิษฐานทำสัจกิริยา

งูพิษที่อยู่ในโพรงได้กัดอยัญญทัตตกุมารจนสลบ
 
งูพิษที่อยู่ในโพรงได้กัดอยัญญทัตตกุมารจนสลบ

      แล้ววางมือลงบนศีรษะยัญญทัตตกุมาร “ เมื่อตอนแรกที่เราบวช เรายินดีประพฤติพรหมจรรย์ได้เพียง ๗ วันเท่านั้น จากนั้นแม้เราไม่ยินดีก็ทนประพฤติพรหมจรรย์
ถึง ๕๐ กว่าปี ด้วยความสัตย์อันนี้ ขอให้ยัญญทัตตกุมารจงรอดชีวิตเถิด ” เมื่อกล่าวสัจกิริยาแล้ว พิษในกายท่อนบนของยัญญทัตตกุมารก็หาย

นายมัณฑัพยะและภรรยาได้ขอให้ทีปายนดาบสช่วยลูกของตน
 
นายมัณฑัพยะและภรรยาได้ขอให้ทีปายนดาบสช่วยลูกของตน

         สามารถลืมตาแล้วก็ร้องเรียกแม่ได้ “ สัจกิริยาของเราช่วยท่านได้เท่านี้ ท่านจงทำสัจกิริยาบ้างเถิด ” นายมัณฑัพยะวางมือลงที่หน้าอกบุตรชาย
แล้วกล่าวสัจกิริยาบ้าง “ เมื่อแขกจะมาพักที่บ้าน บางครั้งข้าก็ไม่อยากให้พัก แต่ก็ยอมให้พัก เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน

ทีปายนดาบสได้ช่วยอยัญญทัตตกุมารด้วยการทำสัจกิริยา
 
ทีปายนดาบสได้ช่วยอยัญญทัตตกุมารด้วยการทำสัจกิริยา

       ด้วยความสัตย์นี้ของให้ลูกองข้าจงรอดชีวิตด้วยเถิด ” เมื่อบิดาทำสัจกิริยาพิษในกายตอนเหนือสะเอวของยัญญทัตตกุมารก็หายไป สามารถลุกนั่งได้
แต่ไม่สามารถยืนได้ นายมัณฑัพยะจึงบอกให้ภรรยาของตนทำสัจกิริยาบ้าง “ ข้ามีคำสัตย์ที่ไม่อาจบอกต่อหน้าท่านได้ ”

นายมัณฑัพยะได้ช่วยลูกของตนด้วยการทำสัจกิริยา
 
นายมัณฑัพยะได้ช่วยลูกของตนด้วยการทำสัจกิริยา

      “ น้องหญิงเจ้าจงทำเพื่อช่วยลูกของเราเถิด ” “ ลูกรัก งูพิษที่กัดเจ้ากับพ่อของเจ้านั้น ก็เป็นสิ่งที่แม่ไม่รักไม่ชอบด้วยกันทั้งคู่ ด้วยความสัตย์นี้ขอให้ลูก
จงรอดชีวิตเถิด ” เมื่อสิ้นสัจกิริยา พิษทั้งหมดก็หายไป ยัญญทัตตกุมารสามารถลุกขึ้นเดินและเล่นต่อไปได้

ภรรยาของนายมัณฑัพยะได้ช่วยลูกของตนด้วยการทำสัจกิริยา
 
ภรรยาของนายมัณฑัพยะได้ช่วยลูกของตนด้วยการทำสัจกิริยา
 
      นายมัณฑัพยะได้ถามถึงสาเหตุที่ทีปายนดาบสฝืนประพฤติพรหมจรรย์จนถึงห้าสิบปีโดยไม่ยอมสึกมาครองเรือน “ ถ้าท่านไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์
แล้วทำไมท่านไม่ออกมาครองเรือนหละ ” “ เพราะเราไม่อยากให้ใครว่าเราเป็นคนเหลวไหล กลับกรอกนะสิ
 
นายมัณฑัพยะได้ยกโทษให้กับภรรยาของตน
 
นายมัณฑัพยะได้ยกโทษให้กับภรรยาของตน
 
      แล้วท่านหละ ถ้าไม่อยากต้นรับแขกแล้วฝืนใจทำไมกัน ” “ ข้าทำตามบรรพบุรุษนะสิ เพราะไม่อยากให้ใครมาว่าได้ ว่าไม่ทำตามธรรมเนียมของตระกูล ”
พูดจบนายมัณฑัพยะจึงหันไปถามถึงสาเหตุที่ภรรยาฝืนใจครองเรือนอยู่ด้วยกัน โดยไม่ได้มีความรักต่อตนเลย “ น้องหญิง ข้าไม่รู้มาก่อนเลย ว่าเจ้า
ไม่ได้รักข้า ทำไมเจ้ายังฝืนทนอยู่กับข้าด้วยหละ ”
 
นายมัณฑัพยะและ<a href=http://www.dmc.tv/seach/ครอบครัว title='ครอบครัว' target=_blank><font color=#333333>ครอบครัว</font></a>ได้ตั้งใจทำ<a href=http://www.dmc.tv/pages/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89.html title='บุญ' target=_blank><font color=#333333>บุญ</font></a>ทำทานด้วยความเชื่อในผลของกรรม
 
นายมัณฑัพยะและครอบครัวได้ตั้งใจทำบุญทำทานด้วยความเชื่อในผลของกรรม
 
       “ เพราะตระกูลของข้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนแต่งงาน มีสามีใหม่เลยนะสิ ข้าไม่อยากให้ใครว่าข้าได้ ว่าไม่ทำตามธรรมเนียมของตระกูล ” ภรรยาของนายมัณฑัพยะ
รู้ตัวว่าความลับของนางจะทำให้ผู้เป็นสามีโกรธ จึงขอโทษสามีต่อหน้าดาบส เพื่อจะได้รับการยกโทษ “ ข้ารู้ ว่าข้าไม่ควรพูดแบบนั้น แต่ทำไปก็เพื่อลูกของเรา
ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด ” “ ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ต่อไปเจ้าก็อย่าได้ทำแบบนั้นอีก ”
 
ทีปายนดาบสได้บรรเทาความเบื่อหน่ายตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ทำฌาณอภิญญาให้เกิดขึ้น
 
ทีปายนดาบสได้บรรเทาความเบื่อหน่ายตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ทำฌาณอภิญญาให้เกิดขึ้น

       เมื่อสหายยกโทษให้ภรรยาแล้ว ทีปายนดาบสจึงบอกให้นายมัณฑัพยะทำทาน ด้วยเชื่อในกรรมและผลของกรรม “ ต่อไปท่านจงทำทานด้วยศรัทธาเถิด ”
“ ข้าจะทำตามที่ท่านบอก ตั้งแต่นี้ต่อไป ขอให้ท่านมีจิตที่เลื่อมใสยินดีในการฟระพฤติพรหมจรรย์เถิด ” ตั้งแต่นั้นมาภรรยาของนายมัณฑัพยะก็มีความเสน่หา
ในสามีเป็นอย่างดี นายมัณฑัพยะก็มีจิตเลื่อมใสถวายทานด้วยศรัทธา
     
      ทีปายนดาบสก็บรรเทาความเบื่อหน่าย ประพฤติพรหมจรรย์ ทำฌานและอภิญญาให้เกิดขึ้น พระศาสดาแสดงธรรมเทศนาจบ ภิกษุผู้กระสันได้บรรลุ
โสดาปัตติผล และทรงประชุมชาดกว่า

 
นายมัณฑัพยะในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระอานนท์
ภรรยาในครั้งนั้น กำเนิดเป็น นางวิสาขา
บุตรในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระราหุล
อาณิมัณฑัพยะดาบส กำเนิดเป็น พระสารีบุตร
กัณหทีปายนดาบส เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า

 
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ