ชาดก 500 ชาติ
กุหกชาดก-ชาดกว่าด้วยพูดดีได้เงินได้ทอง
พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้มักหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนาดังนี้ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตทรงครองราชสมบัติในกรุงพาราณสี ชฎิลโกงผู้หนึ่งเป็นดาบสหลอกลวงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตำบลหนึ่งกรุงพาราณสีปกครองโดยพระเจ้าพรหมทัต“ ดูดาบสผู้นี้สิ ข้าได้ยินว่าท่านมีตาทิพย์ หูทิพย์ด้วยนะ ” “ จริงรึ แบบนี้พวกเราต้องฝากตัวท่านเป็นศิษย์ซะแล้ว ” “ เฮอะ ๆ ๆ ๆ พวกชาวบ้านนี่โง่จริง ๆแค่แต่งตัวเป็นนักบวช นั่งอยู่นิ่ง ๆ ก็มีคนมากราบไหว้เรา เฮอะ ๆ ๆ ” เศรษฐีผู้หนึ่งเห็นดาบสนั้นแล้วเกิดความเลื่อมใส ด้วยเชื่อว่าดาบสนั้นเป็นผู้มีศีลจึงได้สร้างศาลาในป่าถวายชฎิลโกงปลอมตัวเป็นดาบสเพื่อหลอกลวงชาวบ้าน“ ท่านดาบส เราขอถวายศาลานี้ให้ท่านใช้บำเพ็ญเพียร ” ไม่เพียงสร้างศาลาถวายเท่านั้นเศรษฐียังปรนนิบัติดาบสนั้นด้วยอาหารประณีตในเรือนของตน“ อาหารพวกนี้ ข้าให้พ่อครัวที่บ้านปรุงสุดฝีมือ เชิญท่านกินตามสบายเถิด ” “ เกรงใจแล้ว ๆ ” ครั้งนั้นมีข่าวว่าโจรร้ายออกปล้นชาวบ้าน
ชาวบ้านต่างพากันพูดถึงดาบสด้วยความเลื่อมใสเศรษฐีกลัวทองคำของตนจะถูกปล้นจึงนำเอาทอง ๑๐๐ แท่งนั้นไปยังศาลาของดาบส แล้วก็ฝังไว้ในดินข้างศาลา “ ท่านดาบสข้าขอฝากทองคำนี้ให้ท่านช่วยดูแลด้วยเถิด ” “ อย่าห่วงไปเลย ขึ้นชื่อว่าความโลภในสิ่งของผู้อื่น ไม่มีในหมู่บรรพชิตเราเลย ”ชฎิลโกงมีควากระหยิ่มในใจที่ตนสามารถหลอกลวงชาวบ้านได้สำเร็จ“ เช่นนั้นข้าก็สบายใจ ท่านช่างเป็นผู้มีศีลน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ” “ เหอะ ๆ ๆ อยู่ดี ๆ ก็มีลาภก้อนโตมาให้เรา เจ้าเศรษฐีนี้ช่างโง่จริง ๆ ” ดาบสชั่วคิดหาทางขโมยทองของเศรษฐี จึงออกอุบายทยอยขุดทองไปแอบซ่อนไว้ที่อื่น เมื่อล่วงไปได้สองสามวันดาบสนั้นก็เริ่มลงมือขโมยทองเศรษฐีได้สร้างบรรณศาลาถวายให้ท่านดาบสได้พักอาศัย“ โอ้โห ทองทั้งนั้นเลย คราวนี้เรารวยแล้วล่ะ ไม่ต้องมาแกล้งถือศีลบำเพ็ญตบะอีกแล้ว ทอง ” ดาบสนั้นขุดทองในเวลากลางคืน แล้วนำไปแอบซ่อนในเวลาตอนเช้า ระหว่างที่เดินทางไปกินอาหารที่บ้านเศรษฐี เพียงไม่กี่วัน ทอง ๑๐๐ แท่ง ก็ถูกขุดไปจนหมดสิ้นเศรษฐีได้น้อมถวายภัตตาหารอย่างดีแก่ท่านดาบสในเรือนของตน“ ทองทั้งหมดนี้เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” เมื่อขนทองไปจนหมดสิ้นแล้ว ดาบสชั่วก็คิดหลบก็คิดหลบหนี พอวันรุ่งขึ้นเมื่อดาบสทำกินอาหารในเรือนของเศรษฐีเสร็จแล้ว จึงกล่าวลาเศรษฐี “ ท่านเศรษฐี ข้าอยู่ที่ศาลานี้มาก็นานพอสมควรมีโจรร้ายออกปล้นสะดมชาวบ้านขึ้นชื่อว่าบรรพชิตพัวพันอยู่กับคฤหัสถ์มากไปก็จะไม่ดี ” “ ถ้าอย่างนั้น ท่านดาบสจะให้ข้าทำอย่างไรกันรึ ” “ ข้าว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ที่ข้าจะต้องออกเดินทางไปบำเพ็ญเพียรที่อื่นเสียที ” “ ท่านดาบสอยู่ต่ออีกหน่อยเถิด ชาวบ้านที่เลื่อมใสท่านจะได้มีที่พึง ” แม้เศรษฐีจะอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่าก็ไม่เป็นผลเศรษฐีนำทองคำ ๑๐๐ แท่งมาฝังไว้ใกล้บรรณศาลาของท่านดาบสด้วยเป็นอุบายของดาบสที่ต้องการหลบหนีไปจากที่นั้นพร้อมทองคำที่ขโมยมา “ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็นิมนต์ไปเถิดท่านดาบส ข้าคงส่งท่านได้แค่นี้แหละ ”เศรษฐีส่งดาบสถึงประตูบ้านแล้วจึงกลับ ฝ่ายดาบสนั้นแม้จะมีโอกาสหนีแล้ว แต่ก็กลัวเศรษฐีจะคิดสงสัย จึงวางแผนลวงให้เศรษฐีเชื่อใจและหมดความสงสัยในตนท่านเศรษฐีได้ฝากให้ดาบสช่วยดูแลทองคำที่ตนฝั่งไว้“ เจ้าเศรษฐีนั่น จะสงสัยข้าหรือเปล่านะ ถ้าเกิดมันสงสัยแล้วตามมาก็คงแย่แน่ แบบนี้ข้าต้องแกล้งหลอกให้มันเชื่อใจ ” คิดได้ดังนี้แล้วดาบสจึงเอาหญ้าวางไว้ระหว่างชฎาแล้วเดินย้อนกลับมายังเรือนของเศรษฐี “ อ้าว ท่านดาบส ท่านกลับมาด้วยเหตุอะไรกันรึ หรือท่านเปลี่ยนใจแล้ว ”
ดาบสได้แอบทยอยขุดทองคำในยามค่ำคืน“ ปะปะ ปล่าวเลย ที่ข้ากลับมานี่ ก็เพราะหญ้าเส้นหนึ่ง เกี่ยวชฎาของข้าไปจากชายคาเรือนของท่าน ขึ้นชื่อว่าการลักขโมย มันไม่สมควรแก่ดาบสเยี่ยงข้าข้าจึงต้องเอามันมาคืนให้ท่าน ” “ ไม่เห็นต้องลำบากเลยท่านดาบส จงทิ้งมันไป แล้วเดินทางต่อเถิด ” “ ดาบสผู้นี้ช่างน่านับถือยิ่งนัก ไม่ถือเอาของของผู้อื่น
ดาบสได้ขุดทองคำทั้งหมดจนครบ ๑๐๐ แท่งแม้เพียงเส้นหญ้าก็ยังเอามาคืนเรา ช่างน่านับถือจริง ๆ เลย ” ในครั้งนั้นมีบัณฑิตผู้หนึ่งเดินทางไปยังชนบทชายแดน เพื่อต้องการสิ่งของแล้วได้อาศัยพักแรมที่บ้านท่านเศรษฐี เศรษฐีได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แล้วได้กล่าวสรรเสริญดาบสนั้นให้บัณฑิตฟัง “ น่าเสียดาย ท่านมาถึงที่นี่ช้าไป ไม่เช่นนั้นคงได้มีโอกาสพบกับดาบสผู้น่าเลื่อมใสเป็นแน่ ”
ดาบสได้แอบนำทองคำทั้งหมดไปซ่อนไว้ในที่ของตน“ ดาบสที่ท่านพูดถึง น่าเลื่อมใสอย่างไรรึ ” “ ดาบสที่ข้าพูดถึงนี้เป็นผู้อยู่ในศีล แม้เพียงเส้นหญ้าเกี่ยวชฎาไป ก็ยังนำมาคืนแก้ข้า ” บัณฑิตได้ฟังคำของเศรษฐีแล้ว ก็เกิดสงสัยในพฤติกรรมของดาบส คิดว่าดาบสผู้นี้ต้องถือเอาอะไรของเศรษฐีติดไปด้วยแน่ “ ดาบสนี้มีพฤติกรรมน่าสงสัยจริง ๆดาบสได้อำลาท่านเศรษฐีเพื่อเดินทางไปแสวงโมกขธรรมยังเมืองอื่นท่านเศรษฐีก่อนที่ดาบสจะจากไปนั้น ท่านได้ฝากฝังอะไรไว้กับดาบสผู้นั้นบ้างหรือไม่ ” “ เอ้ ขอข้านึกก่อนนะ อ้อใช่แล้ว เราฝากให้ท่านดาบสช่วยดูแลทองคำ ๑๐๐ แท่งของเราไว้ ” “ ถ้าเช่นนั้นท่านจงรีบไปตรวจตราดูทองนั่นเถิด ”ดาบสเดินย้อนกลับมายังบ้านเศรษฐีเพื่อทำตามแผนการที่ตนวางไว้แม้เศรษฐีจะยังไม่ปักใจเชื่อแต่ก็รีบไปยังบรรณศาลาของดาบส แล้วให้คนงานช่วยกันขุดเอาทองคำขึ้นมา “ ข้าว่าท่านดาบส ไม่ขโมยทองคำของข้าไปหรอก ”“ ท่านเศรษฐีขอรับ เราขุดหาทองตามที่ท่านบอกแล้ว แต่ไม่พบเลยขขอรับ ”ดาบสแสร้งทำเป็นคืนหญ้าที่ติดศีรษะของตนคืนให้กับท่านเศรษฐี“ อะไรกัน ก็เราฝังทองนั่นด้วยมือของเราเอง พวกเจ้าหาทั่วแล้วรึ เร่งมือขุดหาให้เจอให้ได้ ” คนงานของเศรษฐีขุดหารอบบรรณศาลาจนทั่ว แต่ก็ไม่พบทองคำของเศรษฐี จึงรู้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าดาบสนั้นเป็นผู้ขโมยไป “ ของของท่านผู้อื่นไม่ได้เอาไปหรอก ดาบสนั้นเป็นคนเอาไปอย่างแน่นอน ”
บัณฑิตหนุ่มได้เดินทางมายังชนบทชายแดน“ โธ่ เราหลงเชื่อให้การดูแลเป็นอย่างดี นี่เราเลี้ยงโจรไว้แท้ ๆ ” “ ข้าว่าเรารีบตามดาบสนั้นไปดีกว่า ” เศรษฐีและบัณฑิตหนุ่มเร่งติดตามดาบส ไม่นานก็ตามทันและสามารถจับดาบสเอาไว้ได้ “ เจ้าดาบสชั่ว เจ้าหัวขโมย เสียแรงที่ข้าสร้างศาลาให้พัก ปรนนิบัติไว้ใจ ฝากฝั่งทองคำไว้กับเจ้าท่านเศรษฐีได้เล่าเรื่องราวของดาบสให้แก่บัณฑิตหนุ่มได้ฟังเจ้ากลับขโมยทองคำของข้าไปสะได้ “ ไอ้เราก็หลงนึกว่าเป็นคนดี แบบนี้ต้องโดน นี่แน่ะ ๆ เจ้านักบวชเก้ เอ้ย” “ โอย โอย โอ้ย เจ็บ ข้ายอมแล้วข้ายอมแล้ว อย่าทำร้ายข้าเลยนะ อย่า ข้ายอมแล้ว โอ้ย หยุดได้แล้ว ” ชาวบ้านที่ติดตามมาด้วยพากันรุมทำร้ายดาบส บ้างก็ทุบตี บ้างก็แตะ
ท่านเศรษฐีได้ให้คนของตนขุดหาทองที่ตนได้ฝังไว้เมื่อถูกทุบตีจนทนไม่ไหว ดาบสจึงยอมคืนทองทั้งหมดให้แก่เศรษฐี “ ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว นี่ทองทั้งหมดของท่าน เอาไปเลย ข้าไม่เอาแล้ว ”เมื่อดาบสยอมรับผิดและคืนทองให้แก้เศรษฐีแล้ว บัณฑิตหนุ่มจึงได้ให้โอวาทแก่เศรษฐีเศรษฐีรู้สึกโกรธแค้นมากที่ตนเสียรู้ดาบสขี้โกง“ ดาบสนี่ขโมยทองคำ ๑๐๐ แท่งของท่านไป ท่านยังไม่ข้องใจ กลับมาข้องใจในเรื่องเพียงเส้นหญ้าเพียงเส้นเดียว ” “ นั่นสินะ ขอบใจท่านมากที่ช่วยเราไม่เช่นนั้นเราคงไม่ได้ทองคำคืนเป็นแน่ ” “ ท่านดาบสถ้อยคำของท่านช่างไพเราะอ่อนหวานเสียนี่กระไร ท่านรังเกียจกระทั่งหญ้าเส้นเดียวคนของท่านเศรษฐีได้พากันรุมทำร้ายชฎิลโกงในคราบของดาบสแต่เมื่อขโมยทองคำไปตั้ง ๑๐๐ แท่ง กลับไม่รังเกียจเลยนะ ” บัณฑิตหนุ่มครั้นติเตียนดาบสนั้นแล้วก็ให้โอวาสแก่ดาบส “ ดูกรชฎิลโกง ท่านอย่าได้ทำกรรมเห็นปานนี้ต่อไปอีก ดังนี้แล้วก็ไปตามยถากรรม ”ดาบสโกงยอมคืนทองคำทั้งหมดให้กับท่านเศรษฐีพระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้แล้ว จึงตรัสว่า “ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่ภิกษุนี้เป็นผู้หลอกลวง แม้ในกาลก่อนก็ได้เป็นผู้หลอกลวงแล้วเหมือนกัน ดังนี้แล้ว ทรงประชุมชาดกว่าบัณฑิตหนุ่มได้ให้โอวาทแก่ชฎิลโกงดาบสโกงในครั้งนั้น ได้มาเป็น ภิกษุหลอกลวงในครั้งนี้บุรุษผู้เป็นบัณฑิต เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
กุหกชาดก ชาดกว่าด้วยพูดดีได้เงินได้ทอง
เศรษฐีได้นำทองคำไปฝังไว้ใกล้ๆ บรรณศาลาของดาบส และได้ฝากฝังดาบสให้เป็นผู้ดูแลทองคำนั้น ดาบสปลอมหรือชฎิลโฏงได้ถือโอกาสขุดเอาทองคำของเศรษฐีในยามค่ำคืนไปแอบซ่อนไว้ที่อื่นจนหมดสิ้น https://dmc.tv/a26493
บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ[ 6 ต.ค. 2563 ] - [ ผู้อ่าน : 18273 ]
บทความอื่นๆ ในหมวด
ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่งเกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ