คูถปาณกชาดก ชาดกว่าด้วยหนอนท้าสู้กับช้าง

เจ้าช้างถ่ายคูตก้อนใหญ่ลงบนหัวหนอนนั้น และถ่ายปัสสาวะรดหนอนคูต พร้อมทั้งแผดเสียงร้องอย่างสะใจ ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในป่าตามยถากรรม เหตุการณ์ระหว่างที่เจ้าหนอนคูตท้าสู้กับช้างนั้น เป็นที่แจ้งประจักษ์แก่เทวดาที่อยู่ในไพรสณฑ์นั้น ซึ่งเฝ้ามองดูชะตากรรมช่างน่าอนาถของเจ้าหนอนคูตที่ต้องมาตายเพราะความหยิ่งผยองลำพองตน https://dmc.tv/a25216

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 23 ส.ค. 2562 ] - [ ผู้อ่าน : 18257 ]

ชาดก 500 ชาติ

คูถปาณกชาดก-ชาดกว่าด้วยหนอนท้าสู้กับช้าง

นครสาวัตถีดินแดนอันเป็นแหล่งกำเนิดทางพระพุทธศาสนา

นครสาวัตถีดินแดนอันเป็นแหล่งกำเนิดทางพระพุทธศาสนา
  
      ณ ชมพูทวีป ดินแดนสาวัตถีนครอันเป็นแหล่งกำเนิดทางพระพุทธศาสนาซึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง หลังจากที่พระพุทธองค์เผยแผ่หลักธรรม
คำสอนให้เป็นที่ประจักษ์ยอมรับในหมู่มวลเวไนยสัตว์ทั้งหลายได้ยึดเป็นแก่นแกนในการดำเนินชีวิต เพื่อสั่งสมบุญกุศลให้พ้นจากการตกเป็นทาสของกามกิเลส ตัณหา ราคะ
ที่บั่นทอนความเป็นมนุษย์ให้ลดต่ำลงและหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร
 
บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีสลากภัตและปักขิกภัตสำหรับถวายเหล่าภิกษุสามเณร
 
บ้านหลังหนึ่งซึ่งมีสลากภัตและปักขิกภัตสำหรับถวายเหล่าภิกษุสามเณร
 
     บรรลุถึงมรรคผลนิพพานตามแบบอย่างพระพุทธองค์ ในกาลนั้นมีเหตุมากมายหลายกรณีเกิดขึ้นให้พระพุทธองค์ได้หยิบยกมาสาทก ให้เหล่าพุทธสาวกได้สดับตรับฟัง
เพื่อเป็นข้อคิดและยุติความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละเหตุก็มีมูลแตกต่างกันไปตามวิบากกรรมที่ได้ทำมาในอดีตชาตินั่นเอง ดังเช่นเหตุการณที่เกิด เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์
ประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร เหตุนั้นมีอยู่ว่า
 
บุรุษด้วนผู้เป็นเจ้าของบ้านซึ่งมีสลากภัตเป็นจำนวนมาก
 
บุรุษด้วนผู้เป็นเจ้าของบ้านซึ่งมีสลากภัตเป็นจำนวนมาก
 
     ในนิคมแห่งหนึ่ง ห่างจากพระเชตวันมหาวิหารประมาณโยชน์กับหนึ่งคาวุด หรือประมาณ 20 กิโลเมตรในปัจจุบัน มีบ้านอยู่หลังหนึ่ง มีสลากภัตเป็นอันมาก ซึ่งก็คือ อาหารถวายพระ
ตามสลากที่จับได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีปักขิกภัตที่เป็นอาหารถวายพระในปักละครั้งนั้นเอง เจ้าของบ้านหลังนี้ เป็นบุรุษด้วนผู้มีความหยิ่งผยองจองหอง ชอบซักถามปัญหากับ
เหล่าภิกษุหนุ่มและสามเณรที่ไปรับสลากภัตและปักขิกภัตว่า

บุรุษด้วนชอบถามคำถามต่อเหล่าภิกษุและสามเณรที่มารับสลากภัต
 
บุรุษด้วนชอบถามคำถามต่อเหล่าภิกษุและสามเณรที่มารับสลากภัต
 
     “ ภิกษุสามเณรทั้งหลายเอ๋ย พวกท่านรู้หรือไม่ว่า พวกไหนดื่ม พวกไหนเคี้ยวกิน พวกไหนบริโภค จงตอบคำถามเรามาเดี๋ยวนี้ ฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า ” “ เอ่อ คำถามอะไรของท่านละเนี่ย
ไม่เห็นเข้าใจเลย ใครจะไปตอบได้ ” “ นั่นนะสิ ยิ่งฟังก็ยิ่งงง ” “ ฮะฮ่า อึ้งไปเลยละสิ แค่นี้ก็ตอบไม่ได้ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ข้าว่าพวกท่านอย่าเสียแรงมารับสลากภัตและ
ปักขิกภัตเลย เสียของเปล่าๆ ”
 
เหล่าภิกษุและสามเณรต่างถูกเย้ยหยันด่าทอจากบุรุษด้วนหากไม่สามารถตอบคำถามได้
 
เหล่าภิกษุและสามเณรต่างถูกเย้ยหยันด่าทอจากบุรุษด้วนหากไม่สามารถตอบคำถามได้
 
     เมื่อเหล่าภิกษุและสามเณรเหล่านั้นไม่สามารถตอบได้ ก็บังเกิดความอาย จึงไม่กล้าไปรับสลากภัตและปักขิกภัตยังบ้านของบุรุษด้วน เพราะเกรงบุรุษด้วนนั้นจะเอ่ยคำถามอีก
“ วันนี้กระผมว่า เราอย่าไปรับสลากภัตที่บ้านบุรุษด้วนนั้นเลยนะท่าน ” “ ทำไมละท่าน ” “ นี่แสดงว่าท่านยังไม่รู้อะไร บุรุษด้วนเจ้าของบ้าน ชอบเอ่ยถามคำถามกับเหล่าภิกษุ
ที่ไปรับสลากภัต พอตอบไม่ได้ก็เย้ยหยัน ด่าทอให้เป็นที่น่าละอายแก่ใจยิ่งนัก กระผมกับเณรก็เพิ่งโดนมาหมาดๆ เลยละท่าน จริงไหมเณร ” “ จริงขอรับ ถามอะไรก็ไม่รู้ งงๆ ”
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้สอบถามข้อมูลเรื่องสลากภัตของบุรุษด้วนกับเพื่อนสหธรรมิกของตน
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้สอบถามข้อมูลเรื่องสลากภัตของบุรุษด้วนกับเพื่อนสหธรรมิกของตน
 
     “ แต่ถ้าท่านไม่เชื่อ ก็ลองไปดูสิ เผื่อท่านจะพอกู้หน้าให้พวกเราเหล่าภิกษุได้บ้าง ” “ อะไรทำให้ท่านคิดเช่นนั้น เราก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่าท่าน ถ้าท่านตอบไม่ได้ แล้วเราจะเหลืออะไร
ทางที่ดี เราก็ผ่านบ้านนั้นไปเลยก็ดี ” อยู่มาวันหนึ่ง ณ โรงสลาก ภิกษุรูปหนึ่งได้เอ่ยถามว่า ท่านผู้เจริญสลากภัตหรือปักขิกภัตที่บ้านโน้น ยังมีอยู่หรือไม่ ” “ ยังมีอีกเยอะเลยละท่าน
แต่ที่บ้านนั้น มีบุรุษด้วนคนหนึ่งคอยถามปัญหา พอตอบไม่ได้ก็คอยเย้ยหยัน
 
ภิกษุผู้ต้องการรับสลากภัตได้เดินทางมายังบ้านของบุรุษด้วน
 
ภิกษุผู้ต้องการรับสลากภัตได้เดินทางมายังบ้านของบุรุษด้วน
 
     ด่าว่าภิกษุสามเณรที่ไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ ก็เลยไม่มีใครอยากไปรับสลากภัตแล้วก็ปักขิกภัตที่บ้านนั้น เพราะเกรงบุรุษด้วนนั้นนะท่าน ” “ ท่านผู้เจริญ หากเป็นเช่นที่ท่านว่า
ขอจงให้ภัตที่บ้านนั้นถึงกระผมเถิด กระผมจะถอดประมาณบุรุษนั้น ทำให้หมดพยศ จะทำให้หนีไปเพราะเห็นกระผมตั้งแต่นั้นเลย ” “ จริงรึท่าน ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย เราจะให้ภัตที่บ้านนั้น
ถึงแก่ท่าน ในที่สุดก็มีฮีโร่ ผู้กู้หน้าพวกเราแล้ว ฝากด้วยนะท่าน "
 
ภิกษุขอบิณฑบาตรับข้าวยาคูลจากบุรุษด้วน
 
ภิกษุขอบิณฑบาตรับข้าวยาคูลจากบุรุษด้วน
     
     ภิกษุนั้น จึงไปที่บ้านนั้น ห่มจีวรที่ประตูบ้าน เมื่อบุรุษด้วนเห็นภิกษุนั้น ก็ปรี่เข้าไปหาดังแพะดุ แล้วก็กล่าวว่า “ สมณะเอ๋ย ท่านจงแก้ปัญหาของข้าพเจ้าเถิด ” “ ช้าก่อน อุบาสก
ขอให้อาตมาได้บิณฑบาตในบ้าน รับข้าวยาคูล แล้วมานั่งพักยังศาลาเสียก่อนเถิด ” บุรุษด้วนนั้นได้ทำตามคำขอของภิกษุ เมื่อภิกษุนั้นรับข้าวยาคูลแล้วมาสู่ศาลานั่งพัก บุรุษด้วน
ก็สบโอกาส จึงเอ่ยถามปัญหาเหมือนอย่างที่เคยถามกับภิกษุรูปอื่นด้วยความหยิ่งผยอง แต่กลับถูกภิกษุรูปนั้นผลัดว่า

เมื่อภิกษุรับสลากภัตแล้วบุรุษด้วนก็เร่งเร้าให้ภิกษุตอบคำถามแก่ตน
 
เมื่อภิกษุรับสลากภัตแล้วบุรุษด้วนก็เร่งเร้าให้ภิกษุตอบคำถามแก่ตน
 
     “ ช้าก่อนอุบาสก ท่านจะรีบร้อนไปใย ขอให้อาตมาได้ดื่มข้าวยาคูล กวาดศาลานั่งพัก แล้วขอรับสลากภัตก่อนมิดีกว่าหรือท่าน ” “ เฮ้ย ท่านนี่ช่างเฉไฉไปเรื่อยจริง เมื่อท่านกล้าขอเรา
ก็กล้าให้ ดูสิ ว่าท่านจะฉลาดพอตอบคำถามของเราได้หรือเปล่า ฮะ ๆ ฮ่า ๆ ” ครั้นรับสลากภัตแล้วบุรุษด้วนก็กล่าวแก่ภิกษุด้วยความโมโหว่า “ อ้าว ว่าไงละท่าน นี่ก็รับสลากภัตเสร็จแล้ว
ก็เตรียมตัวตอบคำถามของเราแล้วกัน เป็นพระเป็นเจ้า อย่ามามุสานะท่าน มันไม่ดี ”
 
บุรุษด้วนพูดจาเย้ยหยันและรบเร้าจะให้ภิกษุตอบคำถามของตนด้วยความร้อนใจ
 
บุรุษด้วนพูดจาเย้ยหยันและรบเร้าจะให้ภิกษุตอบคำถามของตนด้วยความร้อนใจ
 
     “ ถ้าเช่นนั้นอุบาสกก็ช่วยถือบาตรให้อาตมา แล้วเดินตามอาตมามาเถิด อาตมาจะแก้ปัญหาให้ท่าน ” “ ฮ่า ๆ ๆ ได้เลย คราวนี้แหละจะได้รู้ว่า ท่านจะฉลาดแค่ไหน ขออย่าให้เหมือนรูปอื่น ๆ
ก็แล้วกัน ตอบไม่ได้ อายม้วนเสื่อหนีกลับวัดแทบไม่ทันเลยนะ ฮะฮ้าๆๆ ” เมื่อพากันเดินออกไปนอกวัดแล้ว ภิกษุก็จีบจีวรพาดบ่า พร้อมทั้งรับบาตรจากมือของบุรุษนั้น ส่วนบุรุษด้วนก็รบเร้า
ให้ภิกษุผู้นั้นตอบปัญหาด้วยความร้อนอกร้อนใจ “ อ้าวไหนละท่าน เมื่อไหร่จะตอบคำถามของข้าสะที เล่นตัวจริง ๆ เลย
 
บุรุษด้วนยอมถือบาตรเดินตามภิกษุออกจากวัดไปด้วยอารมณที่ขุ่นเคือง
 
บุรุษด้วนยอมถือบาตรเดินตามภิกษุออกจากวัดไปด้วยอารมณที่ขุ่นเคือง
  
     ถ้าตอบไม่ได้ ก็รีบเผ่นกลับวัดไปเลย จะได้ไม่เสียเวลาของข้า ” “ ใจเย็นๆ ก่อนอุบาสก เราจะแก้ปัญหาของท่านแล้วละ ” ทันทีที่ภิกษุรูปนั้นกล่าวจบ ก็ผลักบุรุษด้วนล้มลงโดยมิทันตั้งตัว
จากนั้นก็โบยตีดังจะบดกระดูกให้ละเอียด แล้วก็เอาคูตยัดใส่ปากของบุรุษนั้น แล้วขู่สำทับว่า “ นี่ไง คำตอบที่ท่านต้องการ เป็นยังไงบ้างละ ” “ ข้า ๆ ๆ กลัวแล้ว อย่าทำข้าเลยนะ โอ้ย โอ้ย ๆ
ปวดไปทั้งตัวแล้ว ”
 
บุรุษด้วนส่งบาตรให้ภิกษุแต่ก็ไม่ยอมเลิกรายังรบเร้าให้ภิกษุตอบคำถามของตนให้ได้    

บุรุษด้วนส่งบาตรให้ภิกษุแต่ก็ไม่ยอมเลิกรายังรบเร้าให้ภิกษุตอบคำถามของตนให้ได้
 
     “ ถ้าท่านกลัวต่อไปก็อย่าได้ถามคำถามกับเหล่าภิกษุสามเณร ที่มารับสลากภัตที่บ้านนี้อีก หากท่านไม่เชื่อฟังละก็ เราจะคอยสืบให้รู้ แล้วเราจะเป็นผู้มาตอบปัญหาของท่านเอง ”
“ จ้า ข้าจะไม่ถามอะไรอีกแล้ว ข้ากลัวแล้ว โอ้ย ระบบไปหมดทั้งตัวแล้ว ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อบุรุษด้วนเห็นภิกษุก็รีบหนีไปในทันที “ เฮ้ย ภิกษุมาแล้ว  รีบหนีดีกว่าเรา หนีไป
ตั้งหลักก่อนดีกว่า ” 

ภิกษุผลักบุรุษด้วนผู้หยิ่งผยองแล้วก็โบยตีหลังจากนั้นก็เอาคูตยัดใส่ปากของบุรุษนั้น
 
ภิกษุผลักบุรุษด้วนผู้หยิ่งผยองแล้วก็โบยตีหลังจากนั้นก็เอาคูตยัดใส่ปากของบุรุษนั้น
  
     “ เอะ เดี๋ยวนี้ เจ้าอุบาสกด้วนนั้นหายไปไหนนะ เดี๋ยวนี้ไม่มาถามปัญหาให้กวนใจเลย ” ครั้นต่อมาการกระทำของงภิกษุนั้นได้ปรากฏขึ้นในหมู่สงฆ์  ภิกษุทั้งหลายจึงประชุมสนทนา
กันในโรงธรรมสภาว่า “ ดูกรท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่าภิกษุรูปโน้นเอาคูตยัดใส่ปากบุรุษด้วนแล้วก็ไป ” “ จริงๆ นะท่าน มิเช่นนั้น เจ้าบุรุษด้วนคงไม่กลัวจนหนีกระเจิดกระเจิง
ไปหรอก แต่เราว่าก็เป็นการดีแล้วละ
 
บุรุษด้วนเจ็บระบมไปทั้งตัวและได้รับปากกับภิกษุว่าต่อไปตนจะไม่ถามปัญหากับใครอีก
 
บุรุษด้วนเจ็บระบมไปทั้งตัวและได้รับปากกับภิกษุว่าต่อไปตนจะไม่ถามปัญหากับใครอีก
 
     ภิกษุสามเณรทั้งหลายจะได้ไปรับสลากภัตและปักขิกภัตได้สะดวก ” ในขณะเดียวกันนั้นเองพระพุทธองค์ได้เสด็จผ่านมาพอดีแล้วตรัสถามว่า “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอ
นั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ” เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระพุทธองค์จึงตรัสต่อไปว่า “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นจะรุกรานบุรุษด้วยคูตในบัดนี้เท่านั้นก็หาไม่
แม้ในกาลก่อน ภิกษุรูปนั้นก็ได้กระทำการรุกรานบุรุษด้วนผู้นี้มาแล้วเหมือนกัน แล้วเราจะเล่าให้ฟัง ”
 
ทุกครั้งที่เจอหน้าภิกษุบุรุษด้วนผู้จองหองก็จะรีบหนีอย่างร้อนรน
 
ทุกครั้งที่เจอหน้าภิกษุบุรุษด้วนผู้จองหองก็จะรีบหนีอย่างร้อนรน
 
     แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงระลึกอดีตชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ นำเรื่องอดีตชาติอันเป็นที่มาของเหตุการณ์ดังกล่าวมาตรัสเล่าแก่หมู่ภิกษุทั้งหลายดังนี้ ย้อนไปในอดีตกาล
ก่อนพุทธกาลสมัย ณ บ้านพักริมชายแดนเขตแคว้นอังคะและมคธรัฐนั้น ชาวบ้านทั้งหลายและเหล่าพ่อค้าที่เดินทางไปค้าขายระหว่างแคว้นทั้งสองต่างก็ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่พัก
ระหว่างเดินทาง อยู่มาวันหนึ่ง มีพ่อค้ากลุ่มหนึ่งแวะมาพักเหมือนเช่นเคย
 
ภิกษุและสามเณรต่างก็รับสลากภัตกันอย่างสบายใจโดยที่ไม่มีบุรุษด้วนมาถามคำถามอีกต่อไป
 
ภิกษุและสามเณรต่างก็รับสลากภัตกันอย่างสบายใจโดยที่ไม่มีบุรุษด้วนมาถามคำถามอีกต่อไป
 
     แต่ครั้งนี้ได้นำสุราอาหารมาดื่มด้วย เมื่อพักค้างคืนแล้วจึงเทียมยานออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด “ อ้าว กินกันได้แล้ว พักผ่อนให้เต็มทีนะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่
แดดจะได้ไม่ร้อน ” “ ขอรับนายท่าน รับรองว่าจะเมาให้ปลิ้น เอ้ย จะกินกันแค่เบาๆ พอหอมปากหอมคอขอรับ จริงไหมพวกเรา ” “ ถึงยังไงนายท่านก็ปลุกเองแหละ ”
 
ภิกษุทั้งหลายต่างคุยกันถึงเรื่องของภิกษุที่เอาคูตยัดใส่ปากบุรุษด้วน
 
ภิกษุทั้งหลายต่างคุยกันถึงเรื่องของภิกษุที่เอาคูตยัดใส่ปากบุรุษด้วน
 
     ในเวลาที่ชนเหล่านั้นไปกันแล้ว หนอนกินคูตตัวหนึ่งได้กลิ่นคูตจึงมา เห็นสุราที่กลุ่มพ่อค้าเหลือทิ้งไว้ตรงที่นั่งกินกัน จึงปรี่เข้าไปดื่มทันที “ เฮ้ย น้ำอะไรนะ กลิ่นหอม กำลังกระหายน้ำ
อยู่พอดีเลย หือ อร่อยดีเหมือนกันแหะ ทำไมกินแล้วโลกมันหมุนติ้วเลย ฮ่า ๆ ๆ สนุกดี ฮ่า ๆ ๆ ”
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า คูถปาณกชาดก ต่อเหล่าภิกษุสงฆ์ ณ โรงธรรมสภา
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า คูถปาณกชาดก ต่อเหล่าภิกษุสงฆ์ ณ โรงธรรมสภา
 
     หนอนคูตนั้นค่อย ๆ คืบครานพาร่างเล็กกระจ้อยร่อย ไต่ขึ้นบนกองคูตสด ๆ อย่างทุลักทุเล ทันใดนั้นเอง คูตสด ๆ ก็ยุบลงเพียงเล็กน้อย เหตุเพราะความเมาหนอนนั้นก็ร้องขึ้นด้วย
ความตกใจ คิดว่าแผ่นดินกำลังกลืนกินตัวของมัน “ ฮะ ๆ อะไรกันนี่ ธรณีจะกลืนเราหรือนี่ ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที ” ขณะนั้นเอง ช้างตกมันตัวหนึ่งกำลังเดินมาอย่างเกรี้ยวกราด

บ้านพักริมชายแดนซึ่งเป็นที่พักในระหว่างการเดินทางของกลุ่มพ่อค้าทั้งหลาย
 
บ้านพักริมชายแดนซึ่งเป็นที่พักในระหว่างการเดินทางของกลุ่มพ่อค้าทั้งหลาย
 
     เมื่อได้กลิ่นคูตเหม็นเน่าลอยเข้าจมูกแล้วเกิดความรังเกียจจึงเดินหลีกไป “ โห เหม็น ๆ ๆ ๆ เหม็นอะไรอย่างนี้ ใครนะมาขี้ไว้แถวนี้ เหม็นจนจะอ้วก ไม่ไหวแล้วขืนเดินไปทางนี้ มีหวัง
อ้วกแตกแน่ ๆ เลย ” แต่ทว่าพอเจ้าหนอนคูตที่กำลังเมามายเห็นเข้า ก็คิดว่าเจ้าช้างที่หนีไปเพราะความกลัวหนอนอย่างมัน จึงเกิดความหยิ่งผยองลำพองตน สำคัญว่าตัวเป็นหนอนคูต
ผู้ยิ่งใหญ่
 
พ่อค้ากลุ่มหนึ่งได้เดินทางมาถึง ณ บ้านพักริมชายแดนระหว่างแคว้นอังคะและมคธรัฐ
 
พ่อค้ากลุ่มหนึ่งได้เดินทางมาถึง ณ บ้านพักริมชายแดนระหว่างแคว้นอังคะและมคธรัฐ
 
     “ ฮ่า ๆ ๆ เจ้าช้างใจมด สงสัยจะกลัวหนอนคูตอย่าเรา ถึงได้วิ่งหนีหางจุกตูดไปอย่างนั้น ฮ่ะ ฮะ ฮ่า ตัวโตซะเปล่า เฮ้ย เจ้าช้างใจมด กลับมาก่อน ข้าพูดกับเจ้าอยู่ไม่ได้ยินหรือไง
เจ้าช้างขี้ขลาด ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ” เจ้าช้างเมื่อได้ยินก็หยุดนิ่งมองหาที่มาเสียงนั้น แต่ด้วยความเหม็นคูตจึงรีบออกเดินต่อ
 
พ่อค้าและบริวารต่างดื่มกินกันอย่างเต็มที่
 
พ่อค้าและบริวารต่างดื่มกินกันอย่างเต็มที่
 
      “ เฮ้ย ใครว่ะเนี่ย แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ขอไปให้ไกลจากตรงนี้ก่อนดีกว่า เหม็นจริงเล้ย ” “ เฮ้ย เจ้าช้างขี้ขลาด อย่ามาเดินหนีข้านะ เจ้านี่มันช่างขี้ขลาดจริง ๆ เลย ช้างใจมด ”
“ ไหน มันผู้ใดบังอาจมาว่าเราเป็นช้างใจมด เฮ้ยเหม็น เหม็นจริง ๆ ” “ ตัวโตแล้วยังตาถั่วอีกนะ นี่ เราอยู่นี่ นี่เจ้าช้างขี้ขลาด เจ้าลองก้มดูบนพื้นดินดี ๆ สิ นี่เจ้าช้าง ถึงเจ้า
จะตัวโต แต่ข้าก็ไม่กลัวเจ้าหรอก เจ้าช้างใจมด ”

เจ้าหนอนคูตมีอาการมึนงงเพราะมันได้ดื่มกินสุราที่กลุ่มพ่อค้าวางทิ้งไว้เกลื่อนกราด
 
เจ้าหนอนคูตมีอาการมึนงงเพราะมันได้ดื่มกินสุราที่กลุ่มพ่อค้าวางทิ้งไว้เกลื่อนกราด
 
      เจ้าหนอนคูต มิได้เกรงกลัวในร่างกายอันใหญ่โตของช้างเลยแม้แต่น้อย กลับกล่าววาจาท้าทายด้วยความลำพองตนต่อไป จนทำให้เจ้าช้างตกมันยิ่งโกรธเคืองเป็นอันมาก “ ปากดีนะ
เจ้าหนอนคูต ตัวเล็กกระจ้อยร่อย เดี๋ยวข้าก็บี้ให้แหลกคาเท้าของข้าสะหรอก ฮึย ลืมไปว่ามันอยู่บนกองคูตสุดเหม็น ใครจะไปเหยียบลง ไปดีกว่า ขืนอยู่ก็ยิ่งเหม็น เหม็นจะตาย ”
“ เฮ้ย เจ้าช้างจะหนีข้าไปไหน กลับมาคุยกันก่อนสิ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เจ้าก็เป็นช้างตัวโต ถึงใจจะเท่ามดก็เถอะ มาเจอกับหนอนคูตผู้ยิ่งใหญ่
 
เจ้าช้างตกมันมีความรังเกียจในคูตจึงรีบเดินหนีจากกองคูตที่มีเจ้าหนอนนอนอยู่บนคูตนั้น
 
เจ้าช้างตกมันมีความรังเกียจในคูตจึงรีบเดินหนีจากกองคูตที่มีเจ้าหนอนนอนอยู่บนคูตนั้น
 
     แล้วก็มีความกล้าหาญเยี่ยงข้า ข้าว่า อย่ามาพูดพล่ามให้เสียเวลาเลย เรามาประลองกันให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยดีกว่า เอาให้ชาวอังคะ และมคธทั้งหลาย ผู้ที่อยู่ในพรมแดนนี้รู้กันไปเลย
ว่าใครมันจะแน่กว่ากัน ” ยิ่งฟังถ้อยคำถากถางของเจ้าหนอนคูต ก็ยิ่งสร้างความโมโหโกรธาแก่เจ้าช้างตกมันเป็นเท่าทวี เจ้าช้างจึงแผดเสียงร้อง แล้วจึงหันกลับไปหาหนอนคูตนั้นทันที
“ เจ้านี่มันพูดไม่รู้เรื่องเลยนะ เจ้าหนอนคูตชั้นต่ำ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าแล้วเชียว ยังกล้าดีมาว่าข้าอีกหรือนี่ ” “ กลัวที่ไหนล่ะ ”
 
เจ้าหนอนคูตคิดว่าเจ้าช้างเดินหนีเพราะกลัวตนจึงร้องท้าทายหมายจะสู้รบให้รู้แพ้รู้ชนะ
 
เจ้าหนอนคูตคิดว่าเจ้าช้างเดินหนีเพราะกลัวตนจึงร้องท้าทายหมายจะสู้รบให้รู้แพ้รู้ชนะ
 
      “ ได้ เมื่อเจ้าท้าทายข้า เดี๋ยวข้าจะจัดให้สมใจเลย เจ้าหนอนโสโครก ” “มาสิ มาสิ ข้ารออยู่นะ ไม่กล้าเหยียบข้าละสิท่า ” ถึงจะโกรธเจ้าหนอนคูตมากมายสักเพียงใด แต่เพราะเจ้าหนอนนั้น
อยู่บนกองคูตอันเป็นที่น่ารังเกียจ จึงทำให้เจ้าช้างไม่กล้าบดขยี้ มันจึงคิดหาวิธีเล่นงาน “ เอ้ เราจะทำยังไงดีละนี่ ถึงจะจัดการเจ้าหนอนปากเสียตัวนี้ได้ จะเหยียบก็ไม่กล้า เฮ้อ งืม คิดออกแล้ว
คราวนี้ละ เจ้าหนอนสกปรก เจ้าเตรียมตัวตายได้เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” “ อ้าว จะช้าอยู่ทำไม่ละ รึว่ากลัวไม่กล้าสะแล้ว โธ่ คิดว่าจะแน่ ”
 
เจ้าช้างจัดการเจ้าหนอนด้วยการถ่ายคูตของมันทับลงบนตัวของหนอน

เจ้าช้างจัดการเจ้าหนอนด้วยการถ่ายคูตของมันทับลงบนตัวของหนอน
 
     “ ใครว่าข้ากลัวเจ้า ข้าจะไม่ใช้เท้าใช้งา หรือว่างวงของข้าให้เปรอะเปื้อนคูตหรอก ในเมื่อเจ้าเป็นหนอนชั้นต่ำ กินคูตเน่า แถมยังปากเสียอีก ข้าก็จะใช้คูตนี่แหละจัดการกับเจ้า มันถึงจะสาสม
ฮ่า ฮ่า ฮ่า หนอนเน่า ๆ ก็ต้องตายอยู่ในคูตเน่า ๆ นี่แหละ เสร็จข้าละทีนี้ นี่ อึบ ” เฮ้ย เละแน่ ๆ ตายคาคูตเลยเรา จ๊าก ” เจ้าช้างถ่ายคูตก้อนใหญ่ลงบนหัวหนอนนั้น และถ่ายปัสสาวะรดหนอนคูต
พร้อมทั้งแผดเสียงร้องอย่างสะใจ ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในป่าตามยถากรรม

เทวดาในไพรสณฑ์เฝ้ามองดูชะตากรรมของเจ้าหนอนที่ต้องมาตายเพราะความหยิ่งผยองของมัน
 
เทวดาในไพรสณฑ์เฝ้ามองดูชะตากรรมของเจ้าหนอนที่ต้องมาตายเพราะความหยิ่งผยองของมัน
 
     เหตุการณ์ระหว่างที่เจ้าหนอนคูตท้าสู้กับช้างนั้น เป็นที่แจ้งประจักษ์แก่เทวดาที่อยู่ในไพรสณฑ์นั้น ซึ่งเฝ้ามองดูชะตากรรมช่างน่าอนาถของเจ้าหนอนคูตที่ต้องมาตายเพราะความหยิ่งผยอง
ลำพองตน “ เฮ้ย เจ้าหนอนเอ๋ย เพราะความหยิ่งผยองของเจ้าแท้ๆ เจ้าถึงต้องพบจุดจบอย่างอนาถเช่นนี้ ” เมื่อพระพุทธองค์สาทก คูถปาณกชาดก จบแล้ว เพื่อเป็นพุทธโอวาทแก่เหล่าภิกษุ
ทั้งหลายได้เข้าใจในเหตุผลของวิบากกรรมที่ภิกษุและบุรุษด้วนกระทำมาตั้งแต่อดีตชาติ ในกาลสมัยนั้น
 
 
 
หนอนคูตเน่า บังเกิดเป็น บุรุษด้วน
ช้างตกมัน บังเกิดเป็น ภิกษุรูปนั้น
เทวดาผู้เกิดในไพรสณฑ์ เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
 

รับชมคลิปวิดีโอ
ชมวิดีโอ   Download ธรรมะ
 
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ