ชาดก 500 ชาติ
	
		ธัมมัทธชชาดก-ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
	
	
		
		
	
		พระเชตวันมหาวิหารมีภิกษุอยู่จำพรรษาอย่างมากมาย
	
		  
	
		       ณ เชตวันมหาวิหารภิกษุผู้ออกบวชต่างปฏิบัติกิจสงฆ์และยึดมั่นในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดแต่มีภิกษุรูปหนึ่งปฏิบัติตนต่างจากภิกษุ
		รูปอื่น ๆ ภิกษุที่ว่านี้มักจะพูดจาโป้ปดมดเท็จอยู่เสมอ “ จริง ๆ นะท่าน ลานวัดบริเวณนี้ผมกวาดแล้วจริง ๆ กวาดจนสะอาดเรียบร้อยแต่ลม
		คงพัดเอาใบไม้ปลิวมาอีก ” “ คงจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะช่วยท่านกวาดอีกครั้งให้สะอาดเอง
		
	
		 
	
	
		 
	
		ภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่ประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัยชอบพูดเท็จเป็นนิสัย
	
		 
	
		        ” (…..สบายจริง ๆ เลยเราอยู่ดี ๆ ก็มีคนมาช่วยทำงาน พื้นสกปรกขนาดนี้ยังเชื่ออีกหรือว่าเรากวาดแล้วโง่จริง ๆ ) “ ผมก็ออกบิณฑบาต
		พร้อมกับพวกท่านแต่แปลกใจจริง ๆ เลยทำไมหมู่บ้านที่ผมออกบิณฑบาตไม่มีใครออกมาใส่บาตรกันเลย ” “ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือท่าน
		เฮ้อ ช่างมันเถอะไม่เป็นไรหรอกของที่บิณฑบาตมาได้ก็ยังมีตั้งเยอะตั้งแยะก็แบ่ง ๆ กันไปแล้วกันนะท่าน ”
		
	
		 
	
	
		 
	
		ภิกษุผู้พูดเท็จได้โกหกภิกษุรูปอื่นว่าตนได้กวาดลานวัดแล้ว
	
		 
	
		        “ สบายอีกแล้วเราไม่ต้องออกไปบิณฑบาตแต่ก็มีอาหารให้ฉัน สบาย อิ่ม ” “ เราจะตักเตือนภิกษุรูปนั้นเช่นไรดี นับวันจะสร้างเรื่องโกหก
		ขึ้นมาเรื่อย ” “ นั่นนะสิ เรื่องไปบิณฑบาตเราก็เห็นว่าภิกษุรูปนี้แอบไปนอนใต้ต้นไม้ไม่ได้ออกไปบิณฑบาตเช่นเดียวกับพระรูปอื่น ๆ
		แล้ววันที่กวาดลานวัดนั่นอีกเขาก็ไม่ได้กวาดอย่างที่บอกไว้ ”
		
	
		
		
	
	
		 
	
		ภิกษุผู้พูดเท็จได้โกหกภิกษุรูปอื่นว่าตนออกไปบิณฑบาตแล้วแต่ไม่มีใครมาใส่บาตรให้ตน
	
		 
	
		      “ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงต้องพาภิกษุรูปนี้ไปเข้าเฝ้าองค์พระศาสดาแล้วล่ะ พระองค์จะได้ชี้แนะตักเตือนได้ ” เมื่อองค์พระศาสดาทรงทราบเรื่องทั้งหมด
		จึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้มิใช่โกหกเฉพาะในบัดนี้เท่านั้นในกาลก่อนก็โกหกเหมือนกัน ” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า ธัมมัทธชชาดก ดังนี้
		
		
	
	
		 
	
		ภิกษุผู้ชอบโกหกมีความกระหยิ่มในใจที่ตนสามารถโกหกผู้อื่นได้สำเร็จ
	
		 
	
		        ในอดีตกาล ณ เกาะกลางมหาสมุทรมีฝูงนกฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ ในฝูงนกฝูงนี้มีพญานกคอยปกป้องดูแลความปลอดภัยให้กับนกตัวอื่น ๆ ด้วย
		ครั้งนั้นพ่อค้าพากันแล่นเรือไปยังมหาสมุทรโดยเอากาบอกทิศไปด้วย “ ไปทางเหนือ กา กา กา ” วันหนึ่ง อยู่ ๆ พายุก็พัดกระหน่ำเข้ามา
		
	
		 
	
	
		 
	
		ภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของภิกษุที่ชอบพูดโกหก
	
		        
		
	       อย่างไม่รู้ตัว เรือแตกกลางมหาสมุทรทุกคนบนเรือต่างหาวิธีเอาตัวรอด บ้างก็กอดเสาเรือไว้ บ้างก็กระโดดลงน้ำแล้วเกาะเศษเรือลอย
	ตามทะเลไป กาบอกทิศนั้นเมื่อรู้ว่าพายุจะมาตามสัญชาตญาณนกก็บินหนีหลบพายุไปอยู่ที่เกาะกลางทะเลนั้นได้ก่อนที่พายุจะมาพัดเรือแตก
	
	
		
		
	
	
		 
	
		เหล่าภิกษุทั้งหลายได้พาภิกษุที่พูดโกหกมาเข้าเฝ้าองค์พระศาสดา
	
		 
	
		
			       “ กา กา กา พายุมา พายุมา พายุมาแล้วบินหนีเอาตัวรอดก่อนดีกว่าเรา กา กา กา กา ” “ บนเกาะนี้มีฝูงนกอาศัยอยู่ก่อนเราด้วยหรือนี่ หึ
			ได้การล่ะนกพวกนี้ต้องไข่ไว้บ้างแน่นอนยิ่งหิว ๆ อยู่ด้วย แต่เอ้ นกฝูงนี้มีพญานกดูแลอยู่ด้วยการที่จะหลอกกินไข่นก ลูกอ่อนนกมันต้อง
			ไม่ง่ายแน่ ๆ ต้องทำยังไงดีน๊า อ๋อ นึกแผนออกแล้ว ”
			
	 
	
		
		
	
	
		
			
				 
			
				พระศาสดาได้ทรงตรัสเล่า ธัมมัทธชชาดก ให้แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ได้รับฟัง
		 
	 
	
		     
	
		        ตามสัญชาตญาณกาเจ้าเล่ห์เพทุบายเมื่อมาอาศัยอยู่ในเกาะเห็นไข่นกที่ฝูงนกไข่ทิ้งไว้ก็เกิดความอยาก แต่เนื่องจากนกฝูงนี้มีพญานก
		ที่คอยปกป้องดูแลคุ้มครองภัยไว้ พญานกได้จัดวางนกตัวอื่น ๆ ให้คอยเฝ้าไข่ที่แม่นกฟักไว้เสมอเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกจากเกาะเพื่อไปหากิน
		
	
		 
	
	
		 
	
		พ่อค้านายหนึ่งได้นำเรือแล่นออกไปยังมหาสมุทร
	
		 
	
		        กาจึงคิดวางแผนชั่วหลอกให้นกหลงเชื่อทิ้งรังไว้กับมัน เจ้ากาเริ่มดำเนินแผนการตามที่มันวางไว้มันบินโฉบไปเกาะอยู่บนโขดหินยืนขาเดียว
		อ้าปากทำตัวให้นกตัวอื่น ๆ และพญานกสนใจ “กา กา กา เราต้องยืนขาเดียวไว้คอยดูเถอะเดี๋ยวนกพวกนี้มันต้องเอะใจ เรานี่ช่างฉลาดจริง ๆ
		
	
		 
	
	
		 
	
		พ่อค้าที่นำเรือออกทะเลนั้นจะนำกาออกไปด้วยเพื่อบอกทิศทาง
	
		 
	
		       คิดแผนได้เนี๊ยช่างฉลาดสุด ๆ ” ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของกาเมื่อพญานกและนกตัวอื่น ๆ เห็นกาก็แปลกใจเพราะในเกาะนี้มีแต่พวกตน
		ที่อาศัยอยู่เท่านั้นประกอบกับพฤติกรรมของกาที่ยืนขาเดียวอ้าปากก็ยิ่งทำให้เกิดความสงสัยจึงบินลงไปถาม “ ท่านเป็นใครรึทำไมถึงได้มาอยู่
		ที่เกาะนี้ ” “ ฉันเป็นผู้ประพฤติธรรมจ้า ”
		
		
			 
		
		 
	
	
		 
	
		พายุได้พัดกระหน่ำมายังเรือที่กำลังเดินทางอยู่ในท้องทะเล
	
		  
	
		        “ เอ้ แล้วทำไมท่านถึงยืนอยู่ขาเดียวเล่า ” “ ก็ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเหยียบลงไปสองขาแผ่นดินก็จะไม่สามารถทานแรงพลังของฉันไว้ได้ ” “ จริงหรือนี่
		แต่เจ้ากานี่เป็นผู้ประพฤติธรรมคงไม่โกหกหลอกลวงหรอก ” “ โห เท่จริง ๆ เลย ผู้ประพฤติธรรมช่างมีอำนาจและกำลังมากมายจริง ๆ ” “ ใช่ ๆ ดูสิ
		
	
		 
	
	
		 
	
		ผู้คนในเรือต่างหาวิธีการเพื่อเอาตัวรอดก่อนที่พายุจะพัดเรือแตก
	
		 
	
		        ขนาดยืนยังต้องยืนขาเดียวเลยถ้ายืนสองขาเกาะนี้ทั้งเกาะคงต้องยุบลงทะเลแน่ ๆ เลย ” “ แล้วเหตุไฉนท่านจึงอ้าปากเวลายืนด้วยล่ะ เราสังเกต
		เห็นตั้งนานแล้วล่ะว่าท่านยืนขาเดียวแล้วก็อ้าปากตลอดเวลา ” “ ผู้ประพฤติธรรมอย่างฉันไม่กินอาหารอื่นหรอกที่ต้องอ้าปากไว้ก็เพื่อกินลมยังไงล่ะ ”
	
		
		
	
	
		 
	
		กาบอกทิศได้บินหนีก่อนที่เรือจะแตกเพราะพายุที่พัดกระหน่ำ  
	
		
			       “ โอโหกินลม กินแค่ลมก็อิ่มด้วยเหรอ ” “ เขาเป็นผู้ประพฤติธรรมก็ต้องอิ่มสิ จะมาเหมือนนกธรรมดาอย่างพวกเราได้ยังไง ” “ ฉันจะให้โอวาทแก่เธอ
			ทั้งหลาย จงมาฟังโอวาทเถิด ” “ ดูก่อนญาติทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติธรรม ความเจริญจักมีแก่พวกเธอเพราะว่าผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข
	 
	
	
		 
	
		กาได้บินมาเจอเกาะกลางทะเลเลยบินลงไปเพื่อพักอาศัย
	
		 
	
		        ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ” เมื่อพญานกและนกได้ฟังกาทุศีลหลอกดังนั้นก็พลันหลงเชื่อ “ ผู้ประพฤติธรรมนี้ช่างน่าเลื่อมใสจริง ๆ เขามาอยู่บนเกาะ
		กับเรานี้ก็ดีรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ ” “ ถ้าอย่างนั้นเวลาเราออกไปหาอาหาร เราก็ฝากรังของพวกเราไว้กับผู้ประพฤติธรรมได้สิ
		
	
		
		
	
	
		 
	
		กาได้สังเกตุว่าบนเกาะมีนกฝูงหนึ่งได้อาศัยอยู่
	
		 
	
		       พวกเราจะได้ไม่ต้องอยู่เฝ้ากันเอง ออกไปหาอาหารกันให้หมดเลย ” “ อืม ก็ดีเหมือนกันนะถ้าฝากรังของพวกเราไว้กับผู้ประพฤติธรรม
		คงไม่มีปัญหาเพราะเขากินแต่ลมไม่กินอะไรคงดูแลไข่และลูกอ่อนของพวกเราได้ ตกลงเอาตามนี้ก็แล้วกันนะ ” “ พวกเราดีใจที่ท่านมาอยู่ด้วย
		
	
		 
	
	
		 
	
		เกาะกลางทะเลมีฝูงนกอาศัยอยู่ภายใต้การดูแลของพญานก
	
		 
	
		
			        จากนี้ไปไข่และลูกนกของพวกเราคงต้องฝากท่านดูแลด้วยนะ ” “ ไม่เป็นไรหรอกเรายินดีดูแลให้ เรากินแค่ลมก็อิ่มแล้ว ไม่ต้องออกไปหาอาหาร
			ที่ไหนอยู่เฝ้ารังพวกท่านให้ได้อยู่แล้วล่ะ สบายมาก ” (....อิอิ สำเร็จตามแผนคราวนี้จะได้กินลูกนกกับไข่สมใจแล้ว อูย หวานปาก) เมื่อถึงเวลาออกหากิน
			
		
			
			
	 
	
	
		 
	
		พญานกสังเกตุเห็นว่ามีกาตัวหนึ่งหลงเข้ามาพักอาศัยอยู่บนเกาะที่พวกตนอาศัยอยู่
	
		 
	
		
			       ฝูงนกก็บินออกจากรังมุ่งสู่ทะเลฝากไข่และลูกอ่อนไว้กับกา “ ไปเถอะจ้า ทางนี้ฉันจะดูแลให้เอง ” “ ไปกันหมดแล้ว สบายเรา โอ้ย ทนหิวตั้งหลายวัน
			วันนี้จะกินให้ท้องแตกไปเลย ” กาทุศีลเมื่อเห็นไม่มีนกตัวอื่นอยู่บนเกาะแล้วก็จิกกินไข่และลูกอ่อนของนกเหล่านั้นจนอิ่มแปล้ “ โอ้ย อร่อย หวาน
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		กาได้บอกพญานกว่าตนเป็นผู้ประพฤติธรรมต้องยืนขาเดียวกินลมเป็นอาหาร
	
		 
	
		       ไข่นกนี่มันอร่อยจริงๆ ” เมื่อกากินไข่และลูกอ่อนจนอิ่มแล้วก็กลับมายืนที่เดิมแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรก็ขึ้นทำท่าสงบเสงี่ยมยืนขาเดียว
		อ้าปากอยู่ “ เฮ้อ กินจนเพลินเลยเรา ต้องรีบยืนท่าเดิมเดี๋ยวพวกนกกลับมาก็ไม่รู้เรื่องว่าเรากิน อิ อิ ไม่มีหลักฐาน ”
		
	
		
		
	
	
		 
	
		บรรดานกทั้งหลายต่างพากันสบายใจที่มีกาผู้ประพฤติธรรมได้มาอาศัยอยู่บนเกาะกับพวกตน
	
		
			        นกทั้งหลายเมื่อถึงเวลาพลบค่ำก็บินกลับเข้ารังบนเกาะ เมื่อกลับมาก็ยังคงเห็นกายืนขาเดียวอยู่อย่างนั้นก็ไม่สงสัยอะไร “ ลูก ลูกฉัน
			หายไปไหน ใครมาลูกฉัน ฮือ ฮือ ฮือ ๆๆ ลูก ” “ ไข่ฉันด้วย ไข่ฉันก็แตก ใคร ใคร มาเจาะกินลูกฉัน ฮือ ฮือ ลูกฉัน ” นกทั้งหลายเมื่อกลับมา
			
	 
	
		
 
	
		
			
				
					
						
							
								
									
										
											
												
													
														
															
																
																	
																		
																			
																				
																					
																						
																							
																								 
																							
																								พญานกมีความเลื่อมใสในตัวกาและได้ยินยอมให้กาได้พักอาศัยอยู่บนเกาะด้วยกัน
																							
																								
																									      ไม่เห็นลูกน้อยของตนก็ร้องไห้ฟูมฟายช่วยกันคิดว่าใครเป็นผู้กินลูกน้อยของตนแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นกา เพราะคิดว่ากาตัวนี้เป็นผู้ประพฤติธรรม
																									“ ผู้ประพฤติธรรมท่านเห็นสัตว์ที่มากินไข่และลูกอ่อนของพวกเราหรือเปล่า ” “ ไม่เห็นเลยจ๊ะ มีไข่ของพวกเจ้าโดนกินเหรอ
																									
																								
																									
																							 
																							
																								ฝูงนกได้พากันฝากไข่และลูกน้อยของตนไว้กับกาผู้ประพฤติธรรม
																							
																								 
																							
																								      โอ้ยแย่จังเลยอาจจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานในเกาะนี้หรือเปล่าที่มากินหนะ เฮ้อ ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ ที่ดูแลไข่และลูกอ่อนของพวกท่านไม่ดี ”
																								“ มันไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกท่านผู้ประพฤติธรรม อย่าเสียใจไปเลย ” พญานกดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็คิดว่าเมื่อก่อนที่นี่ไม่มี
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								ฝูงนกได้พากันออกไปหากินในยามเช้า
																							
																								 
																							
																								     อันตรายอะไรแต่พอมีกามาอยู่แล้วเรื่องร้ายต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น “ เรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับกาแน่ ๆ ไม่ได้ล่ะ เราต้องดักซุ่มดูต้องรู้ให้ได้
																								ว่าใครเป็นผู้กินไข่กับลูกนกของฝูงเรา ” รุ่งเช้าฝูงนกก็บินออกจากรังเป็นปกติ พญานกก็แสร้งบินออกไปเหมือนทุกวัน
																								
																							
																								
																								
																							
																							
																								 
																							
																								เจ้ากาทุศีลได้มาจิกกินไข่และลูกนกหลังจากที่ฝูงนกได้ออกไปหากินยังท้องทะเล
																							
																								 
																							
																								    กาทุศีลคิดว่าไม่มีใครสงสัยก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจคิดว่าวันนี้จะได้กินไข่นกอีก เมื่อเห็นนกบินออกไปหมดแล้วกาก็เริ่มแผนชั่วร้ายอีกครั้ง
																								โดยหารู้ไม่ว่ามีพญานกแอบดูอยู่ “ โอ้ย เมื่อยขาจริง ๆ ยืนขาเดียวอยู่ทั้งคืนปวดเมื่อยไปหมด ไปหาไข่กินให้หายเมื่อยดีกว่า ”
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								แม่นกทั้งหลายต่างร้องไห้ฟูมฟายที่ไข่และลูกอ่อนของตนถูกกิน
																							
																								 
																							
																								     “ อร่อยจริง ๆ ไข่นกสด ๆ เนี่ยอร่อยกว่าเมื่อวานอีก สงสัยนกตัวนี้กินอาหารบำรุงไข่แน่ ๆ เลย อร่อย ๆ ๆ ” “ หึ ที่แท้ก็เป็นเจ้ากาตัวนี้นี่เองที่มา
																								กินไข่และลูกอ่อน กานี้ไม่ใช่ผู้ประพฤติธรรมมันเป็นกาทุศีลต้องจัดการขั้นเด็ดขาดปล่อยไว้ไม่ได้ ” เมื่อเวลาพลบค่ำนกทั้งหลายก็พากัน  
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								
																									พญานกเริ่มสงสัยว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นบนเกาะน่าจะเกี่ยวข้องกับกาที่เพิ่งมาอาศัย
																							 
																							
																								 
																							
																								     บินกลับเข้ารัง กาก็กลับมายืนขาเดียวอ้าปากอยู่ที่เดิม พญานกจึงเรียกฝูงนกมาประชุมเพื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง “ วันนี้เราซุ่มจับอันตราย
																								ของลูกเจ้าทั้งหลาย เห็นกาตัวนี้มันกำลังกินลูกของพวกเจ้าอยู่มันเป็นกาทุศีล ปากก็พูกว่าตัวเองเป็นผู้ประพฤติธรรม
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								พญานกได้บินย้อนกลับมาแอบดูพฤติกรรมของกา
																							
																								 
																							
																								       แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นกาที่ชั่วร้ายยิ่งนัก พวกเราจงช่วยกันจิกตีกาตัวนี้ให้พินาศเถิด อย่าให้มาอยู่ร่วมกันกับพวกเราบนเกาะนี้อีกเลย ” “ หนอยแน่ะ
																								กาตัวนี้เองเหรอบังอาจมาหลอกพวกเราได้ ” “ แก แกมากินลูกฉัน ฉันไม่ปล่อยเอาไว้หรอก พวกเรารุมมันเลย ”
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								พญานกได้เล่าเหตุการณ์ที่ตนเห็นกาทุศีลแอบกินไข่และลูกอ่อนบนเกาะให้ฝูงนกของตนได้รับรู้
																							
																								 
																							
																								     พญานกกระโดดขึ้นจิกหัวของกานั้น ที่เหลือก็พากันใช่จงอยปากบ้าง เล็บบ้าง แข้งบ้างจิกตีไปที่กาตัวนั้น “โอ้ย ๆ ข้ากลัวแล้ว ๆ ปล่อยข้า
																								ไปเถอะโอ้ย โอ้ย ” “อย่ามาร้องขอชีวิตเสียให้ยากเลย นี่แน่ะ นี่แน่ะ ” “ นี่แน่ะ ๆ กินลูกข้าใช่ไหม
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								เจ้ากาทุศีลถูกจิกตีทนความเจ็บปวดไม่ไหวตายลงในที่สุด
																							
																								 
																							
																								      เจ้าต้องได้รับผลกรรมเช่นนี้แหละ นี่แน่ะ ” กาทุศีลโดนนกทั้งฝูงและพญานกรุมจิกตีทนความเจ็บปวดไม่ได้สิ้นชีวิตลงที่นั้นเอง
																							
																								 
																							
																								
																									
																										
																											
																												
																													
																														
																															
																																
																																	
																																		
																																			
																																				
																																					
																																						 
																																					
																																						
																																							
																																								กาโกหก ได้เกิดเป็น ภิกษุผู้โกหก
																																								พญานก เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า