วิโรจนชาดก ชาดกว่าด้วยสุนัขจิ้งจอกไม่เจียมตัว

พระเทวทัตเถระมีญาณเสื่อมบังเกิดอิจฉาริษยาในบารมีของพระพุทธองค์และบังอาจตั้งกฎขึ้นปกครองสงฆ์ขึ้นแข่งขัน แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตนำมาปฏิบัติ พระเทวทัตซึ่งถือตนว่าเป็นพระญาติและมีทุกสิ่งทัดเทียมเช่นกันกับพระพุทธเจ้าเมื่อถูกขัดใจก็ขุ่นเคืองจึงวางแผนแยกคณะสงฆ์ออกจากพระศาสดา และได้ทำการชักชวนภิกษุบวชใหม่ในสำนักของพระโมคคัลลาและสำนักพระสารีบุตรจำนวน ๕๐๐ รูปให้ติดตามไปตั้งคณะสงฆ์ใหม่ https://dmc.tv/a28488

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 11 ส.ค. 2565 ] - [ ผู้อ่าน : 18270 ]

ชาดก 500 ชาติ

วิโรจนชาดก-ชาดกว่าด้วยสุนัขจิ้งจอกไม่เจียมตัว

เหล่าภิกษุต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของพระเทวทัต

เหล่าภิกษุต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีของพระเทวทัต
  
       ครั้งนั้นเมื่อสมเด็จพระพุทธศาสดาประทับยังป่าไผ่ในพระวิหารชื่อว่าเวฬุวัน กาลเวลานั้นภิกษุสงฆ์ทั้งปวงต่างวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมไม่ดีของพระเทวทัต
ข้อที่กระทำตนเลียนแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไม่สมควร เหตุเพราะพระเทวทัตเถระมีญาณเสื่อมบังเกิดอิจฉาริษยาในบารมีของพระพุทธองค์

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ ป่าไผ่ในวิหารเวฬุวัน
 
พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ ป่าไผ่ในวิหารเวฬุวัน
      
       และบังอาจตั้งกฎขึ้นปกครองสงฆ์ขึ้นแข่งขัน แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตนำมาปฏิบัติ “ ดูก่อนท่านเทวทัต อันข้อปฏิบัติเราบัญญัติไว้ดีแล้ว
ไม่ควรเปลี่ยนเป็นเช่นอื่นอีก ” พระเทวทัตซึ่งถือตนว่าเป็นพระญาติและมีทุกสิ่งทัดเทียมเช่นกันกับพระพุทธเจ้าเมื่อถูกขัดใจก็ขุ่นเคือง
จึงวางแผนแยกคณะสงฆ์ออกจากพระศาสดา

พระเทวทัตได้วางแผนแยกคณะสงฆ์ออกจากพระศาสดา
 
พระเทวทัตได้วางแผนแยกคณะสงฆ์ออกจากพระศาสดา
 
       พระเทวทัตจึงทำการชักชวนภิกษุบวชใหม่ในสำนักของพระโมคคัลลาและสำนักพระสารีบุตรจำนวน ๕๐๐ รูปให้ติดตามไปตั้งคณะสงฆ์ใหม่ “ ตามเรา
ไปเถิดแล้วจะได้ดีทุกคน เราจะนำไปอยู่อารามใหม่ที่พระเจ้าอชาตศัตรูสร้างให้ ” “ นำไปเถิดพระเทวทัตถ้าท่านเห็นว่าดีเราก็จะเชื่อตามท่านไป ”

พระเทวทัตได้ชักชวนภิกษุบวชใหม่จำนวน 500 รูปให้ติดตามตนไปยังพระอารามใหม่
 
พระเทวทัตได้ชักชวนภิกษุบวชใหม่จำนวน 500 รูปให้ติดตามตนไปยังพระอารามใหม่
 
       “ นำไปยังคยาสีสะนั่นเถิด เราพร้อมจะไปกับท่าน ” ภิกษุเหล่านี้ติดตามพระโมคคัลลาพระสารีบุตรมาจากเมืองเวสาลีแคว้นวัชชียังไม่ฉลาด
ในพระธรรมวินัยเพราะเพิ่งอุปสมบทไม่นานนักจึงถูกชักจูงได้ง่าย ต่อเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งพระพุทธศาสดาทรงทราบเวลาที่ความรู้ของภิกษุ

ภิกษุจากสำนักพระสารีบุตรและพระโมคคัลลาได้ติดตามพระเทวทัตไปยังพระอารามใหม่
 
ภิกษุจากสำนักพระสารีบุตรและพระโมคคัลลาได้ติดตามพระเทวทัตไปยังพระอารามใหม่
        
        เหล่านั้นแก่กล้าขึ้นพอที่จะฟังอัตถกถาธรรมได้แล้วจึงทรงอนุเคราะห์ส่งพระอัครสาวกทั้งสองไปสู่อารามใหม่ของพระเทวทัต เมื่ออัครสาวก
ของพระพุทธองค์มาถึงพระเทวทัตก็ถือโอกาสอวดตนด้วยการประพฤติเลียนแบบให้ดูเหมือนพระศาสดาทั้งการนอนท่าสีหไสยาสน์
 
พระอัครสาวกได้ออกติดตามเหล่าภิกษุไปยังอารามใหม่ของพระเทวทัต
 
พระอัครสาวกได้ออกติดตามเหล่าภิกษุไปยังอารามใหม่ของพระเทวทัต
 
       และยังมอบพุทธกิจให้แสดงธรรมเทศนาแทนด้วยคำพูดเดียวกันพระพระพุทธองค์ “ สารีบุตรท่านจงแสดงธรรมกถาให้เหล่าภิกษุแจ่มกระจ่างเถิด
ได้เวลาเราเหยียดกายพักแล้ว ” (..อนิจจาพระเทวทัตมิได้เจียมตนเลยแม้แต่น้อยน่าเวทนาจริง ๆ ) อันพระสารีบุตรนั้นได้รับการยกย่องอันเลิศล้ำ
ทางปัญญา
  
 
พระเทวทัตนอนท่าสีหไสยาสน์เลียนแบบพระพุทธองค์
 
พระเทวทัตนอนท่าสีหไสยาสน์เลียนแบบพระพุทธองค์
 
        เมื่อพระเทวทัตหลงตัวเองสั่งให้แสดงธรรมกถาก็ใช้มรรคผลแห่งสัจธรรมยกขึ้นแสดงจนพระภิกษุทั้งสิ้นตื่นจากความหลงผิดพากันติดตาม
พระโมคคัลลาและพระสารีบุตรกลับมาหาพระพุทธองค์ที่อารามเวฬุวันจนหมด พระเทวทัตนั้นเมื่อรู้ว่าอารามในคยาสีสะของตนไม่มีภิกษุ

พระเทวทัตให้พระสารีบุตรได้แสดงธรรมแก่เหล่าภิกษุทั้ง 500 รูป
 
พระเทวทัตให้พระสารีบุตรได้แสดงธรรมแก่เหล่าภิกษุทั้ง 500 รูป
     
        เหลืออยู่เลยก็บังเกิดความแค้นแน่นอกกระอักลิ่มเลือดออกมาอย่างน่ากลัว จากนั้นก็ล้มพับไป “ พระสารีบุตรทำลายบริษัทของเราแล้ว ” เมื่อพระสารีบุตร
กราบทูลถึงความไม่เจียมตนกระทำเลียนแบบพุทธกิริยาของพระเทวทัต สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าสดับแล้วตรัสว่า “ ดูก่อนสารีบุตรมิใช่เพียงบัดนี้เท่านั้น
 
พระสารีบุตรได้แสดงธรรมกถาแก่เหล่าภิกษุสงฆ์ 500 รูป
 
พระสารีบุตรได้แสดงธรรมกถาแก่เหล่าภิกษุสงฆ์ 500 รูป
 
           ที่เทวทัตทำตามอย่างเรา เมื่ออดีตชาติหนึ่งก็เคยถึงแก่พินาศเพราะไม่เจียมตนมาแล้ว จากนั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงระลึกชาติ
ด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณเป็นอรรถกถาวิโรจนชาดกดังนี้ 
อดีตชาตินั้นในป่าหิมพานต์ยังมีถ้ำทองบนเพิงผาเหนือทุ่งหญ้าอันไพศาลสุดสายตา
 
เหล่าภิกษุสงฆ์ได้ติดตามพระอัครสาวกกลับมายังอารามเวฬุวัน
 
เหล่าภิกษุสงฆ์ได้ติดตามพระอัครสาวกกลับมายังอารามเวฬุวัน
 
          และอุดมไปด้วยฝูงสัตว์น้อยใหญ่มากมาย ถ้ำทองเหนือชะง่อนผานั้นเป็นที่อาศัยของพญาราชสีห์ผู้ทรงบารมีน่าเกรงขาม พญาราชสีห์ปกครอง
ดินแดนหิมพานต์แถบนี้มานาน มีเอกลักษณ์อันงามสง่าสมชาติสิงห์ผู้ยิ่งใหญ่ มีแท่นหินฉาบทองวาววามเป็นที่นอนพักกายในขณะอิ่มเอมจากอาหาร

พระเทวทัตได้กระอักออกมาเป็นเลือดหลังจากที่รู้ว่าพระอารามของตนไม่มีภิกษุเหลืออยู่เลย
 
พระเทวทัตได้กระอักออกมาเป็นเลือดหลังจากที่รู้ว่าพระอารามของตนไม่มีภิกษุเหลืออยู่เลย
  
          ซึ่งพญาราชสีห์จะไม่ออกจากถ้ำทองเลยหากไม่ต้องการล่าสัตว์อื่นดำรงชีพ “ อืม วันนี้ช่างสงบเงียบดีจริง ๆ ขอพักอยู่อย่างนี้ดีกว่า ” แต่เมื่อถึง
เวลาแสดงสีหบารมีพญาราชสีห์ก็จะสะบัดกายเยื้องย่างมายังชะง่อนหินหน้าถ้ำจ้องมองสัตว์น้อยใหญ่เบื้องล่าง เลือกตัวซึ่งถึงที่ตายได้แล้ว
 
พระพุทธองค์ทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ    

พระพุทธองค์ทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
 
          ก็แสดงบันลือสีหนาทคำรามก้องภูผาดุจฟ้าร้อง และยามสิงห์คำรามนั้นปวงสัตว์ในทุ่งหญ้าต่างก็พากันอ่อนแรงด้วยตบะบารมีกันถ้วนหน้า แล้วเมื่อ
พญาราชสีห์กระโจนลงจากภูผาด้านหน้าถ้ำทองสัตว์ใหญ่ปานใดก็ไม่อาจต้านทานกำลังต้องตกเป็นอาหารแก่พญาราชสีห์ทุกครั้ง “ เจ้าถึงคราวตายแล้ว
 
เหนือชะง่อนผามีถ้ำทองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพญาราชสีห์
 
เหนือชะง่อนผามีถ้ำทองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพญาราชสีห์
 
      มาเป็นอาหารของเราเสียเถอะ ” วันหนึ่งพญาราชสีห์ฆ่ากระบือใหญ่กินเป็นอาหารแล้วก็ลงสู่สระน้ำใสสะอาดดื่มกิน ทำความสะอาดดีแล้ว
ก็กระทำสีหลีลาเดินขึ้นสู่ถ้ำทองดั่งเคย ครั้งนั้นมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเที่ยวพเนจรหากินแล้วเกิดพลัดหลงมาเผชิญหน้าเข้ากับพญาราชสีห์
เข้าอย่างสุดจะหลีกเลี่ยงได้

พญาราชสีห์มีแท่นหินฉาบทองภายในถ้ำซึ่งเป็นที่สำหรับนอนพักผ่อน
 
พญาราชสีห์มีแท่นหินฉาบทองภายในถ้ำซึ่งเป็นที่สำหรับนอนพักผ่อน
       
        “ โอ้ย ตาย ตาย ตาย หนีไม่ทันแน่ ๆ เรา ต้องทำใจดีสู่สิงห์เข้าไว้ ไหนไหน ก็ไหน ๆ ว่ะ เอาว่ะ เออ คือว่าสวัสดีจ้าท่านราชสีห์ ” “ เจ้ามีธุระ
อะไรกับเรารึเจ้าจิ้งจอก ” “ เออ คือว่าข้ามีเรื่องจะกราบทูลท่าน ” “ หึ เจ้ามีเรื่องใดจะบอกเรา ” “ ข้าแต่นายท่านอันตัวข้าน้อยมาที่นี่หมายจะ
รับใช่ท่าน ” “ อือ รับใช้ข้างั้นรึ ได้สิ ในเมื่อเจ้าตั้งใจมาข้าก็จะเลี้ยงไว้ ”
พญาราชสีห์จะแผดเสียงบันลือสีหนาทก่อนที่จะออกล่าเหยื่อมาเป็นอาหารของตน
 
พญาราชสีห์จะแผดเสียงบันลือสีหนาทก่อนที่จะออกล่าเหยื่อมาเป็นอาหารของตน
      
       “ โอ้ ขอบพระคุณนายท่านข้าน้อยจะตั้งใจรับใช้ไม่ดื้อรั้นอวดดีเลย ” พญาราชสีห์นั้นรู้นิสัยจิ้งจอกเป็นอย่างดี แต่เมื่อมันเป็นผู้น้อยมาพึ่งพา
ก็ยินดีต้อนรับตามวิสัยผู้ยิ่งใหญ่ “ งั้นเจ้าก็ตามมาเถิด เราจะให้เจ้ากินเนื้ออย่างดี นอนในถ้ำทองอันแสนสบาย ” (...สบายละตูกัดก้อนเกลือ
กินมานานแล้ว จู่ ๆ ก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างราชสีห์หรูสุด ๆ )
 
พญาราชสีห์จะออกมายื่นที่ชะง่อนผามองหาเหยื่อที่จะมาเป็นอาหารของตน
 
พญาราชสีห์จะออกมายื่นที่ชะง่อนผามองหาเหยื่อที่จะมาเป็นอาหารของตน

       ตั้งแต่บัดนั้นมาจิ้งจอกก็รอกินเดนของราชสีห์ทุกมื้อ กินอิ่มก็ลงไปชำระล้างร่างกายและดื่มน้ำในสระตามอย่างราชสีห์ทุกประการ “ ข้าอิ่มละ
ที่เหลือเป็นของเจ้านะ ไปล่ะ ” “ หือ อร่อยมาก หือสุขใจจริง ๆ ” ไม่นานเท่าไหร่ร่างกายของสุนัขจิ้งจอกก็อ้วนพี อยู่มาวันหนึ่งมันจึงคิดได้ว่า

พญาราชสีห์กระโจนจากชะง่อนผาขย้ำฆ่าควายป่าเพื่อเป็นอาหารของตน
 
พญาราชสีห์กระโจนจากชะง่อนผาขย้ำฆ่าควายป่าเพื่อเป็นอาหารของตน

       มันก็มีสองตามีหัวคิดเหมือนราชสีห์มันควรจะได้เลือกกินสัตว์ที่มันชอบบ้างจึงบอกแก่พญาราชสีห์ว่า “ นายท่านหากข้าน้อยต้องการกินเนื้อ
ตัวใดบ้างต้องทำอย่างไรขอรับ ” “ อือ ไม่ยากหรอกเจ้าก็ขึ้นไปบนชะง่อนผาหน้าถ้ำแล้วมองลงไปเลือกปวงสัตว์ข้างล่างนั้น อยากกินช้าง ม้า

พญาราชสีห์ได้ชำระร่างกายที่สระน้ำหลังจากกินอาหารอิ่มแล้ว
 
พญาราชสีห์ได้ชำระร่างกายที่สระน้ำหลังจากกินอาหารอิ่มแล้ว

       กวางตัวใดก็เข้ามาบอกตัวเราว่าข้าน้อยอยากกินเนื้อชนิดนั้น นายท่านจงคำรามแล้วฆ่าสัตว์นั้นเถิด แล้วแบ่งข้าน้อยบ้าง แค่นี้เจ้าก็จะได้กิน
เนื้อสัตว์ที่เจ้าปรารถนา ” ( อืม..ช่างง่ายดายจริง ๆ รู้ว่าง่ายขนาดนี้ทำตั้งนานแล้วนะนี่ ทนกินเนื้อแพะมาตั้งนาน เอ๊ะ แต่ว่าจะกินตัวไหนดีนะ

สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งได้เดินหลงทางมายังบริเวณที่พักอาศัยของพญาราชสีห์

สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งได้เดินหลงทางมายังบริเวณที่พักอาศัยของพญาราชสีห์
 
        กวางตัวนั้นก็น่ากินเนื้อมันคงจะหวานอยู่ โอ๊ะ เก้งตัวนั้นก็ใช้ได้ ห๊ะควายป่าอยากกินมานานแล้ว คราวนี้แหละเราจะได้กินเนื้อความป่าตัวใหญ่ ๆ บ้าง
เฮ้ย มีความสุขจริง ๆ ) เมื่อสุนัขจิ้งจอกเลือกสัตว์ที่อยากกินได้ก็หมอบกราบราชสีห์ “ นายท่าน ข้าน้อยอยากกินควายป่าเชิญท่านแผดเสียงคำราม
ออกมาล่ามันเถิด ” “ ได้ เจ้ารอสักครู่ ”

สุนัขจิ้งจอกได้ขันอาสาขอเป็นข้ารับใช้ต่อพญาราชสีห์
 
สุนัขจิ้งจอกได้ขันอาสาขอเป็นข้ารับใช้ต่อพญาราชสีห์
 
      ราชสีห์วิ่งสู่ชะง่อนผาแผดเสียงคำรามอย่างน่าเกรงขามแล้วกระโจนลงไปจัดการกับเหยื่อด้วยอำนาจราชสีห์อย่างง่ายดาย จิ้งจอกเห็นวิธีล่าเนื้อ
ของราชสีห์บ่อย ๆ ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องง่าย จนวันหนึ่งเกิดกำเริบทรนงตนขึ้น “ ตัวเราเองก็มีสี่ขา มีเขี้ยวมีเล็บเหมือนราชสีห์ มีทุกอย่าง แค่คำราม
ข้าก็ทำเป็น แค่เปลี่ยนหน้าที่กันมันจะไปยากอะไร ”
 
พญาราชสีห์ได้ตัดสินใจรับเลี้ยงสุนัขจิ้งจอกเอาไว้ยังที่พักอาศัยของตน
 
พญาราชสีห์ได้ตัดสินใจรับเลี้ยงสุนัขจิ้งจอกเอาไว้ยังที่พักอาศัยของตน
 
        คราวหนึ่งเมื่อถึงเวลาอาหารจิ้งจอกจึงไปบอกแก่พญาราชสีห์ว่าอยากกินช้างพลายสักตัวหนึ่ง “ หากแต่ครั้งนี้ข้าน้อยขอนอนบนแท่นทอง
ขอให้นายน้อยไปเลือกดูสัตว์แล้วมากล่าวว่า จิ้งจอกเอ๋ยจงแผดเสียงคำรามเถิด ข้าน้อยก็จะกระโจนไปฆ่าช้างได้ดังท่านทำ ” “ เจ้านะเหรอ
จะทำอย่างเรา ไม่ได้หรอกมันไม่ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด ข้าไม่อนุญาต ”
 
เมื่อกินอิ่มแล้วพญาราชสีห์ก็ได้ยกอาหารของตนให้กับสุนัขจิ้งจอก
 
เมื่อกินอิ่มแล้วพญาราชสีห์ก็ได้ยกอาหารของตนให้กับสุนัขจิ้งจอก
 
       จิ้งจอกเพียรอ้อนวอนเช่นนี้อยู่หลายครั้งแต่พญาราชสีห์ก็ไม่อนุญาตให้ดังขอ “ เจ้าสุนักเอ้ยจิ้งจอกสามารถฆ่าช้างได้ในโลกนี้ไม่มีหรอกนะ
อยากกินเนื้อช้างก็คอยกินที่เราฆ่าได้อย่างเดิมเถิด ” แต่จิ้งจอกหาฟังไม่กลับกล่าวหาว่าราชสีห์หวงแหนบารมี “ หึ ท่านหวงบารมีสิท่า
 
สุนัขจิ้งจอกได้กินอาหารที่เหลือจากพญาราชสีห์อย่างมีความสุข
 
สุนัขจิ้งจอกได้กินอาหารที่เหลือจากพญาราชสีห์อย่างมีความสุข
 
       คงกลัวว่าข้าทำได้แล้วบารมีท่านจะหายไปละสิ ” “ เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เร่งทำเถอะ มานอนบนแท่งทองของเราได้แล้ว ” ครานั้นสุนัขผู้ไม่เจียมตน
ก็กระทำการเลียนแบบพญาราชสีห์ทั้งยังบังอาจขอให้ท่านอัญเชิญตนออกไปกระทำสีหนาดนอกถ้ำหวังให้กึกก้องขุนเขาดุจกันกับที่พญาราชสีห์คำราม
 
ฝูงกระต่ายทั้งหลายก็ตอบราชสีห์ไม่ได้ว่าแผ่นดินถล่มตรงที่ใด
 
สุนัขจิ้งจอกเริ่มมีร่างกายที่อวบอ้วนเพราะได้กินอิ่มและอยู่อย่างมีความสุข
 
      “ จิ้งจอกเอ๋ย เจ้าจงแผดเสียงคำรามเถิด ” “ โอ้ ได้เลยราชสีห์เจ้ารอที่นี่เถิด เราจะไปคร่าชีวิตสัตว์นั้นมาให้ท่านได้กินเอง ” เมื่อได้ยินสัญญาณจาก
ราชสีห์จิ้งจอกก็วิ่งไป ณ ชะง่อนผาแผดเสียงเลียนกิริยาสีหนาทของผู้มีพระคุณทันที เมื่อเจ้าจิ้งจอกคำรามได้สักพักมันก็ตะกุยเท้ากระโจนลงเบื้องล่าง

ราชสีห์ได้สอบถามเจ้ากระต่ายตัวแรกว่าแผ่นดินถล่มเกิดขึ้น ณ ที่ใด
 
สุนัขจิ้งจอกมีความคิดอยากกินเนื้อสัตว์ที่มันชื่นชอบบ้า
 
       อย่างสุดแรงเกิด เจ้าจิ้งจอกกระโจนไปหาช้างพลายตัวหนึ่งอย่างรวดเร็ว “ นี่แน่ะถอดแบบมาจากราชสีห์เป๊ะ ๆ เสร็จข้าแน่เจ้าช้างพลาย ”
“ โอ้ย หนวกหูจริง ๆ เจ้าหมาบ้าตัวนี้มันอะไรของมันนี่ ” แล้วจิ้งจอกก็แทบเป็นบ้าไปจริง ๆ เพราะมันกระโดดไปไม่ถึงตัวช้างแต่กลับตกลงบนพื้น
 
สุนัขจิ้งจอกร้องขอให้พญาราชสีห์ล่าสัตว์ที่ตนอยากกินบ้าง
 
สุนัขจิ้งจอกร้องขอให้พญาราชสีห์ล่าสัตว์ที่ตนอยากกินบ้าง
 
     เคราะห์ร้ายของมันที่ตกลงมาใกล้กับเท้าช้างพอดิบพอดี “ โอ้ย เจ็บ กระดูกครากหมดแล้ว หา เท้าช้าง ” และวาระสุดท้ายของผู้เลียนแบบราชสีห์ก็มาถึง
“ เฮ้ย ๆ เฮ้ย เจ้าช้างอย่าเข้ามา เฮ้ย อย่ากระทืบข้าอย่า ”

สุนัขจิ้งจอกได้อ้อนวอนราชสีห์ขอให้ตนเป็นผู้ล่าสัตว์แทนพญาราชสีห์บ้าง
 
สุนัขจิ้งจอกได้อ้อนวอนราชสีห์ขอให้ตนเป็นผู้ล่าสัตว์แทนพญาราชสีห์บ้าง
 
       พริบตาต่อมาสุนักจิ้งจอกก็ถูกช้างพลายเหยียบจนกะโหลกแตกร่างกายแบนติดพื้นแถมยังถูกช้างถ่ายรดไว้บนตัวก่อนจะจากไปอย่างเหยียดหยาม
พญาราชสีห์โพธิสัตว์เหนเช่นนี้ก็กล่าวว่า “ จิ้งจอกเอ๋ย
 
สุนัขจิ้งจอกได้ขึ้นไปนอนบนแท่นทองของพญาราชสีห์
 
สุนัขจิ้งจอกได้ขึ้นไปนอนบนแท่นทองของพญาราชสีห์
 
       คราวนี้เชิญเจ้าแผดเสียงไปเถอะ มันสมองของเจ้าไหลออกแล้ว กระหม่อมของเจ้าก็ถูกทำลายแล้ว ซี่โครงของเจ้าหักพังไปหมดแล้ว วันนี้เจ้าช่างรุ่งเรืองแท้ ”
 
สุนัขจิ้งจอกได้กระโจนลงจากชะง่อนผาเลียนแบบพญาราชสีห์
 
สุนัขจิ้งจอกได้กระโจนลงจากชะง่อนผาเลียนแบบพญาราชสีห์
 
       ณ พุทธกาลต่อมา สุนัขจิ้งจอก กำเนิดเป็น พระเทวทัต พญาราชสีห์ เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า
 
สุนัขจิ้งจอกหมายจะกระโจนจากชะง่อนผาเพื่อต้องการขย้ำช้างพลายตัวหนึ่ง
       
สุนัขจิ้งจอกหมายจะกระโจนจากชะง่อนผาเพื่อต้องการขย้ำช้างพลายตัวหนึ่ง

     
 
 
 
ช้างพลายได้เหยียบสุนัขจิ้งจอกจนตายลงในที่สุด
 
 ลสิ นิปฺผลิตา มันสมองของเจ้าไหลออกแล้ว
กระหม่อมของเจ้าก็ถูกทำลายแล้ว ซี่โครงของเจ้าหักพังไปหมดแล้ว
วันนี้เจ้าช่างรุ่งเรืองแท้

 
 


 

 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ