ทำไมละครจึงมีอิทธิพลจนเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบได้

ความบันเทิงที่หาดูได้ง่ายที่บ้านก็มักหนีไม่พ้นละคร ในปัจจุบันก็มีละครให้เลือกชมกันมากมาย มีทั้งละครน้ำดีและน้ำเน่า ซึ่งละครนี้มีอิทธิพลต่อคนดูมาก จนเป็นพฤติกรรมเลียนแบบได้ https://dmc.tv/a13828

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ข้อคิดรอบตัว
[ 26 มิ.ย. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18274 ]
 
 
ละครไทย
 
        ความบันเทิงที่เราสามารถหาดูได้ง่ายที่บ้านนั้น ก็แน่นอนมักหนีไม่พ้นละคร ซึ่งในปัจจุบันก็มีละครให้เลือกชมกันเยอะแยะมากมาย มีทั้งละครน้ำดีและน้ำเน่า ซึ่งละครนี้มีอิทธิพลต่อคนดูมาก จนเป็นพฤติกรรมเลียนแบบได้
 

ในยุคปัจจุบันนี้ ทำไมละครจึงมีอิทธิพลจนเป็นพฤติกรรมเลียนแบบได้?

 
        ชีวิตจริงของคนเรานั้น จะมีสักกี่คนที่จะสมหวังไปทุกเรื่อง เราจะพบว่า สมหวังก็มี ผิดหวังก็มาก บางคนก็มีความฝันอันเลิศลอย เช่น ผู้หญิงก็ฝันว่าตัวเองเป็นนางเอก ผู้ชายก็ฝันว่าตัวเองเป็นพระเอก อาจมีปาฏิหาริย์จะได้เจอเจ้าชายหรือเจ้าหญิง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งก็ไม่ค่อยจะเป็นจริงเท่าไหร่ ในชีวิตจริงๆ นั้นปัญหาเยอะซึ่งโหดร้ายทั้งนั้นเลย บางคนก็เลยวัยที่จะฝันได้แต่ก็ยังมีจินตนาการในตอนเป็นวัยรุ่นอยู่
 
การดูละครนั้นมีอิทธิพลต่อคนดูมากจนเป็นพฤติกรรมเลียนแบบได้
การดูละครนั้นมีอิทธิพลต่อคนดูมากจนเป็นพฤติกรรมเลียนแบบได้
 
        ตอนเราดูหนังดูละครมันเหมือนเราหลุดออกจากโลกความเป็นจริง แล้วไปอยู่ในโลกของจินตนาการ ก็เอาใจช่วย โดยสวมหัวใจการเป็นพระเอก นางเอกไปด้วย เหมือนเป็นการแทนตัว เป็นการสร้างความสมหวังเล็กๆ ในใจ นั่นคือจิตวิทยาของคนทั่วไป จึงทำให้คนชอบดูละคร
 
        คนไทยในสมัยก่อนก็จะมีลิเก ทางภาคใต้ก็จะมีหนังตะลุง บางทีก็มีโขน ในแต่ละภูมิภาคก็จะมีการละเล่นของตัวเอง แล้วก็พัฒนาขึ้นมาเป็นละครซึ่งเป็นสื่อใหญ่ไปได้กว้างไกลกว่า บางครั้งละครไทยก็ไปดังในประเทศเพื่อนบ้านก็มี
 

การนำเอาชีวิตจริงของใครบางคนมาทำเป็นละครนั้น จะมีข้อดีอย่างไรบ้าง?

 
        พอเราดูและรู้ว่ามาจากเรื่องจริง ความรู้สึกยอมรับก็จะมากขึ้นและได้ข้อคิดเยอะ แต่จริงๆ แล้วแม้แต่ละครที่แต่งขึ้นมา ถ้าเราดูแล้วดูเป็น ดูดีๆ แล้วรู้จักคิด เราจะได้ประโยชน์ เพราะความจริงนั้นคนทั่วไปมักดำเนินชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดคิด อะไรก็ตามที่ให้หยุดคิดได้เป็นประโยชน์ทั้งนั้น มันจะได้ข้อคิดมาสอนใจตัวเองและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ถ้าดูละครเป็น จริงๆ แล้วละครเกือบทุกเรื่องเลย ถ้าดูเป็นจะได้ข้อคิดทั้งนั้น ในแง่มุมต่างๆ กัน
 
การดูละครนั้นก่อให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบได้ เราจะทำอย่างไรเพื่อก่อให้เกิดการเลียนแบบที่ดีได้?
 
        หนังและละครนั้นมีอิทธิพลต่อคนดูมาก ในสมัยก่อนแค่เรื่องราวในหนังสือ เช่น วรรณคดีไทยอย่างเรื่องขุนช้างขุนแผน ซึ่งตัวพระเอกในเรื่องเป็นคนเจ้าชู้มีภรรยามาก สังคมถือว่าเก่ง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่ถูกต้อง เราน่าจะเอาตัวอย่างของคนที่รับผิดชอบครอบครัวและสู้งาน ทุ่มเท เอาจริงเอาจัง ขยันขันแข็ง ตั้งใจเรียน รับผิดชอบต่อปัญหาที่จะเกิดขึ้น ยอมรับความผิด เป็นโมเดลของพระเอกที่ประสบความสำเร็จ ให้เป็นภาพอุดมคติของเยาวชนทั้งชายและหญิง ภาพพระเอกนางเอกจริงๆ ต้องเป็นอย่างนี้ ในละครญี่ปุ่นที่นิยมมาก คือ คาบูกิ ถ้าเปรียบกับของไทยคือ ลิเก แต่มีรูปแบบคนละแบบ คือเป็นละครตามประเพณีดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีการแต่งหน้าคล้ายๆ งิ้ว เรื่องที่นิยมมากคือเป็นเรื่องของเจ้าเมืองในสมัยโชกุน ระบบญี่ปุ่นคือโชกุนเป็นใหญ่ แล้วแบ่งเขตการปกครองออกเป็นเมืองต่างๆ ร้อยกว่าเมือง เจ้าเมืองเรียกว่าไดเมียว แล้วโชกุนก็ออกกติกาว่า เจ้าเมืองทุกเมืองจะต้องมาอยู่ที่เอโด๊ะ ก็คือ โตเกียวในปัจจุบัน ปีเว้นปี ให้มาอยู่กับโชกุนเพื่อป้องกันการคิดกบฏ แต่มีเจ้าเมืองไดเมียวเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งเมื่อมาถึงเอโด๊ะ ก็มีอำมาตย์ที่ชอบรับสินบนเรียกรับสินบน เจ้าเมืองนี้ไม่ให้ก็เลยโดนแกล้ง โดยอำมาตย์ไปฟ้องเบื้องสูงแล้วสั่งฆ่าไดเมียวคนนี้ทิ้งเลย แล้วก็ยึดเมืองทั้งหมดของไดเมียวคนนี้ด้วย และส่งคนอื่นไปครองเมืองแทน และซามูไรในสังกัดนั้นจะถือคติที่ว่ามีเจ้านายเดียวตลอดชีวิต ถ้าเจ้านายตายจะกลายเป็นซามูไรพเนจร เรียกว่า โรนิน ซึ่งอำมาตย์ก็กลัวเหมือนกันว่าซามูไรของไดเมียวเก่าจะมาแก้แค้น ก็ส่งสายสืบไปสืบดูก็พบว่าซามูไรในสังกัดเดิมนั้นมีอยู่ไม่กี่ร้อยคน เพราะเป็นแค่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง พอประชุมลับกันเสร็จแล้วก็สลายตัวแยกย้ายกันไปเพราะไม่มีเจ้านายแล้ว ต่างคนต่างไปค้าขาย ทำไร่ทำนา ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เสียเกียรติมาก เพราะในสมัยนั้นซามูไรจะต้องฝึกการรบเท่านั้น
 
        หลายปีผ่านไป จนอำมาตย์ตายใจแล้วว่าซามูไรเหล่านั้นคงถอดใจแล้ว เพราะต่างคนต่างไปทำอาชีพที่ต่ำต้อย คงไม่มีอะไรแล้ว ก็หมดระแวงระวัง ในวันครบรอบวันตายของเจ้าเมืองนั่นเอง ซามูไรในสังกัด 40 กว่าคน ที่กลั่นมาแล้วที่อยากล้างแค้นให้เจ้านาย และยินดีทำทุกอย่างพร้อมจะตายเพื่อเจ้านายได้ ตกลงกันแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานที่ไร้เกียรติ กระจัดกระจายไม่รวมกลุ่มกันเลย เพื่อให้อีกฝ่ายหมดระแวง พอครบวันนัดทุกคนก็กลับมารวมกันเตรียมจู่โจมบ้านพักของอำมาตย์คนนั้น แล้วฆ่าอำมาตย์คนนั้นตายเลย เมื่อฆ่าล้างแค้นให้เจ้านายได้แล้ว ทุกคนก็รู้ว่าไม่สามารถสู้โชกุนได้ ก็เลยทำการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้องตัวเองตายหมด เป็นการพลีชีพเพื่อเจ้านาย ต้องบอกว่าคนญี่ปุ่นเกือบทั้งประเทศเลยที่เคยดู คาบูกิ เรื่องนี้ เรียกว่าปลื้มและประทับใจมากถึงความจงรักภักดีต่อเจ้านาย เพราะสำหรับคนญี่ปุ่นแล้วความจงรักภักดีนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ก็จะตอกย้ำโดยผ่านละครอะไรต่างๆ กันมาตลอด เป็นการปลูกฝังคนญี่ปุ่นให้รู้ว่า คนไหนที่ทรยศเจ้านายนั้นเป็นคนที่เลวมาก ใช้ไม่ได้เลย คนดีต้องจงรักภักดีเท่านั้น มันก็เป็นแนวโน้มที่นำสังคมไปได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปทางไหน
 
        ฉะนั้น ถ้าเราต้องการสร้างบุคลิกของคนในชาติให้เป็นอย่างไร วรรณกรรม ละคร นั้นมีผลมาก ตรงนี้ดูเบาไม่ได้เลย ฉะนั้นใครที่ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างละคร ก็ขอให้ทุ่มเทศักยภาพของเราให้มาก เอาละครไทยไปสู่ระดับโลกเลย ให้คนทั่วโลกยอมรับให้ได้ และรัฐบาลก็ต้องให้การสนับสนุนด้วย จะทำให้เกิดผลดีหลายต่อ เช่น ทำให้คนไทยมีแบบอย่างที่ดี และเมื่อโกอินเตอร์ได้เราก็จะได้เงินตราต่างประเทศมาด้วย ก็จะส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศของเรามากขึ้นด้วย เพราะเขาอยากเห็นแหล่งผลิตที่มีคุณภาพว่าทำกันอย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับทรัพยากรในประเทศของเราคือมีแหล่งท่องเที่ยวมาก และถ้าทำได้อย่างนี้ประเทศเราก็สามารถติดลมบนได้ไม่แพ้ประเทศอื่นเลย
 
บางครั้งหนังหรือละครน้ำดีบางเรื่อง กลับไปโด่งดังที่ต่างประเทศ คนในประเทศแทบไม่รู้จักเลยทำไมจึงเป็นอย่างนี้?
 
        คือถ้าสังคมยังสนใจอย่างนี้อยู่ ถ้าเป็นน้ำดีมากๆ แล้วกระโดดข้ามไปที่อื่นเลย คนก็เลยรู้สึกว่ามันไม่เข้ากัน มันก็เลยไม่ดัง ฉะนั้นจริงๆ เราควรจะนำสังคมไปหนึ่งถึงสองก้าวก่อน และรัฐบาลก็ต้องช่วยสนับสนุนในทุกด้าน ถ้าช่วยกันอย่างนี้มันก็สามารถสร้างความนิยมได้
 
        ตัวอย่างเช่น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขาตั้งมูลนิธิไทยรัฐและมีการสร้างโรงเรียนไทยรัฐตามที่ต่างๆ เงินทุนอันหนึ่งก็มาจากการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่นกิจกรรมกวางเจา เขาจะโปรโมทตั้งแต่ข่าวหน้าหนึ่งไปจนถึงในคอลัมต่างๆ ว่ากิจกรรมกวางเจานั้นมันดีและน่าสนใจอย่างไร และเมื่อคนอ่านรู้ว่ารายได้ทั้งหมดนำไปสร้างกิจกรรมเพื่อการกุศลคนส่วนใหญ่ก็รับได้ ก็ไปดูกันใหญ่จัดแต่ละครั้งมีรายได้เยอะมาก ก็มีกำไรที่จะมาสร้างโรงเรียนได้ ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็จัดอีก ก็ดังอย่างนี้คนดูแน่นแบบนี้ทุกครั้ง จนมีบางคนเห็นว่าคนไทยนั้นชอบกายกรรมมาก ก็ไปจ้างกายกรรมกวางเจามาเล่น ผลปรากฏว่ามีคนไปดูไม่กี่คนเอง นั่นคือมันอยู่ที่การโปรโมท พอมีการโปรโมททางสื่อเช่นไทยรัฐนั้นมีอิทธิพลมากเพราะมีคนอ่านเยอะ พอเขียนเชียร์หน่อยในคอลัมต่างๆ ก็รู้สึกว่าอยากดู มันก็เกิดกระแสขึ้นมา
 
        ฉะนั้นความคิดความนิยม เรตติ้งนั้นมันโปรโมทได้ ถ้ารัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนและมีวิสัยทัศน์ที่ดี คือนำวิสัยทัศน์ไปสู่การปฏิบัติได้แล้วดันตลอดสาย มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะสร้างค่านิยมในหมู่ประชาชนอะไรบ้าง แล้วรัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ทุกด้าน สุดท้ายจะค่อยๆ เปลี่ยนเทรนในสังคมได้ ทุกอย่างสร้างได้ อยู่ที่ว่าเอาจริงหรือไม่ ถ้าเอาจริงก็สำเร็จ
 
ควรมีหลักการข้อคิดใดๆ เพื่อให้ผู้ผลิตได้ผลิตรายการที่ดีมีคุณภาพเพื่อให้เกิดกระแสที่ดีขึ้นในสังคมได้?
 
        คนที่หยิบเค้าโครงเรื่อง(plot) ที่น่าสนใจ แล้วเป็น plot เรื่องในทางบวกมานำเสนอได้นั้น ถ้าตั้งใจทำด้วยความประณีตจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นคนที่มีฝีมือมากเลย ถ้าทำถึงจุดจริงๆ เลยจะได้รับความนิยม และได้หลายต่อเพราะมันจะพิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือว่ามันทำได้ยากกว่าเรื่องทั่วๆ ไป เมื่อทำสำเร็จคนก็จะเห็นว่าฝีมือสุดยอด ถ้าทุ่มเทจริงๆ นั้นเราสามารถทำได้ เราจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้รังสรรค์วรรณกรรมในรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นละคร หนัง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่นำสังคมได้นำโลกได้ ให้คุณกับโลกได้ แต่มันก็ต้องหลายๆ ฝ่ายช่วยกัน โดยเฉพาะรัฐบาลต้องช่วยสนับสนุน อย่างนี้โอกาสแจ้งเกิดก็จะสูงมากขึ้น เพราะคนที่อยากทำเรื่องดีๆ นั้นก็มี แต่ก็ต้องทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่เสี่ยงจนเกินไป อย่างนี้ก็จะพอสู้กันได้
 
มีข้อคิดอย่างไรในการเลือกดูละคร เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้ชีวิตประจำวัน?
 
        คือละครนั้นเราดูจากทีวีก็ได้ อ่านจากหนังสือก็ได้ คนไทยชอบดูละครทีวี ทางวิทยุในสมัยก่อนก็มีคนก็ชอบฟัง แต่หนังสือนั้นคนยังอ่านน้อยเพราะขี้เกียจอ่านหนังสือ อยากจะบอกว่าขอให้ขยันอ่านเพิ่มขึ้น จะอ่านละครหรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้ได้อ่าน เมื่ออ่านจนเคยเดี๋ยวมันจะค่อยๆ ขยายไปอ่านอย่างอื่นเอง เพราะจุดต่างคือ ถ้าเราเองดูจากทีวีบางทีเราเป็นผู้รับสารเราจะไม่ค่อยมีเวลาหยุดคิดมากเท่าไรนัก เพราะการแสดงเนื้อเรื่องมันดำเนินไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นการอ่านพอถึงตอนที่เราจะคิดอะไรเราก็สามารถหยุดอ่าน แล้วคิดตามได้โดยไม่ขาดตอน ดังนั้นจะให้ได้แง่คิดหรือหยุดคิดได้จริงๆ ก็ต้องฝึกนิสัยรักการอ่านด้วย ถ้ามีลูกหลานก็ให้ปลูกฝังเรื่องการอ่านให้มาก จะทำให้ลูกหลานฉลาด เป็นคนมีข้อมูล รู้จักคิด ไตร่ตรองเรื่องต่างๆ ได้ลึกซึ้งมากกว่าคนทั่วไป

http://goo.gl/Mggje


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำไมจีวรพระต้องเป็นสีเหลือง
      ขอไม่นับถือพระสงฆ์
      ข้อคิดธรรมะของพระสุธรรมญาณวิเทศ (สุธรรม สุธมฺโม) จากหนังสือ "หน้าสุดท้าย"
      I can’t respect monks, can I?
      กราบไหว้ทำไม งมงาย !
      Why do people have to pay homage? Ignorant!
      โซเดียม อันตรายใกล้ตัว
      บวชให้สุก
      พลังหญิง
      ตักบาตรใส่บุญ(ตอนที่2)
      ตักบาตรใส่บุญ (ตอนที่1)
      ปัญหามรดก
      ยิ่งใหญ่ในรายละเอียด




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related