มณิกัณฐชาดก ชาดกว่าด้วยขอสิ่งที่ไม่ควรขอ

“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าการขอไม่เป็นที่ชอบใจ แม้ของพวกนาคที่อยู่ในนาคพิภพอันสมบูรณ์ด้วยรัตนทั้ง ๗ ประการ จะป่วยกล่าวไปใยถึงมนุษย์ทั้งหลายเล่า ” https://dmc.tv/a27367

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 5 ต.ค. 2564 ] - [ ผู้อ่าน : 18265 ]

ชาดก 500 ชาติ

มณิกัณฐชาดก-ชาดกว่าด้วยขอสิ่งที่ไม่ควรขอ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เมืองอาฬวี

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เมืองอาฬวี
  
       ในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่อัคคาฬวเจดีย์ เมืองอาฬวี ทรงปรารภกุฏิการสิกขาบทที่ภิกษุชาวเมืองอาฬวีพา
กันสร้างกุฏิด้วยการเที่ยวขอไม่มีขีดจำกัด เป็นเหตุให้ชาวเมืองอาฬวีเดือดร้อน เห็นพระภิกษุที่ไหนก็กลัวหลบหนีหน้าไปหมด
 
เหล่าภิกษุต่างพากันบอก<a href=http://www.dmc.tv/pages/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89.html title='บุญ' target=_blank><font color=#333333>บุญ</font></a>ให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างกุฏิสงฆ์
 
เหล่าภิกษุต่างพากันบอกบุญให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างกุฏิสงฆ์
 
        “ ชาวบ้านทั้งหลายวันนี้อาตมามาบอกบุญ ขอพวกท่านจงร่วมทำทานกันเถิด ” “ สร้างกุฏิถวายพระนี่ ได้บุญเยอะเชียวน่า พวกท่านอย่าได้คลางแคลงใจ
ในการทำทานเลย ” “ นี่บ้านเมืองเราเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย เป็นพระแทนที่จะใช้กลับมีแต่ขอ ” “ นั่นนะสิ พวกเราก็หาเช้ากินค่ำ
ขอกันแบบนี้แล้วเราจะให้ทานได้ยังไง ”
 
ชาวบ้านต่างพากันไม่พอใจที่ภิกษุสงฆ์ขอให้พวกตนทำทานมากเกินไป
 
ชาวบ้านต่างพากันไม่พอใจที่ภิกษุสงฆ์ขอให้พวกตนทำทานมากเกินไป

       “ นั่น ๆ มากันอีกแล้ว พวกเรารีบหลบกันเถอะ ” ครั้งนั้นพระมหากัสสปได้ธุดงค์ไปจนถึงเมืองอาฬวี แล้วก็ไปบิณฑบาต พวกชาวบ้านที่เห็นแม้แต่พระเถระ
ก็พากันหวาดกลัวเหมือนอย่างนั้น “ นั้น ๆ มีพระมาอีกแล้ว เรารีบหลบไปซ่อนกันดีกว่า เร็ว ” “ ดูท่าจะเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่นะ
 
พระมหากัสสปได้ออกบิณฑบาตยังเมืองอาฬวี
 
พระมหากัสสปได้ออกบิณฑบาตยังเมืองอาฬวี 

        ข้าว่าท่านคงไม่ขอให้เราทำทานสร้างกุฏิเหมือนพระรูปอื่นหรอก ” “ เจ้ารู้ได้ยังไง ข้าว่าเราหลบไปก่อนดีกว่า ถ้าพระรูปนี้เกิดเอ่ยปากขอ พวกเราจะลำบากใจ
กันเปล่า ๆ นะ ” “ ก็จริง แบบนี้เราเผ่นก่อนดีกว่า ” เมื่อพระมหากัสสปกลับจากบิณฑบาตแล้ว ภายหลังภัตตาหารจึงเรียกภิกษุทั้งหลายมาซักถาม “

พระมหากัสสปได้สอบถามภิกษุถึงเรื่องที่ชาวบ้านต่างพากันหลบหนีเมื่อเห็นพระ
 
พระมหากัสสปได้สอบถามภิกษุถึงเรื่องที่ชาวบ้านต่างพากันหลบหนีเมื่อเห็นพระ
        
       ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่อก่อนเมืองอาฬวีนี้หาภิกษาหารได้ง่าย เพราะเหตุไรบัดนี้จึงหาภิกษาหารได้ยาก ” “ เออ คือ สงสัยพวกชาวบ้านคงกลัว
ว่าเราจะขอให้พวกเขาสร้างกุฏิกระมัง ” “ เฮ้อ เราก็แค่อยากจะให้ชาวบ้านได้บุญเยอะ ๆ ก็เลยขอไปแบบนั้น ” “ ไม่ใช่แค่ชาวบ้านได้บุญ พวกเราเอง
ก็จะได้สบายด้วย ”
 
พระมหากัสสปได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ อัคคาฬวเจดีย์
 
พระมหากัสสปได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ อัคคาฬวเจดีย์
        
       ครั้นได้ทราบเหตุการณ์นั้นพระมหากัสสปจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ อัคคาฬวเจดีย์ แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบ พระศาสดาจึงรับสั่ง
ให้ประชุมภิกษุสงฆ์ แล้วทรงสอบถามพวกภิกษุชาวเมืองอาฬวี “ เราได้ข่าวว่าพวกเธอให้เขาสร้างกุฏิด้วยการเที่ยวขอนั้น เป็นจริงหรือไม่ ”
“ จริงพระเจ้าค่ะ พวกข้าขอแก่ชาวบ้านเช่นนั้นจริง ”
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า มณิกัณฐชาดก
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า มณิกัณฐชาดก
 
       “ พวกข้าพเจ้าแค่ต้องการให้ชาวบ้านได้บุญเท่านั้นเองพระเจ้าค่ะ ” พระบรมศาสดาจึงทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้น แล้วตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ขึ้นชื่อว่าการขอนี้ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจ แม้ของพวกนาคทั้งปวงผู้อยู่ในนาคพิภพอันบริบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ จะป่วยกล่าวไปใยถึงพวกมนุษย์ผู้ทำทรัพย์ให้
เกิดขึ้นสัก ๑ กหาปณะ ก็ยังยาก เป็นประหนึ่งทำเนื้อให้เกิดขึ้นจากหินดังนี้แล้ว
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงครองราชสมบัติ ณ นครพาราณสี
 
พระเจ้าพรหมทัตทรงครองราชสมบัติ ณ นครพาราณสี
     
        เมื่อทรงติเตียนภิกษุเหล่านั้นแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงนำเอาเรื่องอดีตมาสาทกดังนี้ ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ซึ่งมีทรัพย์สมบัติมาก แม้ในเวลาพระโพธิสัตว์นั้นเที่ยววิ่งเล่นได้ มารดาของพระโพธิสัตว์
บังเกิดบุตรอีกคนหนึ่ง
 
มารดาของพระโพธิสัตว์ได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง
 
มารดาของพระโพธิสัตว์ได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง
 
      ต่อมาเมื่อพี่น้องทั้งสองนั้นเจริญวัยแล้ว มารดาบิดาก็ทำกาลกิริยา จึงมีความสังเวชสลดใจ พากันบวชเป็นฤาษี “ ฮือ ๆ ท่านพ่อท่านแม่ ทำไมท่านจากเรา
ไปเร็วเหลือเกิน ต่อไปข้าจะอยู่อย่างไร ” “ ธรรมดาโลกเราก็เป็นเช่นนี้ล่ะ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย ” “ ท่านพี่แล้วแบบนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดี ”

บิดาและมารดาของพระโพธิสัตว์ได้<a href=http://www.dmc.tv/pages/about/page07.html title='เสียชีวิต' target=_blank><font color=#333333>เสียชีวิต</font></a>ลง
 
บิดาและมารดาของพระโพธิสัตว์ได้เสียชีวิตลง 
       
       “ ชีวิตคนเราจะหาความแน่นอนก็ไม่มี แบบนี้เราเข้าไปบวชเป็นฤาษีดีกว่า ” ฤาษีทั้งสองนั้นได้สร้างสร้างบรรณศาลาอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา บรรณศาลา
ของฤาษีพี่ชายอยู่เหนือแม่น้ำคงคา ส่วนบรรณศาลาของฤาษีผู้น้องนั้นตั้งอยู่ใต้แม่น้ำคงคา “ เอาล่ะต่อไปเราก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรกันเถอะนะ ”
 
น้องชายของพระโพธิสัตว์เศร้าโศกกับการจากไปของมารดาและบิดา
 
น้องชายของพระโพธิสัตว์เศร้าโศกกับการจากไปของมารดาและบิดา
       
       “ ทำไมเราไม่สร้างบรรณศาลาอยู่ที่เดียวกันเสียเลยล่ะท่านพี่ ” “ อยู่แยกกันดีแล้ว เราจะมีสมาธิ(Meditation)กับการบำเพ็ญเพียร ” “ ไว้ข้าจะแวะไปหาท่านบ่อย ๆ
ก็แล้วกันนะ ” อยู่มาวันหนึ่ง พระยานาคนามว่ามณิกัณฐะ ออกจากนาคพิภพ จำแลงเพศเป็นมาณพน้อย เที่ยวไปตามฝั่งแม่น้ำคงคา ไปถึงอาศรมของฤาษี
ผู้น้อง จึงไหว้แล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
 
พระโพธิสัตว์ได้สร้างบรรรศาลาริมฝั่งแม่น้ำคงคาทางตอนเหนือ    

พระโพธิสัตว์ได้สร้างบรรรศาลาริมฝั่งแม่น้ำคงคาทางตอนเหนือ
      
       “ มานพน้อย เชิญท่านดื่มน้ำ แล้วนั่งพักที่นี่ก่อนเถิด ” “ ขอบคุณท่านมาก ท่านบำเพ็ญเพียรที่นี่มานานแล้วรึ ” “ ข้าก็เพิ่งมาบำเพ็ญเพียรได้มานาน
ว่าแต่ท่านกำลังจะไปที่ใดรึ ” “ ข้าก็เดินทางท่องเที่ยวตามฝั่งคงคามาเรื่อย ๆ จนได้มาเจออาศรมของท่านนี่แหละ ” ดาบสผู้น้องและมานพหนุ่มได้พูดคุย
กันพักใหญ่ต่างกระทำสัมโมทนียกถาได้เป็นผู้สนิทสนมคุ้นเคยกัน ไม่เป็นอาจเว้นว่างห่างกัน
 
พระโพธิสัตว์และน้องชายได้ออกบวชเป็นฤาษี
 
พระโพธิสัตว์และน้องชายได้ออกบวชเป็นฤาษี
      
       “ ได้คุยกับท่านแล้วเรารู้สึกดีจริง ๆ ” “ นั่นสิเรากับท่านต่างก็พูดคุยกันถูกคอ เหมือนรู้จักกันมาหลายปีเลยที่เดียว ” “ มีท่านเป็นเพื่อนคุย เราไม่เหงาเลย ”
“ ดี ถ้าอย่างนั้น ข้าจะมาแวะเวียนหาท่านทุกวันเลย ” มณิกัณฐะนาคมายังสำนักของดาบสผู้น้อง แล้วนั่งสนทนาปราศรัยกันอยู่เป็นประจำ ยิ่งสร้างความคุ้นเคย
และความสิเน่หาและได้เปิดเผยความถึงเรื่องที่ตนเป็นพญานาคจำแลงมา
 
พญานาคได้แปลงกายเป็นมานพหนุ่มมานั่งสนทนากับฤาษีผู้น้อง
 
พญานาคได้แปลงกายเป็นมานพหนุ่มมานั่งสนทนากับฤาษีผู้น้อง
 
        “ ถึงว่าสิ ข้าก็คิดอยู่ว่าท่านต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่แท้ ” “ เราขอขอบคุณท่านที่ไม่รังเกียจหรือว่าเกรงกลัวเราเหมือนคนอื่น ๆ ” ด้วยความสิเน่หา
ในพระดาบส ทุกครั้งก่อนที่มณิกัณฐะนาคจะกลับไปนั้นได้เปลี่ยนแปลงอัตภาพแล้วเอาขนตหางตวัดรัดรอบพระดาบส แล้วแผ่พังพานใหญ่ไว้เหนือศีรษะ
นอนพักอยู่หน่อยหนึ่ง พอบรรเทาความสิเน่หานั้นแล้วจึงคลายร่างไหว้พระดาบสลากลับยังนาคพิภพของตน

ฤาษีผู้น้องและมานพหนุ่มได้พูดคุยกันอย่างถูกคอในทุก ๆ วัน
 
ฤาษีผู้น้องและมานพหนุ่มได้พูดคุยกันอย่างถูกคอในทุก ๆ วัน 
       
       “ เราต้องกลับไปยังนาคพิภพของเราแล้วล่ะ เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก ข้ายังไม่อยากกลับเลยนะเนี่ย ” “ ท่านกลับไปก่อนเถอะ วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้นะ ”
“ พรุ่งนี้เราจะรีบมาหาท่านก็แล้วกันนะ ” “ ไม่ต้องรีบหรอก ไว้ว่าง ๆ ท่านค่อยมาหาเราก็ได้ ” ด้วยเพราะความกลัวพญานาคนั้นพระดาบสจึงซูบผอมเศร้าหมอง
ผิวพรรณไม่ผ่องใส เกิดเป็นโรคผอมเหลือง มีเนื้อตัวสะพรั่งไปด้วยแถวเส้นเอ็น

พญานาคได้รัดร่างฤาษีผู้น้องด้วยความสิเน่หาหลังจากที่สนทนากันจบแล้ว
 
พญานาคได้รัดร่างฤาษีผู้น้องด้วยความสิเน่หาหลังจากที่สนทนากันจบแล้ว
 
        “ เฮ้ย ช่างน่ากลัวเสียจริง แบบนี้เราจะทำยังไงดี ถ้าต้องเจอแบบนี้ทุกวัน ข้ามีหวังตายแน่ ๆ เลย ดีล่ะ ข้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านพี่ดีกว่า ” เมื่อความกลัว
ทำให้ไม่เป็นอันกินอันนอนดาบสผู้น้องจึงตัดสินใจไปหาดาบสพี่ชาย “ ดูก่อนท่านผู้เจริญ เพราะเหตุใดท่านจึงซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณทราม เกิดเป็นโรค
ผอมเหลือง เนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น ”
 
พญานาคได้แปลงร่างกลับเป็นมานพหนุ่มแล้วได้กราบลาฤาษีกลับไปยังนาคพิภพ
 
พญานาคได้แปลงร่างกลับเป็นมานพหนุ่มแล้วได้กราบลาฤาษีกลับไปยังนาคพิภพ
 
       “ ที่ข้ามาหาท่านเพราะข้ามีเรื่องทุกข์ใจ อยากให้ท่านช่วยเหลือ ” “ มีสิ่งใดที่ข้าจะช่วยก็บอกมาเถิด ” ดาบสผู้น้องได้บอกถึงเรื่องราวและสาเหตุ
ที่ทำให้ตนมีความทุกข์นั้นแก่ดาบสผู้พี่ “ ท่านผู้เจริญ ก็ท่านไม่ต้องการให้พญานาคนั้นมาหรือ ” “ ใช่แล้วล่ะท่านพี่ กลัวว่าสักวันหนึ่ง ข้าจะโดนรัด
จนตายไปเลย ”
 
ฤาษีผู้น้องได้ห้ามปรามพญานาคว่าไม่ต้องมาเยี่ยมตนในทุกๆ วัน
 
ฤาษีผู้น้องได้ห้ามปรามพญานาคว่าไม่ต้องมาเยี่ยมตนในทุกๆ วัน
 
        เมื่อดาบสผู้พี่ได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงออกอุบายให้ดาบสผู้น้องร้องขอของอันเป็นที่หวงแหนของพญานาคตนนั้น “ พญานาคนั้นเมื่อมายังสำนักของท่าน
ประดับเครื่องประดับอะไรมารึ ” “ ที่ข้าเห็นก็มีเพียงแก้วมณีดวงหนึ่งเท่านั้น ” “ ดีเลย เมื่อพญานาคนั้นมาไหว้ท่านแล้วยังไม่ทันนั่ง จงรีบขอดวงแก้วมณี
 
ฤาษีผู้น้องได้ไปปรึกษาฤาษีผู้พี่ในเรื่องของพญานาคที่มาหาตนในทุก ๆ วัน
 
ฤาษีผู้น้องได้ไปปรึกษาฤาษีผู้พี่ในเรื่องของพญานาคที่มาหาตนในทุก ๆ วัน

        เมื่อขออย่างนั้น พญานาคนั้นไม่จักรัดท่านด้วยขนตเลย แต่จักไปในทันที วันรุ่งขึ้นพญานาคมายืนที่อาศรมบทยังไม่ทันเข้าไป ท่านพึงขออีก ในวันที่สาม
ท่านก็จงไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา พอพญานาคนั้นผุดขึ้นจากน้ำพึงร้องขอทันที เมื่อเป็นอย่างนี้พญานาคนั้นจักไม่มาหาท่านอีกต่อไป ”

ฤาษีผู้พี่ได้แนะนำให้ฤาษีผู้น้องขอสิ่งอันเป็นที่รักและหวงแหนของพญานาค
 
ฤาษีผู้พี่ได้แนะนำให้ฤาษีผู้น้องขอสิ่งอันเป็นที่รักและหวงแหนของพญานาค

      “ ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองทำตามที่ท่านแนะนำก็แล้วกันนะ ” ดาบสผู้น้องรับคำแล้วกลับไปบรรณศาลาของตน วันรุ่งขึ้นเมื่อพญานาคเข้ามายังบรรณศาลา
เหมือนเช่นเคย ยังไม่ทันได้นั่ง ดาบสผู้น้องก็ร้องขอดวงแก้วมณีนั้นทันที “ ท่านจงให้แก้วมณีเครื่องประดับนั้นแก่เราเถิด ”

ฤาษีผู้น้องได้ร้องขอดวงแก้วมณีจากพญานาคในวันที่หนึ่ง
 
ฤาษีผู้น้องได้ร้องขอดวงแก้วมณีจากพญานาคในวันที่หนึ่ง

     พญานาคนั้นไม่นั่ง แต่กลับหนีไปในทันที ครั้นวันที่สองพญานาคนั้นมายืนอยู่ที่ประตูอาศรมบทเท่านั้น ดาบสผู้น้องก็ร้องขอดวงแก้วมณีอีก “ เมื่อวาน
ท่านยังไม่ให้แก้วมณีแก่เรา แม้วันนี้ ท่านก็จงให้ในบัดนี้เถิด ” เมื่อเป็นเช่นนั้นพญานาคก็ไม่ได้เข้าไปยังอาศรมบทและรีบหนีไป

พญานาครีบกลับทันทีที่ถูกฤาษีร้องขอดวงแก้วมณี
 
พญานาครีบกลับทันทีที่ถูกฤาษีร้องขอดวงแก้วมณี

       ในวันที่สามดาบสผู้น้องได้ไปยืนรอพญานาคที่ฝั่งแม่น้ำคงคาตามอุบายของดาบสผู้พี่ เมื่อพญานาคนั้นโผล่ขึ้นจากน้ำ ดาบสผู้น้องก็ร้องขอดวงแก้วมณี
จากพญานาคอีกเป็นครั้งที่สาม “ เมื่อเราร้องขออยู่วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว บัดนี้ท่านจงให้แก้วมณีดวงนั้นแก่เราเถิด ”

ในวันที่สามฤาษีก็ได้ร้องขอดวงแก้วมณีจากพญานาคอีก
 
ในวันที่สามฤาษีก็ได้ร้องขอดวงแก้วมณีจากพญานาคอีก

       พญานาคแม้อยู่ในน้ำ เมื่อจะห้ามดาบสนั้นไม่ให้ขอ จึงได้กล่าวขึ้นว่า “ ข้าวและน้ำอันไพบูลย์ยิ่งย่อมเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า เพราะเหตุแก้วมณีดวงนี้
ข้าพเข้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ทั้งข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกด้วย

ฤาษีผู้น้องกลับมามีความสุขอีกครั้งหลังจากที่พญานาคได้หายไปไม่กลับมาหาตนอีก
 
ฤาษีผู้น้องกลับมามีความสุขอีกครั้งหลังจากที่พญานาคได้หายไปไม่กลับมาหาตนอีก

      เมื่อท่านของแก้วมณีอันเกิดแต่หินดวงนี้ ย่อมทำให้ข้าพเจ้าหวาดเสียว เหมือนชายหนุ่มที่มีมือถือดาบอันลับแล้วที่หิน มาทำให้ข้าพเจ้าหวาดเสียว
ฉะนั้นข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ทั้งตัวข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกต่อไป ”

ฤาษีผู้น้องกลับมาเศร้าโศกอีกครั้งเพราะคิดถึงพญานาคที่หายไปเหตุเพราะตนขอในสิ่งที่ไม่ควรขอ
 
ฤาษีผู้น้องกลับมาเศร้าโศกอีกครั้งเพราะคิดถึงพญานาคที่หายไปเหตุเพราะตนขอในสิ่งที่ไม่ควรขอ
 
      พญานาคนั้นครั้นกล่าวอย่างนี้แล้วจึงดำน้ำลงไปยังนาคพิภพทีเดียว แล้วไม่กลับมาอีกต่อไป “ ฮะ ฮ่า ฮ่า สำเร็จ ต่อไปข้าก็ไม่ต้องโดนพญานาครัดตัวแล้วล่ะ ”
เมื่อพญานาคไม่ได้แวะเวียนมายังบรรณศาลาอีกดาบสผู้น้องก็กลับมากินได้ นอนหลับเหมือนเดิม ร่างกายก็กลับมาสมบูรณ์ผ่องใสดังเดิม

ฤาษีผู้พี่ได้เตือนสติให้ฤาษีผู้น้องให้ได้คลายจากความเศร้าโศก
 
ฤาษีผู้พี่ได้เตือนสติให้ฤาษีผู้น้องให้ได้คลายจากความเศร้าโศก
 
       “ ค่อยสบายใจหน่อย แบบนี้ข้าก็กินได้นอนหลับเหมือนเดิมแล้ว ” ดาบสผู้น้องสบายใจอยู่ได้ไม่นานนักในเวลาต่อมาพระดาบสนั้นก็กลับเป็นผู้ซูบผอม
เศร้าหมองผิวพรรณไม่งดงามเกิดเป็นโรคผอมเหลืองมีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น หนักยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเพราะไม่ได้เห็นพญานาคผู้น่าดูตนนั้น
 
ฤาษีสองพี่น้องได้ทำฌาณสมาบัติให้บังเกิดและได้มีพรหมโลกเป็นที่ไป
 
ฤาษีสองพี่น้องได้ทำฌาณสมาบัติให้บังเกิดและได้มีพรหมโลกเป็นที่ไป
 
      “ เฮ้อ ทำไมเราถึงได้คิดถึงแต่พญานาคตนนั้นนะ ป่านนี้จะทำอะไรอยู่ทำไมไม่แวะเวียนมาหาเราบ้างเลย ” ฝ่ายดาบสผู้พี่คิดว่าจักรู้เรื่องราวของดาบสผู้น้อง
จึงไปยังสำนักดาบสนั้น ได้เห็นดาบสผู้น้องนั้นมีโรคผอมเหลืองหนักกว่าเดิม “ ท่านผู้เจริญ เพราะเหตุไรหนอท่านจึงเกิดโรคผอมเหลืองยิ่งกว่าเดิม ” 
“ ตอนแรก
ข้าก็ดีใจที่ไล่พญานาคไปได้สำเร็จ แต่พอนานวันเข้า ข้าก็กลับคิดถึง จนไม่เป็นอันกินอันนอนเลยล่ะท่านพี่ ”
 
พระศาสดาทรงประชุมชาดกหลังจากที่ได้ตรัสเล่าพระธรรม<a href=http://www.dmc.tv/search/เทศนา title='เทศนา' target=_blank><font color=#333333>เทศนา</font></a>จบลง
 
พระศาสดาทรงประชุมชาดกหลังจากที่ได้ตรัสเล่าพระธรรมเทศนาจบลง
 
        “ บุคคลรู้ว่าสิ่งใดเป็นที่รักของเขาก็ไม่ควรขอสิ่งนั้น บุคคลย่อมเป็นที่เกลียดชังเพราะขอจัด พญานาคถูกพราหมณ์ขอแก้วมณีตั้งแต่นั้นมาพญานาค
ก็ไม่ได้มาให้พราหมณ์นั้นเห็นอีกเลย ” เมื่อดาบสผู้พี่ครั้นกล่าวกับดาบสผู้น้องอย่างนั้น แล้วจึงกล่าวปลอบโยนแล้วกลับไปยังอาศรมของตน “ ผู้เจริญ
ตั้งแต่บัดนี้ไปท่านอย่าเศร้าโศกเสียใจเลย ” “ ขอบคุณท่านที่เตือนสติข้า ต่อไปข้าจะตั้งใจบำเพ็ญเพียรไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ” 

       ครั้นในกาลต่อมาดาบสพี่น้องทั้งสองนั้นทำฌานและสมาบัติให้บังเกิดแล้วได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า พระบรมศาสดาทรงตรัสกับภิกษุ
ทั้งหลาย “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าการขอไม่เป็นที่ชอบใจ แม้ของพวกนาคที่อยู่ในนาคพิภพอันสมบูรณ์ด้วยรัตนทั้ง ๗ ประการ จะป่วยกล่าว
ไปใยถึงมนุษย์ทั้งหลายเล่า ” พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า 
 
 
ดาบสน้องชายในกาลนั้น ได้เป็นพระอานนท์ ในบัดนี้
ส่วนดาบสผู้พี่ชาย คือเราตถาคต ฉะนี้แล

 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ