สกุณีคติชาดก ชาดกว่าด้วยไม่หากินไกลถิ่น

เมื่อโผ่ขึ้นสูงได้ระดับ พญาเหยี่ยวก็ตีลังกาพุ่งดิ่งลงยังนกมูลไถบนพื้นดิน ยิ่งใกล้ก็ยิ่งทวีความเร็วมากขึ้น นกมูลเตรียมตัวพร้อมอยู่บนก้อนดินซึ่งมันคัดเลือกไว้ แล้วก็กระโดดหลบไปใต้ก้อนไถอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติของมัน พญาเหยี่ยวนักล่าเมื่อยั้งไม่ทันก็ไถลเข้ากระแทกก้อนดินไถอันแหลมคมสุดแรงเกิด เลือดพุ่งทะลักออกจากร่างปักคาก้อนดินไถอย่างสิ้นฤทธิ์ https://dmc.tv/a27131

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 16 มิ.ย. 2564 ] - [ ผู้อ่าน : 18270 ]

ชาดก 500 ชาติ

สกุณีคติชาดก-ชาดกว่าด้วยไม่หากินไกลถิ่น

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
  
       พุทธกาลสมัยหนึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับจำพรรษาในพระเชตวันมหาวิหารนครสาวัตถี ทรงปรารภกับภิกษุจำนวนมาก เมื่อออกนอก
พระอาราม
ได้จาริกไปในสถานที่อันไม่ควรแก่สมณะสงฆ์
 
พระศาสดาทรงปรารภการจาริกไปในสถานที่อันไม่ควรแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาทรงปรารภการจาริกไปในสถานที่อันไม่ควรแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
        “ ดูกรภิกษุสามเณรทั้งหลาย หากเที่ยวภิกขาจารไปในชนบทก็ไม่สู้จะพบเห็นหรือได้ข้องแวะกับสิ่งไม่สมควรแก่สงฆ์นัก แต่เมื่อใดภิกษุต้องผ่านเข้าในชุมชน
อันมีผู้คนหลากหลายอาชีพ บางครั้งต้องพบเห็นการทำบาปอันน่าโศกเศร้าทำให้จิตใจไม่สงบ ไม่สามารถปฏิบัติความเพียรทางสมาธิ(Meditation)ได้ ”

เหล่าภิกษุสามเณรต่างพากันออก<a href=http://www.dmc.tv/search/บิณฑบาต title='บิณฑบาต' target=_blank><font color=#333333>บิณฑบาต</font></a>ในตอนเช้า
 
เหล่าภิกษุสามเณรต่างพากันออกบิณฑบาตในตอนเช้า
 
        เมื่อได้ฟังพระพุทธองค์ปรารภแล้วภิกษุทั้งหลายก็ได้ออกไปบิณฑบาต ครั้นภิกษุรูปหนึ่งออกไปแถวโรงฆ่าสัตว์ ก็เห็นภาพอันน่าหดหู่ใจ “ แพะยังไม่แล่หนัง
ยังไม่ได้ต้มเลยนะสมณะ โรงฆ่าสัตว์ไม่มีอาหารถวายหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”

ภิกษุรูปหนึ่งได้เห็นภาพอันน่าสลดใจเมื่อผ่านโรงฆ่าสัตว์ในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้เห็นภาพอันน่าสลดใจเมื่อผ่านโรงฆ่าสัตว์ในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
        “ ปาณาติบาต เอาชีวิตผู้อื่นมาเลี้ยงชีวิตตนเช่นนี้ บาปกรรม ๆ ” ขณะที่บางคราวภิกษุก็บังเอิญต้องผ่านเข้าไปใกล้อโคจรสถาน เช่น บ้านเหล่าคณิกา
สำหรับบุรุษผู้หลงมัวเมาในมังสากามารมณ์ให้เกิดอุทัดขัดข้องแก่เพศบรรพชิต

ภิกษุหลายรูปจำต้องเดินผ่านบ้านของเหล่านางคณิกาในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
ภิกษุหลายรูปจำต้องเดินผ่านบ้านของเหล่านางคณิกาในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
        จนพระหลายรูปต้องมัวหมองอย่างไม่ควรจะเป็น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เมื่อภิกษุกลับสู่พระอารามแล้วก็นำมาปรารภข้ออาบัติกันอยู่เนือง ๆ “ นี่ท่าน
เมื่อเช้า
เราเดินผ่านโรงฆ่าสัตว์ นักฆ่าสัตว์กำลังจะแล่เนื้อแพะ ข้าเห็นแล้วหดหู่ใจจริง ๆ ”
 
ภิกษุต่างพากันเล่าถึงเรื่องที่ทำให้พวกตนใจหมองที่ได้พบเจอตอนออกบิณฑบาต
 
ภิกษุต่างพากันเล่าถึงเรื่องที่ทำให้พวกตนใจหมองที่ได้พบเจอตอนออกบิณฑบาต
 
        " ท่านก็เจอเรื่องแบบนี้เหรอนี่ เมื่อเช้าเราสองคนก็เจอ เดินผ่านที่อโคจรเดินผ่านนางคณิกา จนพวกข้ารู้สึกมัวหมองอย่างไม่เคยมาก่อน ” ซึ่งความสับสน
ทุกข์ร้อน
ของภิกษุทั้งหลายย่อมแจ้งในพระญาณอันมากด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ดังเคยเป็นมาเสมอ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
       จึงทรงประทานโอวาทสั่งสอนภิกษุทั้งหลายนั้นให้ระมัดระวังและสำรวมกายใจ รำลึกอยู่เสมอในสถานที่ซึ่งปลอดภัยแก่นักบวช “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ในอดีตนกมูลไถตัวหนึ่งเกือบถึงแก่ชีวิตเพราะหลงออกไปอยู่ในสถานที่ ที่ไม่สมควรมาแล้ว ”
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้อาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่าอดีต<a href=http://www.dmc.tv/articles/jataka.html title='นิทานชาดก' target=_blank><font color=#333333>นิทานชาดก</font></a>
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้อาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่าอดีตนิทานชาดก
     
        “ ข้าแต่พระพุทธองค์โปรดทรงเล่าเรื่องอดีตชาติที่ตรัสนั้นแก่พวกเราด้วยเถิด ” พระพุทธองค์ทรงระลึกพระชาติครั้งนั้น ด้วยญาณบุพเพนิวาสานุสติ
ตรัสเล่า
สกุณีคติชาดกขึ้นดังนี้ ณ ผืนนาอันกว้างใหญ่ในอดีตกาลนั้น การกสิกรรมยังเป็นอาชีพเดียวของหมู่ชน
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระลึกพระชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระลึกพระชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
 
        เมื่อปลายหนาวจะเข้าฤดูฝนทุกปี จะมีชาวนามาไถ่พลิกพื้นนาเตรียมหว่านเมล็ดพันธ์ธัญญพืชรับฤดูพรรษา กลางพรรษาข้าวกล้าก็จะเปลี่ยนสีน้ำตาลของพื้นดิน
เป็นพรมสีเขียวของต้นข้าว ที่จะสะบัดใบโบกลาเม็ดฝนปลายฤดู เพื่อยืนต้นชูรวงไปจนจบฤดูแล้ง
 
 ผืนนาอันกว้างใหญ่ก่อนฤดูการเพาะปลูก
 
ผืนนาอันกว้างใหญ่ก่อนฤดูการเพาะปลูก
 
       เมื่อลมอุ่นผ่านมาทักทาย ใบข้าวหลายใบก็สลัดตัวเองร่วงใบ เพื่อรักษาอาหารเลี้ยงรวงและเมล็ด จนลมร้อนโบกโบยข้าวทุกรวงก็สุกเป็นสีทองเต็มทุ่ง
รอชาวนา
มาเก็บเกี่ยวเอาไปเหมือนที่เคยเป็น และช่วงเวลานี้นกกานา ๆ ชนิดก็จะมาเยือนผืนนาเหมือนแม่บ้านจับจ่ายตลาด

ชาวนาต่างพากันพลิกไถพื้นนาสำหรับเตรียมปลูกข้าวในฤดฝน
 
ชาวนาต่างพากันพลิกไถพื้นนาสำหรับเตรียมปลูกข้าวในฤดฝน
  
        หลังจากฟางเส้นสุดท้ายถูกเก็บเอาไป ก็จะไม่มีใครกลับมาทุ่งนาอีก ก้อนดินตะปุ่มตะป่ำถูกเผาจนแข็งเป็นหินไม่เป็นที่ปรารถนาของใคร นอกจากนกตัวเล็ก ๆ
ชนิดหนึ่ง ที่อาศัยและพักพิงอยู่กับรอยไถนี้ มันคือนกมูลไถครอบครัวหนึ่ง
 
ข้าวในนาพากันแตกกองอกงามเขียวขจี    

ข้าวในนาพากันแตกกองอกงามเขียวขจี
 
        นกมูลไถมีขนาดเล็กแต่ว่องไว และปลอดภัยอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีก้อนไถเช่นนี้ “ ตื่น ตื่น ตื่น ตื่นเร็ว ๆ เถอะลูก เดี๋ยวแดดร้อนพวกหนอนจะหนีลงใต้ดินกันหมด
แล้วพวกเจ้าจะอดกินกันนะ ” “ ใช่  ๆ วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งดีด้วย
 
ชาวนาพากันเก็บเกี่ยวรวงข้าวที่สุกเหลืองเต็มท้องทุ่งนา
 
ชาวนาพากันเก็บเกี่ยวรวงข้าวที่สุกเหลืองเต็มท้องทุ่งนา
  
       พวกเหยี่ยวก็ไม่มีสักตัวหนึ่ง เหมาะแก่การออกหากินจริง ๆ ” นกมูลไถเหล่านี้มีวินัยเคร่งครัดไม่เคยบินออกไปไกลจากที่นาของตนเลย เพราะสามารถหลบภัย
ซอกซอนในระหว่างก้อนดินแข็ง ๆ นั้นได้ เมื่อลูก ๆ เริ่มโตขึ้น
 
หลังฤดูเก็บเกี่ยวท้องทุ่งนาก็เต็มไปด้วยก้อนดินที่แห้งกรัง
 
หลังฤดูเก็บเกี่ยวท้องทุ่งนาก็เต็มไปด้วยก้อนดินที่แห้งกรัง
 
        พ่อแม่นกก็คอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าลูกนกตัวหนึ่งคิดนอกคำสั่งอยู่ “ เอานี่ พี่จับหนอนมาให้ อย่างอนสิ ” “ โอ้ย เบื่อ ๆๆๆ เบื่อ ไม่เห็น
สนุกตรงไหนเลย พี่กินเถอะเดี๋ยวฉันจะไปเดินเล่นแถว ๆ นั้นหน่อย ”
 
นกมูลไถครอบครัวหนึ่งได้อาศัยอยู่ในก้อนดินไถบนท้องนา
 
นกมูลไถครอบครัวหนึ่งได้อาศัยอยู่ในก้อนดินไถบนท้องนา
 
       “ ตามใจเจ้าก็แล้วกัน แต่อย่าออกไปไหนไกลละ ” เมื่อลูกนกมูลไถมีโอกาสพ้นสายตาพี่และพ่อแม่แล้ว มันก็บินหนีออกจากบริเวณที่นาของตน ไปยังป่าโปร่ง
ที่หมายตาไว้ “ วู้ ว้าว สุดยอดไปเลยได้เห็นสีเขียว ๆ แดง ๆ กับเขามั่ง
 
ลูกนกมูลไถตัวพี่จับหนอนมาให้น้องนกของมัน
 
ลูกนกมูลไถตัวพี่จับหนอนมาให้น้องนกของมัน
 
        โห โลกนี้ช่างสดใสสวยงามจริง ๆ เลย ไม่เห็นจะมีอะไรหน้ากลัวตรงไหนเลย รู้แบบนี้บินออกมาตั้งนานแล้ว อากาศดีจริง ๆ เลย ” การที่นกมูลไถบิน
ออกนอกถิ่นของตนนี้ นับว่าประพฤติผิดอย่างน่ากลัว เพราะถิ่นที่มันมาเยือนนับเป็นสถานที่อโคจรของนกมูลไถ่
 
ลูกนกมูลไถแอบบินออกนอกพื้นที่ที่พ่อและแม่ของตนห้ามไว้
 
ลูกนกมูลไถแอบบินออกนอกพื้นที่ที่พ่อและแม่ของตนห้ามไว้
 
       “ ฮ่ะฮ่าฮ่า อโคจร แปลว่าไม่ควรมา แต่เมื่อเจ้าเข้ามา ข้าก็จะจัดให้เจ้าละเจ้านกมูลไถ่ตัวน้อยเอ๋ย เสร็จข้าแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า ดีจริงเชียวไม่ต้องเสียเวลา
ออกล่าเหยื่อให้เหนื่อย จะเอาไปทำอะไรกินดีน๊า ต้มยำ หรือผัดกระเพราดี ”
 
ลูกนกมูลไถได้บินมาเกาะยังที่สูงเพื่อชมธรรมชาติที่ตนไม่เคยเห็น
 
ลูกนกมูลไถได้บินมาเกาะยังที่สูงเพื่อชมธรรมชาติที่ตนไม่เคยเห็น
 
       นับเป็นเคราะห์ร้ายหรือบทลงโทษที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ก็ตาม นกมูลไถก็ตกอยู่ในอันตรายอย่างสุดเลี่ยงไม่ได้ เป็นไปตามกฎของธรรมชาติก็ต้องดำเนินไป
ในพริบตาที่นกมูลไถตกอยู่ในกรงเล็บเหยี่ยว มันก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง
 
พญาเหยี่ยวได้จ้องมองลูกนกมูลไถหมายจะจับกินเป็นอาหาร
 
พญาเหยี่ยวได้จ้องมองลูกนกมูลไถหมายจะจับกินเป็นอาหาร

        “ โอ้ย โธ่เอ้ย นี่เพราะเราดื้อต่อพ่อแม่แท้ ๆ ไม่น่าเลยเรา ” เหยี่ยวนักล่าจับเอานกมูลไถ่ขึ้นไปคาบไว้บนไม้สูง เพื่อที่จะฉีกเนื้อเจ้านกมูลไถ่กิน แต่เมื่อได้ยิน
คำรำพรรณก็หยุดฟังอย่างพิศวง “ ฮือ ๆ ไม่น่าเลย ไม่ควรเลยจริง ๆ ไม่น่าออกมาจากถิ่นหากินเลย

พญาเหยี่ยวได้บินโฉบมาจับลูกนกมูลไถเพื่อนำไปเป็นอาหารของตน
 
พญาเหยี่ยวได้บินโฉบมาจับลูกนกมูลไถเพื่อนำไปเป็นอาหารของตน

       นี่ถ้าเราไม่ออกมานะ ใครก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ฮือ ๆ ” “ หะ เจ้านกน้อย เมื่อกี้เจ้าว่าอยู่ที่ไหนนะ ที่ว่าเจ้ารอดจากกรงเล็บข้าได้ ” “ ตรงที่ไกล ๆ โน่นจ๊ะ
ที่โล่งๆ ที่เต็มไปด้วยก้อนดินไถโน่น โน่นหน่ะ ” “ นี่เจ้า หมายความว่า ถ้าเจ้าได้ไปอยู่ที่นั่นแล้วละก็ พญานกอย่างข้าจะจับเจ้ากินไม่ได้งั้นรึ ”

พญาเหยี่ยวจับลูกนกมูลไถมาบนกิ่งไม้สูงเพื่อจะฉีกเนื้อกินเป็นอาหาร

พญาเหยี่ยวจับลูกนกมูลไถมาบนกิ่งไม้สูงเพื่อจะฉีกเนื้อกินเป็นอาหาร
 
       “ ใช่ จ๊ะ ใช่ ” “ ฮ่ะ ฮ่าฮ่า ไอ้ลูกนกน้อย เจ้าพูดจาโอหังนัก ถึงเจ้าจะอยู่ตรงไหน เจ้าก็ไม่รอดตายไปได้หรอก ไม่มีใครเคยพ้นกรงเล็บพญาเหยี่ยวอันแหลมคม
ของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า ” “ แต่ แต่ แต่ แม่นกจ๋าบอกว่า ถ้านกมูลไถอย่างพวกเราอยู่กับก้อนไถในนา
 
 
ลูกนกมูลไถได้รำพึงถึงเหตุที่ตนไม่เชื่อฟังพ่อแม่จนเป็นเหตุให้ตนเองต้องโดนจับ
 
ลูกนกมูลไถได้รำพึงถึงเหตุที่ตนไม่เชื่อฟังพ่อแม่จนเป็นเหตุให้ตนเองต้องโดนจับ
 
       ก็จะปลอดภัยเหมือนอยู่ในวอลโว่เลยนะจ๊ะ”คำอธิบายของนกตัวกระจ้อยหร่อยเป็นเหมือนคำท้าทาย และธรรมดาของผู้ยิ่งใหญ่มักทนการท้าทายไม่ได้
“ หึ ๆๆๆๆ ลองดูกันก็ได้ เจ้านกน้อย ข้าจะพาเจ้าไปปล่อยในนาที่มีก้อนดินไถของเจ้า ดูสิเจ้าจะหนีข้าไปไหนพ้น ”
 
พญาเหยี่ยวไปพาลูกนกมูลไถไปส่งยังถิ่นที่อยู่ในท้องทุ่งนาของมัน
 
พญาเหยี่ยวไปพาลูกนกมูลไถไปส่งยังถิ่นที่อยู่ในท้องทุ่งนาของมัน
 
       พูดเสร็จเหยี่ยวนักล่าก็พาเจ้านกมูลไถหวนกลับไปยังทุ่งนาอีกครั้ง “ คราวนี้ล่ะเจ้านกน้อย ข้าจะฉีกเนื้อเจ้าจิกกินสะกลางทุ่งนานี้เลย หนอย บังอาจมาท้าทาย
พญาเหยี่ยวอย่างข้า ” เมื่อถึงถิ่นที่อยู่ นกมูลไถก็ถูกปล่อยลงบนดินก้อนไถกลุ่มหนึ่ง
 
พญาเหยี่ยวส่งลูกนกแล้วก็บินขึ้นเหนือท้องฟ้าในทันที
 
พญาเหยี่ยวส่งลูกนกแล้วก็บินขึ้นเหนือท้องฟ้าในทันที
 
      เหยี่ยวนักล่าก็รีบบินทะยานขึ้นไปอยู่บนเบื้องสูง “ ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านกน้อย รีบหายใจเร็วเข้าก่อนที่จะไม่มีโอกาศจะหายใจอีก ฮะฮ่าฮ่าฮ่า เกิดมาเป็นเหยื่อ
จะอยู่ที่ไหนก็ไม่พ้นหรอก ” เมื่อโผ่ขึ้นสูงได้ระดับ พญาเหยี่ยวนักล่าก็ตีลังกาพุ่งดิ่งลงยังนกมูลไถบนพื้นดิน
 
พญาเหยี่ยวบินพุ่งดิ่งจากท้องฟ้าหมายจะโฉบจับลูกนกมูลไถยังพื้นดิน
 
พญาเหยี่ยวบินพุ่งดิ่งจากท้องฟ้าหมายจะโฉบจับลูกนกมูลไถยังพื้นดิน
 
       ยิ่งใกล้ก็ยิ่งทวีความเร็วมากขึ้น นกมูลเตรียมตัวพร้อมอยู่บนก้อนดิน ซึ่งมันคัดเลือกไว้อย่างเร็วแล้วยืนแข็งเหมือนตกตะลึง ความเร็วที่โฉบลงมานั้นเร็ว
เหมือนดาวตก แต่ฉับพลันทันใดนั้นเองลูกนกมูลไถก็กระโดดหลบไปใต้ก้อนไถอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติของมันที่มีมา
 
พญาเหยี่ยวพุ่งชนก้อนดินไถที่แข็งทิ่มปักอกตายในทันที
 
พญาเหยี่ยวพุ่งชนก้อนดินไถที่แข็งทิ่มปักอกตายในทันที
 
       นักล่าเมื่อยั้งไม่ทันก็ไถลเข้ากระแทกก้อนดินไถอันแหลมคมสุดแรงเกิด เลือดพุ่งทะลักออกจากร่าง ปักคาก้อนดินไถอย่างสิ้นฤทธิ์ พญาเหยี่ยวดินพราดๆ
ได้อีกไม่นาน ก็สิ้นลมหายใจมอดม้วยมรณา เมื่อได้ยินคำรำพึงส่งท้ายของเจ้านกมูลไถอีก

ลูกนกมูลไถได้รำพึงทิ้งท้ายถึงอุบายที่ตนหลอกพญาเหยี่ยวได้สำเร็จ
 
ลูกนกมูลไถได้รำพึงทิ้งท้ายถึงอุบายที่ตนหลอกพญาเหยี่ยวได้สำเร็จ
 
      “ หึ หึ อุบายลวงศัตรูเมื่อครู่นี่ เป็นสิ่งที่บิดามารดาสอนเรามา แม้เราเคยดื้อรั้นแทบม้วยมรณา รู้ตัวก่อนก็ไม่มีสายสหายเอ๋ย ” เมื่อจบเทศนาสกุณีคติชาดกแล้ว
พระพุทธองค์ทรงแสดงอริยสัจประทานโอวาทมิให้ภิกษุไปในที่อโคจรโดยประมาทอีก
 
พระศาสดาทรงแสดงอริยสัจและประทานโอวาทแก่เหล่าถิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาทรงแสดงอริยสัจและประทานโอวาทแก่เหล่าถิกษุสงฆ์

 พญาเหยี่ยว ได้กำเนิดเป็นพระเทวทัต
ส่วนนกมูลไถ เสวยพระชาติ เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

 
 
 



     
Tag : เทศนา  เทวดา  อายุยืน  สมาธิ  วิดีโอ  บุญ  บิณฑบาต  นิทานชาดก  นิทาน  ธรรมะ  ทุกข์  ชาดก  ครอบครัว  กัลยาณมิตร  กตัญญู  

พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ