สุราปานชาดก ชาดกว่าด้วยโทษของการดื่มสุรา

พวกดาบสดื่มสุราแล้วก็เมามายไม่ได้สติ บางพวกลุกขึ้นฟ้อนรำ บางพวกขับร้อง รุ่งเช้าพอสร่างเมา ฤาษีพากันตื่นเห็นอาการอันวิปปริตของตนนั้น ต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญ “ โธ่ พวกเราไม่ได้กระทำอันสมควรแก่บรรพชิตเลย แล้วถ้าอาจารย์รู้จะเสียใจเพียงไร ที่มีศิษย์ทำตัวเยี่ยงนี้ ” https://dmc.tv/a27075

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 29 พ.ค. 2564 ] - [ ผู้อ่าน : 18280 ]

ชาดก 500 ชาติ

สุราปานชาดก-ชาดกว่าด้วยโทษของการดื่มสุรา

ชาวนาทั้งหลายพากันต้อนรับองค์พระศาสดาซึ่งเสด็จผ่านมา ณ นิคมภัททวติกา

ชาวนาทั้งหลายพากันต้อนรับองค์พระศาสดาซึ่งเสด็จผ่านมา ณ นิคมภัททวติกา
  
       เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจำพรรษา ณ กรุงสาวัตถีแล้วได้เสด็จจาริกไปจนลุถึงนิคมชื่อ ภัททวติกา ขบวนของพระองค์ได้เสด็จผ่านท้องนาซึ่งขณะนั้น
ข้าวกำลังออกรวง
เป็นสีทองเหลืองอร่าม ชาวนาและคนเลี้ยงสัตว์ที่อยู่บริเวณนั้น
 
ชาวนาต่างพากันกราบทูลทัดทานไม่ให้พระพุทธองค์เสด็จไปยังท่าอัมพะ
 
ชาวนาต่างพากันกราบทูลทัดทานไม่ให้พระพุทธองค์เสด็จไปยังท่าอัมพะ
 
        เมื่อเห็นขบวนเสด็จของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต่างรีบละจากงานของตนเข้ามากราบไหว้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ศีลให้พรเหล่าพุทธศาสนิกชน
เสร็จแล้วก็ทรงเสด็จสู่ท่าอัมพะ แต่กลุ่มชาวบ้านก็ได้ห้ามไว้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พักอาศัยยังอาศรมซึ่งเป็นที่อยู่ของ<a href=http://video.dmc.tv/programs/naka.html title='พญานาค' target=_blank><font color=#333333>พญานาค</font></a>อัมพติฏฐกะ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พักอาศัยยังอาศรมซึ่งเป็นที่อยู่ของพญานาคอัมพติฏฐกะ
 
        “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่าได้เสด็จไปสู่ท่าอัมพะเลยพระเจ้าค่ะ ” “ อาศรมของชฎิลที่ท่าอัมพะ มีนาคอัมพติฏฐกะมีพิษร้ายมาก
นะเพค่ะ ” “ ชาวบ้านที่นี่ต่างหวาดกลัวกันทั่ว ไม่มีใครกล้าไปที่นั่นเลยพระเจ้าค่ะ ”

พระสาคตเถระได้ปูอาสนะนั่งบนที่อยู่ของพญานาค
 
พระสาคตเถระได้ปูอาสนะนั่งบนที่อยู่ของพญานาค
 
        “ พระองค์อย่าเสด็จไปเลยพระเจ้าค่ะ พิษร้ายของนาคตัวนั้นจะเบียดเบียนพระองค์ได้ ” แม้ชาวบ้านจะกราบทูลห้ามถึงสามครั้งสามครา พระผู้มีพระภาคเจ้า
ก็ทำเป็นเหมือนไม่ทรงได้ยินคำของคนเหล่านั้น ทรงเสด็จไปยังท่าอัมพะดังเดิม

พญานาคอัมพติฏฐกะมีความโกรธแค้นมากที่มีคนมานั่งทับพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่
 
พญานาคอัมพติฏฐกะมีความโกรธแค้นมากที่มีคนมานั่งทับพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่
 
        เมื่อทรงเสด็จถึงท่าอัมพะ ไม่ห่างนิคมอัมพะวติกาขบวนเสด็จของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พัก ณ อาศรมที่เป็นที่อาศัยของพญานาคอัมพติฏฐกะ
ครั้งนั้นพระสาคตเถระเป็นพุทธอุปัฏฐากได้ปูอาสนะและได้นั่งบนที่อยู่ของพญานาคนั้น

พญานาคอัมพติฏฐกะได้พ่นไฟจากใต้ดินขึ้นมายังจุดที่พระสาคตเถระและเหล่าสาวกนั่งอยู่
 
พญานาคอัมพติฏฐกะได้พ่นไฟจากใต้ดินขึ้นมายังจุดที่พระสาคตเถระและเหล่าสาวกนั่งอยู่
 
        นาคอัมพติฏฐกะรู้สึกโกรธมากด้วยคิดว่าถูกมนุษย์ปุถุชนลบหลู่ “ มันจะมากไปแล้วนะ มนุษย์หน้าไหนมาผยองกับข้าต้องเจอดีสักหน่อยแล้ว ” พญานาค
บังหวนควันพวยพุ่งออกมาจากใต้ดิน เหล่าภิกษุถูกกลบบังไปด้วยควันของพญานาคตัวร้าย
 
ควันพิษและไฟของพญานาคไม่สามารถทำอันตรายต่อพระสาคตเถระได้
 
ควันพิษและไฟของพญานาคไม่สามารถทำอันตรายต่อพระสาคตเถระได้
 
       “ แย่แล้ว ควันมาจากไหนกันนี่ หรือว่าจะเป็นอย่างที่ชาวบ้านบอก เราโดนพิษของเจ้าพญานาคนั้นเข้าแล้ว ” “ โอ้ย หายใจไม่ออก ควันเต็มไปหมดเลย ”
ควันที่เกิดจากพญานาคนั้น ไม่ได้ทำให้พระสาคตะเถระตกใจแต่อย่างใด พระเถระได้แก้เผ็ดเจ้าพญานาคนั้นด้วยการบังหวนควันลงไปในใต้ดินเช่นกัน
 
ด้วยเดชของพระสาคตเถระทำให้นาคอัมพติฏฐกะสงบลงได้
 
ด้วยเดชของพระสาคตเถระทำให้นาคอัมพติฏฐกะสงบลงได้
     
        “ เจ้าพญานาคเอ๋ย เจ้าทำอะไรเราไม่ได้หรอก อย่ามาอวดเก่งนักเลย ” นาคอัมพติฏฐกะเมื่อไม่สามารถทำอะไรพระสาคตะเถระได้ก็ยิ่งบันดาลความโกรธขึ้นไปอีก
มันพ่นไฟให้ลุกไหม้ออกมาจากพื้นดิน “ หนอย เจ้ามนุษย์ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง บังอาจลองดีกับข้าใช่ไหม คราวนี้พวกแกไม่เจอแค่ควันหรอก นี่แน่ะ ”

พระนครโกสัมพี
 
พระนครโกสัมพี
 
        “ คราวนี้ถึงกับพ่นไฟเลยเหรอ ที่ผ่านมามีแต่คนหวาดกลัวเจ้าสินะ ครั้งนี้แหละเราจะเป็นผู้กำราบเจ้าเอง ” เดชของนาคข่มพระเถระไม่ได้ แต่เดชของพระเถระ
ข่มนาคได้ 
เจ้าพญานาคส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ด้วยเดชของพระสาคตะเถระทำให้นาคอัมพติฏฐกะสงบลง ไม่โกรธเกรี้ยวได้สติ
 
พระศาสดาทรงเสด็จมายังนครโกสัมพี
 
พระศาสดาทรงเสด็จมายังนครโกสัมพี
 
       จากนั้นพระเถระก็ทรงอาราธนาศีลให้นาคดำรงในสรณะศีลได้ ฝ่ายพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ นิคมภัททวติกาตามพระพุทธอัธยาศัยแล้วได้เสด็จไปสู่พระนคร
โกสัมพี 
เรื่องราวที่พระสาคตะเถระกำราบนาคแผ่ไปทั่วชนบท เมื่อขบวนเสด็จของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จถึงโกสัมพี ฝูงชนชาวพระนครกระทำการ
ต้อนรับพระศาสดา

ชาวบ้านต่างพากันสอบถามถึงสิ่งของที่พระสาคตะต้องการเพื่อที่ตนจะได้จัดมาถวาย
 
ชาวบ้านต่างพากันสอบถามถึงสิ่งของที่พระสาคตะต้องการเพื่อที่ตนจะได้จัดมาถวาย
  
        พากันถวายบังคมพระองค์แล้วก็เลยไปสำนักพระสาคตะเถระ “ ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ สิ่งใดที่พระคุณเจ้าได้ด้วยยาก นิมนต์บอกสิ่งนั้น พวกกระผม
จะจัดถวายสิ่งนั้นให้จงได้ ” พระสาคตะเถระเมื่อได้กล่าวความต้องการสิ่งใดออกไป แต่ภิกษุฉัพพัคคีภิกษุดื้อรั้นยังไม่สามารถทรงอยู่ในศีลกลับเสนอ
ความต้องการออกไปแทน
 
ชาวบ้านได้จัดเตรียมสุราแดงไว้ถวายพระเถระและเหล่าภิกษุสงฆ์    

ชาวบ้านได้จัดเตรียมสุราแดงไว้ถวายพระเถระและเหล่าภิกษุสงฆ์
 
        “ ผู้มีอายุทั้งหลาย สุราสีแดงดั่งเท้านกพิราบ พวกบรรพชิตหาได้ยากนักและก็เป็นของชอบใจด้วย ถ้าพวกท่านเลื่อมใสพระเถระละก็ จัดสุราสีแดง
ดั่งเท้านกพิราบมาถวายเถิด ” “ ดีแล้วเจ้าค่ะ พวกกระผมจะเร่งรีบเตรียมสุราสีแดงนั้นมาถวายให้จงได้ ” ชาวเมืองโกสัมพีต่างคนต่างจัดเตรียมสุราใส
 
พระสาคตเถระได้ดื่มสุราแดงที่ชาวบ้านได้จัดถวาย
 
พระสาคตเถระได้ดื่มสุราแดงที่ชาวบ้านได้จัดถวาย
  
       มีสีแดงดั่งสีเท้านกพิราบไว้ที่เรือนของตน ด้วยหวังว่าจักถวายแด่พระเถระ “ พรุ่งนี้ เราก็จักได้ถวายสิ่งนี้แด่พระเถระแล้ว ท่านเถระคงจะพอใจ
นี่ก็ถือว่าเราได้ทำบุญที่ยิ่งใหญ่ด้วยสินะ ช่างอิ่มอกอิ่มใจสะเหลือเกิน ” รุ่งเช้าชาวเมืองนครโกสัมพีต่างนิมนต์พระเถระและศิษย์ไปที่เรือนของตน

พระสาคตเถระเมาสุราและได้ล้มลงนอนระหว่างประตู
 
พระสาคตเถระเมาสุราและได้ล้มลงนอนระหว่างประตู
 
        แต่ละบ้านก็พากันถวายสุราใสทุก ๆ เรือน “ นี่เราเป็นอะไรไปนะนี่ โอ้ย ทำไมมันวิงเวียนอย่างนี้ ” พระสาคตะเถระเมาสุราเดินออกจากพระนคร
ล้มลง
ที่ระหว่างประตูนอนบ่นพร่ำไป “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เวียนหัว โอ้ย โอ้ย นั่งสมาธิ(Meditation)ไม่ไหวแล้วเรา นอนดีกว่า ” พระศาสดาทรงกระทำภัตรกิจแล้ว
เมื่อเสด็จออก
จากพระนคร

เหล่าภิกษุประคองพระสาคตเถระเข้าสู่พระอาราม
 
เหล่าภิกษุประคองพระสาคตเถระเข้าสู่พระอาราม
 
       ทอดพระเนตรเห็นพระเถระนอนด้วยท่าทางนั้น จึงมีดำรัสให้ภิกษุอื่นช่วยประคองพระเถระเข้าสู่พระอาราม เหล่าภิกษุเมื่อประคองพระสาคตเถระมาถึงอารามแล้ว
ก็วางศีรษะของพระเถระ ณ บาทมูลของพระตถาคต แล้วให้ท่านนอน แต่พระเถระกลับนอนเหยียดเท้าไปเฉพาะพระพักตร์พระตถาคต
 
พระสวาคตเถระได้นอนหันเท้าไปยังพระพักตร์ของพระตถาคต
 
พระสาคตเถระได้นอนหันเท้าไปยังพระพักตร์ของพระตถาคต
 
        “ ดูกรภิกษุทั้งหลายความเคารพในเราตถาคตที่สาคตะเคยมีในก่อนนั้น บัดนี้ยังมีอยู่หรือไร ” “ ไม่มีพระเจ้าค่ะ ” “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดเล่ากำราบพญานาค
ชื่ออัมพติฏฐกะ ” “ สาคตะเถระพระเจ้าค่ะ ” “ บัดนี้สาคตะยังจะอาจเอื้อมกำราบงูได้หรือ ” “ เรื่องนั้นไม่ได้แน่นอนพระเจ้าค่ะ ”

พระศาสดาได้ชี้ให้เห็นโทษจากการดื่มสุราของพระสาคตเถระ
 
พระศาสดาได้ชี้ให้เห็นโทษจากการดื่มสุราของพระสาคตเถระ
 
       “ ดูกรภิกษุทั้งหลายดื่มสิ่งใดแล้ว ปราศจากความจำได้หมายรู้อย่างนี้ สิ่งนั้นควรที่ภิกษุจะดื่มถึงเพียงนี้หรือไม่เล่า ” พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตำหนิพระเถระ
แล้วทรงเรียกพวกภิกษุมาทรงบัญญัติสิกขาบทว่าเป็นปาจิตตี ในเพราะดื่มสุราเมรัย แล้วเสด็จจากพระอาสน์เข้าคันถกุฎี เรื่องราวในครั้งนั้นกลายเป็นหัวข้อ
ในการประชุมธรรมสภา  
 
พระศาสดาทรงเรียกประชุมภิกษุและทรงบัญญัติสิกขาบทว่าเป็นปาจิตตีในเพราะดื่มสุราเมรัย
 
พระศาสดาทรงเรียกประชุมภิกษุและทรงบัญญัติสิกขาบทว่าเป็นปาจิตตีในเพราะดื่มสุราเมรัย
 
       ภิกษุทั้งหลายประชุมกันในธรรมสภา พูดถึงโทษของการดื่มสุราว่า ผู้มีอายุทั้งหลายขึ้นชื่อว่าการดื่มสุรามีโทษใหญ่หลวงถึงกับกระทำให้พระสาคตะ
ผู้ได้นามว่าสมบูรณ์ด้วยปัญญามีฤทธิ์ไม่รู้แม้แต่คุณของพระศาสดา จึงได้กระทำอย่างนั้น
 
พระโพธิสัตย์ได้บังเกิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์ในแคว้นกาสี
 
พระโพธิสัตย์ได้บังเกิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์ในแคว้นกาสี

        “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกบรรพชิตดื่มสุราแล้วพากันสลบไศลมิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อนก็ได้เป็นแล้วเหมือนกัน ” องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทกดังต่อไปนี้ 
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี

ประโพธิสัตย์ได้บวชเป็นฤาษีและพำนักอยู่ในหิมวันตประเทศ
 
ประโพธิสัตย์ได้บวชเป็นฤาษีและพำนักอยู่ในหิมวันตประเทศ

       พระโพธิสัตย์บังเกิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์ในแคว้นกาสี เจริญวัยแล้วบวชเป็นฤาษี ได้อภิญญาและสมาบัติประลองฌานพำนักอยู่ในหิมวันตประเทศ
แวดล้อมด้วยอันเตวาสิกประมาณ ๕๐๐ “ นี่ก็ย่างเข้าฤดูฝนแล้ว พวกเรามาอยู่ในป่าแห่งนี้นานแล้วสินะ ที่ไม่ได้ออกไปไหนกันเลย ” “ นั่นสินะ ฝนตก
อย่างนี้ ผลไม้ก็เก็บยากเหลือเกิน

บรรดาศิษย์ของฤาษีได้ปรึกษากันถึงเรื่องที่จะเข้าไปในเมืองช่วงฤดูฝน

บรรดาศิษย์ของฤาษีได้ปรึกษากันถึงเรื่องที่จะเข้าไปในเมืองช่วงฤดูฝน
 
       พวกเราไปขออาจารย์เดินทางไปหมู่บ้านดีไหมนะ ” เหล่าศิษย์ต่างปรึกษาหารือกันแล้วสรุปว่าจะขออนุญาตอาจารย์เดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน “ ท่านอาจารย์ขอรับ
พวกเราพากันไปแดนมนุษย์บริโภคของเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ แล้วค่อยมากันเถิด ” “ เราจะคอยอยู่ที่นี่แหละ พวกเธอพากันไปบำรุงร่างกายจนฤดูฝนผ่านไปแล้วจึงพากัน
กลับมาเถิด ”
 
 
เหล่าศิษย์ทั้ง ๕๐๐ ได้กราบลาท่านฤาษีเข้าไปในกรุงพาราณสี
 
เหล่าศิษย์ทั้ง ๕๐๐ ได้กราบลาท่านฤาษีเข้าไปในกรุงพาราณสี
 
       เหล่าเตวาสิกเมื่อกราบลาอาจารย์ไปสู่พระนครพาราณสี ก็พักอยู่ในพระราชอุทยานนั้น ครั้นวันรุ่งขึ้นก็พากันไปเที่ยวภิกขาจารในบ้านภายนอกประตูพระนคร
ได้รับความเกื้อกูลอย่างดี รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งคณะฤาษีทั้ง ๕๐๐ ก็พากันเข้าไปสู่พระนคร พวกมนุษย์พากันชื่นชมถวายภิกษาหารมากมาย “ เหมือนเราได้ทำบุญ
ครั้งใหญ่เลยนะ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะเนี่ยที่จะได้ถวายภิกษาหารแด่ฤาษีถึง ๕๐๐ รูปนะเนี่ย ”
 
เหล่าเตวาสิกของท่านฤาษีได้รับถวาย<a href=http://www.dmc.tv/search/ภัตตาหาร title='ภัตตาหาร' target=_blank><font color=#333333>ภัตตาหาร</font></a>มากมายจาก<a href=http://www.dmc.tv/search/สาธุชน title='สาธุชน' target=_blank><font color=#333333>สาธุชน</font></a>ที่เลื่อมใส
 
เหล่าเตวาสิกของท่านฤาษีได้รับถวายภัตตาหารมากมายจากสาธุชนที่เลื่อมใส
 
       “ นั่นสิ แต่ละรูปล้วนน่านับถือ เห็นว่าท่านเพิ่งธุดงค์ออกมาจากป่าหิมพานต์โน่น ต้องตบะแกร่งกล้าแน่ ๆ ” ข่าวฤาษี ๕๐๐ รูปมาจำพรรษาในเมืองต่างถูกเล่าลือ
ออกไปแพร่หลายจนถึงพระราชวัง ครั้งนั้นได้มีทหารเข้าไปกราบทูลพระราชาให้ทรงสดับคุณของฤาษีเหล่านั้น “ ขอเดชะบัดนี้มีฤาษี ๕๐๐ รูป พากันมาจาก
ป่าหิมพานต์ พักอยู่ในพระราชอุทยาน แต่ละรูปล้วนมีตบะกล้า
 
สาธุชนต่างปลื้มปีติและยินดีที่ได้มีโอกาสถวายภัตตาหารฤาษี ๕๐๐ รูป
 
สาธุชนต่างปลื้มปีติและยินดีที่ได้มีโอกาสถวายภัตตาหารฤาษี ๕๐๐ รูป
 
      มีอินทรีย์อันชนะแล้วอย่างเยี่ยม มีศีล ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันถวายภิกษาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาพระเจ้าค่ะ ” “ งั้นพาเราไปเถอะ เราจะนิมนต์ให้ฤาษีมาพำนัก
เสียที่พระอุทยานนี่แหละ ” พระราชาทรงสดับคุณของฤาษีเหล่านั้นแล้วก็เสด็จสู่อุทยาน ทรงนมัสการแล้วกระทำการปฏิสันถานนิมนต์ให้ฤาษีเหล่านั้นอยู่ในพระอุทยาน
๔ เดือนตลอดฤดูฝน
 
ทหารได้มากราบทูลพระราชาถึงการมาของฤาษี ๕๐๐ รูป
 
ทหารได้มากราบทูลพระราชาถึงการมาของฤาษี ๕๐๐ รูป
 
       นับแต่นั้นฤาษีเหล่านั้นก็พากันฉันในพระราชวังแห่งเดียว พำนักอยู่ ณ พระราชอุทยาน อยู่มาวันหนึ่งในพระนครได้มีงานนักขัตฤกษ์ชื่อว่า สุรานักษัตร์ ชาวเมือง
ล้วนนำสุราอย่างที่ดี ที่ตัวเองมีออกมาดื่มด้วยกันสนุกสนานอย่างเมามาย ครั้งนั้นพระราชาเห็นว่าพวกบรรพชิตหาดื่มสุราได้ยาก จึงรับสั่งให้ถวายสุราอย่างดี
เป็นอันมาก พวกดาบสดื่มสุราแล้วก็เมามายไม่ได้สติ บางพวกลุกขึ้นฟ้อนรำ บางพวกขับร้อง
 
บรรดาฤาษีได้พากันดื่มสุราในงานสุรานักษัตร์ด้วยการถวายของพระราชา
 
บรรดาฤาษีได้พากันดื่มสุราในงานสุรานักษัตร์ด้วยการถวายของพระราชา
 
       ครั้นฟ้อนรำขับร้องแล้วก็พากันนอนหลับทับบริขาร “ ฮะ ฮะ ฮ่ะ ไม่เคยสนุกเท่านี้มาก่อนเลย อ้าวร้องเพลงอีก เดี๋ยวเราจะฟ้อนรำเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” “ โอ้ย เวียนหัว
ไม่เคยมึนเมาขนาดนี้มาก่อนเลย ” รุ่งเช้าพอสร่างเมา ฤาษีพากันตื่นเห็นอาการอันวิปปริตของตนนั้น ต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญ “ โธ่ พวกเราไม่ได้กระทำอันสมควร
แก่บรรพชิตเลย แล้วถ้าอาจารย์รู้จะเสียใจเพียงไร ที่มีศิษย์ทำตัวเยี่ยงนี้ ”

เหล่าศิษย์เตวาสิกของท่านฤาษีได้กลับมาสารภาพถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพวกตนเนื่องจากเหตุดื่มสุรา
 
เหล่าศิษย์เตวาสิกของท่านฤาษีได้กลับมาสารภาพถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพวกตนเนื่องจากเหตุดื่มสุรา
 
      “ เราจากท่านอาจารย์มา พากันมาทำกรรมอันเลวถึงเพียงนี้ ” ฤาษีทั้ง ๕๐๐ รูปพากันทิ้งอุทยานกลับไปป่าหิมพานต์ เมื่อถึงแล้วก็เก็บบริขารไว้พากันไหว้อาจารย์
ผู้เป็นอาจารย์เมื่อเห็นศิษย์กลับมาก่อนหมดฤดูฝนก็แปลกใจ ก็ตรัสถามว่า “ พ่อคุณทั้งหลาย พวกท่านไม่ได้ลำบากด้วยภิกษา พากันอยู่สบายในถิ่นของมนุษย์หรือไฉน
อนึ่งพวกเธอยังจะอยู่ด้วยกันด้วยความสมัครสมานสามัคคีอยู่หรือ ”
 
พระศาสดาตรัสพระธรรม<a href=http://www.dmc.tv/search/เทศนา title='เทศนา' target=_blank><font color=#333333>เทศนา</font></a>จบแล้วก็ทรงประชุมชาดกแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาตรัสพระธรรมเทศนาจบแล้วก็ทรงประชุมชาดกแก่เหล่าภิกษุสงฆ์

      “ ท่านอาจารย์ขอรับ พวกกระผมอยู่กันอย่างสบาย แต่ว่าพวกกระผมได้พากันดื่ม ได้พากันฟ้อนรำ พากันขับร้อง แล้วก็พากันร้องไห้เพราะดื่มสุรา ที่ทำให้
สัญญาวิกฤตเป็นดีแต่มิได้กลายเป็นลิงเสียเลย ” ฤาษีเมื่อได้ยินเรื่องจากศิษย์ก็กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่านรชนที่เหินห่างจากการอยู่ร่วมกับครูย่อมเป็นเช่นนี้ได้ทั้งนั้น
ตำหนิดาบสเหล่านั้น แล้วให้โอวาทว่า พวกท่านอย่ากระทำกรรมเห็นปานนี้ต่อไปอีกมีฌาณไม่เสื่อมได้ไปบังเกิดในพรหมโลกแล้ว

 พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
คณะฤาษีในครั้งนั้น ได้มาเป็นพุทธบริษัท
ส่วนศาสดาของคณะ ได้มาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 
 
 




พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ