บุญมากบรรลุธรรมง่ายบุญมากบรรลุธรรมได้ง่าย
บุญเป็นต้นทุนแห่งความสำเร็จในทุกสิ่ง คนมีบุญมากความสุขความสำเร็จมาก มีบุญน้อยความสุขความสำเร็จก็น้อย ทุกอย่างวัดกันด้วยกำลังบุญทั้งสิ้น และหากได้ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ และทำอย่างต่อเนื่องกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์ หรือภิกษุผู้ประพฤติธรรมทั้งหลาย ย่อมเป็นเหตุให้เมื่อทำความเพียรย่อมได้บรรลุธรรมได้เร็ว ดังเรื่องการบรรลุธรรมของพระอานนทเถระเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ท่านอานนท์เกิดความเสียใจว่า “พระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพานแล้ว เรายังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์เลย” จึงได้ปลีกตัวเข้าพระวิหารยืนเหนี่ยวไม้สลักเพชรร้องไห้อยู่ว่า “พระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพานแล้ว เรายังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์เลย” จึงได้ปลีกตัวเข้าไปในพระวิหาร ยืนเหนี่ยวไม้สลักเพชรร้องไห้อยู่ว่า “เรายังเป็นเสขะบุคคล มีกิจที่จะต้องทำอยู่ แต่พระศาสดาของเรา ซึ่งเป็นผู้อนุเคราะห์เรา จะปรินิพพานเสียแล้ว”ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า “อานนท์อยู่ที่ไหน” พวกภิกษุจึงกราบทูลให้ทรงทราบเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรับสั่งภิกษุรูปหนึ่งว่า “ภิกษุ เธอจงไปบอกอานนท์ตามคำของเราว่า “ท่านอานนท์ พระศาสดารับสั่งหาท่าน” ภิกษุนั้นทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วเข้าไปหาพระอานนท์ แจ้งให้ทราบว่า “ท่านอานนท์รับคำภิกษุนั้นแล้วเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งลงในที่สมควรวันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า “อานนท์เธออย่าเศร้าโศกร่ำไรไปเลย เราได้บอกไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ความพลัดพราก ความทอดทิ้ง ความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นจากของรักของชอบใจทั้งสิ้นต้องมี ฉะนั้นเธอจะหวังอะไรในสังขารนี้ สิ่งใดเกิดขึ้น มีขึ้น ถูกปัจจัยปรุงแต่งแล้ว ล้วนแตกสลายไปเป็นธรรมดา ความปรารถนาว่า “ขอสิ่งนั้นอย่าแตกสลายไปเลย” นั่นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้"อานนท์ เธอได้อุปัฎฐากตถาคตด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา เป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นความสุขเสมอต้นเสมอปลาย หาประมาณมิได้ช้านาน เธอได้กระทำบุญไว้แล้ว อานนท์ จงประกอบความเพียรเถิด เธอจักเป็นผู้ไม่มีอาสวะโดยฉับพลัน”จากนั้นพระพุทธองค์ตรัสยกย่องพระอานนท์ว่า เป็นยอดของอุปฎฐากในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ตลอดเวลาที่พระอานนท์เถระ อุปัฎฐากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่นั้นท่านไม่มีโอกาสทำความเพียรอย่างเต็มที่ เพราะกังวลอยู่แต่เรื่องที่จะถวายความสะดวกแก่พระบรมศาสดา และเรื่องการจำพระพุทธวจนะ แต่เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จปรินิพพานแล้ว และวันประชุมสงฆ์ทำสังคายนาก็ใกล้เข้ามาพวกภิกษุจึงได้เตือนท่านพระอานนท์ว่า “อาวุโส การประชุมจะมีในวันพรุ่งนี้ แต่ท่านยังเป็นเสขะบุคคลอยู่ เพราะเหตุนั้น ท่านไม่ควรไปสู่ที่ประชุม ขอท่านจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิก”พระอานนท์คิดว่า “การประชุมจะมีในวันพรุ่งนี้ ก็การที่เรายังเป็นเสขะบุคคลอยู่ จะพึงไปสู่ที่ประชุมเพื่อทำสังคายนานั้นไม่สมควรเลย” แล้วได้เร่งความเพียรกำหนดกายคตาสติตลอดคืน ในเวลาใกล้รุ่งท่านได้หวนนึกถึงพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า“อานนท์ เธอเป็นผู้ได้ทำบุญไว้แล้ว จงหมั่นประกอบความเพียรเถิด จักเป็นผู้ได้ทำบุญไว้แล้ว จงหมั่นประกอบความเพียรเถิด จักเป็นผู้หาอาสวะมิได้โดยฉับพลัน”ธรรมดาว่า ความผิดพลาดแห่งพระดำรัสของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่มี เราเพียรจัดเกินไป เพราะเหตุนั้น จิตของเราจึงเกิดความฟุ้งซ่าน เอาเถิด เราจะประกอบความเพียรให้สม่ำเสมอ คิดดังนี้แล้ว จึงได้ลงจากที่จงกรม เข้าไปในพระวิหาร คิดว่า จักพักนอนสักนิด ได้เอนกายลง เท้าทั้งสองพ้นจากพื้น แต่ศรีษะไม่ทันถึงหมอน ในระหว่างนี้ จิตก็พ้นจากอาสวะ บรรลุพระอรหันต์ในขณะนั้นงานของพระพุทธศาสนาเพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่า เราได้ทำแต่งานพระศาสนาที่ใช้เรี่ยวแรงกำลัง ได้เพียงขวนขวายด้วยกาย ด้วยวาจา ไม่ค่อยได้สร้างมหาทานเหมือนอย่างมหาเศรษฐีเลย สมาธิก็มีเวลานั่งน้อย เราคงยากที่จะบรรลุธรรมอย่างคนอื่นเขา ก็อย่ากังวลใจไปเลย ตั้งใจรับผิดชอบงานพระพุทธศาสนาที่เราได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรม เมื่อบุญเต็มส่วน ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้โดยง่าย ปฏิบัติธรรมก็จะสะดวก บรรลุได้เร็วพลันอย่างแน่นอนแรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า 235 - 238
http://goo.gl/UEP3J