เครือข่ายภาคีงดเหล้า แฉหลัง พ.ร.บ.เหล้าบังคับใช้ 6 เดือน บริษัทเหล้า-เบียร์แหกคอกโฆษณาเพียบ คิดเป็นค่าปรับสูงถึง 11.5 ล้านบาท แถมโชว์บรรจุภัณฑ์ตัดหัวท้ายเลี่ยงความผิด จี้สตช.-สธ. คุมเข้ม ด้านเยาวชนเตรียมบุก 3 บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยักษ์ใหญ่
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ ร่วมแถลงข่าว
“ผลการเฝ้าระวังการละเมิด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551” โดย นายคำรณ ชูเดช ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า หลังจากที่ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 6 เดือน จึงได้สำรวจการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการละเมิดตามมาตรา 32 ของกฎหมายฉบับนี้ ที่ห้ามโฆษณาภาพ ผลิตภัณฑ์ หรือบรรจุภัณฑ์ โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2551 บนถนนสายหลัก กทม. 5 แห่ง คือ ลาดพร้าว รามคำแหง รามอินทรา พัฒนาการ และสุขุมวิท พบว่า มีการฝ่าฝืนโดยการโฆษณาภาพผลิตภัณฑ์ 23 ยี่ห้อ ที่เป็นการโฆษณาผ่านป้าย ตู้ไฟ ผ้าปูโต๊ะ โดยมีการโฆษณาภาพบรรจุภัณฑ์ 394 กรณี
นายคำรณกล่าวว่า ยังมีการดัดแปลงการโฆษณาโดยผู้ประกอบการจะตัดหัวตัดท้ายภาพบรรจุภัณฑ์ เพื่อเลี่ยงกฎหมายที่ห้ามโฆษณาบรรจุภัณฑ์ แต่ถือเป็นการทำผิดมาตรา 32 เช่นกัน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ทั้งยังมีค่าปรับ 5 หมื่นบาทต่อวัน คิดเป็นค่าปรับแล้วมีมูลค่าสูงถึง 11.5 ล้านบาท
“6 เดือนแล้วที่มีการบังคับใช้ตามกฎหมายนี้ แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดเข้ามากำกับดูแล โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข ที่ยังไม่มีการออกประกาศกฎกระทรวงเรื่องการโฆษณาเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนมากขึ้น และขอให้ สตช.เร่งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด" นายคำรณกล่าว
นายคำรณกล่าวอีกว่า ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ เวลา 09.30 น. เครือข่ายเด็กและเยาวชนที่รณรงค์ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ จะไปยังบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ขอให้หยุดละเมิดกฎหมาย และหลังจากวันดังกล่าว จะเข้าพบ ผบ.ตร. และ รมว.สาธารณสุข เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายให้เป็นจริง ส่วนบริษัทที่ละเมิดกฎหมายนั้น เครือข่ายได้เก็บรวบรวมข้อมูลการกระทำผิดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกรูปแบบ เพื่อฟ้องร้องคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา-