ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๙
ดวงแก้วคุณยาย
ให้ได้ยินด้วยหูมนุษย์ได้ เหมือนเราได้ยินมนุษย์พูดคุยกัน เวลาลูกระเบิด
จะมาลง ดวงแก้วก็จะพูดให้ได้ยิน หลวงปู่ท่านให้พวกทำวิชชาถือ
ดวงแก้วนี้ไว้ แล้วก็เอากายละเอียดในดวงแก้วทำวิชชาธรรมกายไปสู้รบ
กับพญามาร คุณยายของเราถือไว้ ๒ ดวง มือซ้ายดวงหนึ่ง มือขวาอีกดวง
หนึ่ง แล้วทำวิชชาควบคู่กันไปกับดวงแก้ว ท่านถืออยู่อย่างนี้เป็นเวลา
หลายปีทุกครั้งที่เข้าไปรับหน้าที่ ท่านฝึกสอนกายสิทธิ์ที่อยู่ในดวงแก้ว
จนกระทั่งมีอานุภาพทำตามกันไปเป็นทีมได้ ตั้งแต่ช่วยแก้ไขทุกข์มนุษย์
แก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลก และมุ่งไปที่สุดแห่งธรรม
ตอนนั้นดวงแก้วดวงใหญ่มีอยู่แค่ ๓ ดวง นอกนั้นเป็นดวงเล็ก ๆ สำหรับ
ผู้ทำวิชชาปราบมารถือไว้เป็นแนวร่วมสนับสนุน แล้วก็ทำวิชชากันไป
อย่างมีความสุขสนุกสนานทีเดียว
วันหนึ่งขณะอยู่ในเวรดึก หลวงปู่ท่านได้ยินเสียงดังกริ๊ก ท่านจึง
ถามว่า “ใครทำาดวงแก้วกระทบกัน” คุณยายบอกว่า “ลูกเองเจ้าค่ะ”
หลวงปู่ท่านถามว่า “รู้ไหมว่าแก้วดวงหนึ่งมีค่าขนาดไหน ขนาดเอา
ประเทศมาตีค่าไม่ได้ทีเดียวนะ” หมายถึง เอาทรัพยากรของประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่อยู่บนฟ้า บนดิน ใต้ดิน บนน้ำ ใต้น้ำ
ในที่ลับ ที่แจ้ง ที่แห้ง ที่เปียก เอามารวมกันโดยไม่ตกไม่หล่น ก็ไม่เท่ากับ
กายสิทธิ์ที่อยู่ในดวงแก้ว ที่คุณยายอาจารย์ท่านถือทำวิชชาปราบมาร
๑ ดวง เพราะผู้ที่ทำวิชชาธรรมกายได้จะควบสิ่งนี้เข้าไปแก้ไขทุกข์ภัยให้
มนุษย์ โดยจะต้องทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป ท่านจึงเตือนว่า “อย่า
ทําให้ดวงแก้วกระทบกัน” ที่จริงคุณยายท่านก็รู้คุณค่าของดวงแก้ว ท่าน
ทั้งรักและหวงแหน แต่คงเผลอไปกระทบกันและกระทบเบามาก แต่
หลวงปู่ที่อยู่อีกห้องหนึ่งทำไมจึงได้ยินก็ไม่ทราบ
ต่อมาเมื่อหลวงปู่มรณภาพ ศิษยานุศิษย์ได้หล่อรูปยืนของท่านขึ้น
และเอาดวงแก้วปราบมารทั้ง ๓ ดวงนี้ บรรจุไว้ในรูปหล่อ ซึ่งปัจจุบัน
www.kalyanamitra.org