การสร้างบารมีและความปรารถนาในพระพุทธศาสนา Dhamma Time เดือน ตุลาคม พ.ศ.2554 หน้า 9
หน้าที่ 9 / 34

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงการสร้างบารมีในพระพุทธศาสนา โดยเริ่มจากการปรารถนาสิ่งที่ดีและการทำบุญ การติดตามแบบอย่างของนักสร้างบารมีในอดีต และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงธรรมจากพระพุทธเจ้า ผู้ที่มีปัญญาจะเห็นโอกาสในการสร้างบารมีและเล็งเห็นคุณค่าของการทำบุญมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญและความสำเร็จในทุกภพชาติ

หัวข้อประเด็น

-การทำบุญ
-การสร้างบารมี
-ความปรารถนาในพระพุทธศาสนา
-อานิสงส์จากการทำบุญ
-การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เพื่อกลายเป็นสมบัติอันเป็นโลกุตตระเท่านั้น ฉะนั้น เวลาพวกเราทำบุญอะไรเอาไว้ ก็ให้รู้จักตั้งความ ปราถนาให้ดี ทำบุญได้ก็ใช้บุญให้เป็น ด้วยการ ปรารถนาในสิ่งที่ชอบ ประกอบด้วยกุศล ปรารถนา สมบัติคือนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายของมนุษย์ทุก คน เหมือนการสร้างบารมีของพระอริยสาวก ในอดีต เมื่อท่านเกิดแรงบันดาลใจที่ได้เห็นแบบ อย่างของนักสร้างบารมีในยุคนั้น ก็เจริญรอยตาม ทันที เพราะรู้ว่า สิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ ตนเอง และไม่ใช่แค่ชาติเดียวเท่านั้น แต่จะตามไป คอยอุปภัมภ์ค้ำชูในทุกภพทุกชาติ คนมีปัญญาน แค่ดูก็เป็นครูได้ ไม่ต้องมาเสียเวลาพร่ำสอน * ตอนนั้นนักสร้างบารมีท่านนี้ เกิดในยุค ได้รับฟัง แสดงธรรม ของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า กิตติศัพท์ที่ดีงามของพระองค์ท่านว่า ไพเราะทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและเบื้องปลาย แสดง ธรรมได้แจ่มแจ้ง เหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง จึงไปฟังธรรมที่มหา วิหาร ในสมัยนั้น เนื่องจากมีคนไปวัดกันมากมาย หาที่นั่งไม่ได้ ต้องยืนฟังธรรมที่ท้ายบริษัท ฟังด้วย จิตใจที่ปีติเบิกบาน บอกกับตัวเองว่า เราโชคดี จริงๆ ที่ได้มาฟังธรรมในวันนี้ ในขณะนั้นเอง พระบรมศาสดาทรงแต่งตั้ง ภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ผู้เป็นเลิศกว่า ภิกษุทั้งหลายทางด้านมีลาภ ชายหนุ่มท่านนี้คิด อยากได้ตำแหน่งนั้นบ้าง จึงเข้าไปนิมนต์พระ ศาสดาเพื่อมารับทานอยู่ ๗ วัน แล้วก็ขอพรว่า "การ ทำบุญใหญ่ครั้งนี้ ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาสมบัติ อย่างอื่นเลย แต่ว่าอยากเป็นผู้เลิศด้วยลาภ" พระ ศาสดาตรวจดูด้วยอนาคตังสญาณ เมื่อเห็นว่าจะ สำเร็จ จึงพยากรณ์ว่า “ความปรารถนาของเธอจะ สำเร็จในยุคของพระสมณโคดม” ชายหนุ่มเมื่อได้ ฟังดังนั้น ก็ปีติใจมาก หลังจากวันนั้นก็สั่งสมบุญ ตลอดชีวิต เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเทวดาและ มนุษย์เรื่อยมา จนกระทั่ง มาเกิดในสมัยของพระวิปัสสี สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ลงมาเกิดในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ ไกลจากเมืองหลวงมากนัก สมัยนั้นชาวเมืองกำลัง ช่วยกันถวายทานกับพระตถาคต ขณะจัดแจงทาน อยู่นั้น ก็พบว่ายังไม่มีน้ำผึ้งและนมส้ม จึงส่งตัว แทนไปแสวงหาน้ำผึ้งและนมส้ม ฝ่ายชายหนุ่มท่าน นี้ถือเอากระบอกเนยแข็งมาจากบ้าน ถือเดินมา เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงพระนครก็หยุดพักผ่อนตาม สบาย พอดีเงยหน้าขึ้นไปบนต้นไม้ เห็นรวงผึ้งที่ ไม่มีตัว ขนาดเท่างอนไถ จึงถือเดินเข้าไปใน พระนคร ด้วยตั้งใจว่าจะเอาไปขายในพระนคร ในขณะนั้น ตัวแทนชาวเมืองเห็นหนุ่มบ้าน นอกเดินถือน้ำผึ้งเข้ามา จึงเข้าไปขอซื้อด้วยราคา แพง ชายหนุ่มนั้นเกิดความสงสัยว่า น้ำผึ้งราคาก็ ไม่มาก แต่ทำไมคนเหล่านี้ต้องยอมเสียเงินจำนวน มาก จึงถามว่า “พวกท่านจะเอาไปทำอะไร” เมื่อ ทราบเรื่องข่าวบุญทั้งหมด ก็บังเกิดปิติโสมนัส อยากจะทำบุญใหญ่ในครั้งนี้บ้าง จึงบอกกับชาว เมืองว่า ไม่อยากขายน้ำผึ้ง แต่ต้องการร่วมบุญ ด้วยการได้ไปถวายกับมือของตัวเอง ชาวเมืองดีใจมากที่มาพบผู้มีหัวใจของนัก สร้างบารมี เห็นบุญมีค่ามากกว่าเงินและผล ประโยชน์ส่วนตัวอีก จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นประธาน ใหญ่ในการถวายทาน ชายหนุ่มเอาเงินที่ตัวเองเก็บ สะสมมายาวนานมีไม่กี่มาสก ใหญ่สมกับเป็นนักสร้างบารมี ใช้เงินที่เกิดขึ้นจาก หยาดเหงื่อแรงกาย ไปซื้อของมา ๕ อย่าง บดจน ละเอียด กรองคั้นเอาน้ำส้มจากนมส้ม แล้วคั้นรวง เงินมีน้อยแต่มีใจ ผึ้งลงไปปรุงกับเครื่องปรุง ใส่ไว้บนใบบัวใบหนึ่ง เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึง ก็น้อมถวาย ด้วยความเคารพเลื่อมใส แล้วกราบทูลความตั้งใจ ของตัวเองว่า “ข้าพระองค์ได้ถวายทานด้วยความ เลื่อมใสอันไม่มีประมาณ ในพระรัตนตรัยครั้งนี้ ด้วยอานิสงส์นี้ ขอให้ข้าพระองค์ จึงเป็นผู้ที่ถึง ความเป็นผู้ที่เลิศด้วยลาภ ไปทุกภพทุกชาติด้วย พระบรมศาสดาก็ตรัสอนุโมทนา ตั้งแต่ บัดนั้นมา กุลบุตรนี้เกิดกี่ภพกี่ชาติ ก็ไม่รู้จักความ อดอยากยากแค้นเลย จนมาถึงสมัยพุทธกาล ได้ เถิด”
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More