ข้อความต้นฉบับในหน้า
“‘ยิ้มไปเถอะ ไปเถอะ ไปเถอะ พระอารามของพระองค์ท่านอยู่ตรงนี้เอง’ โชติปาละกล่าวตอบว่า ‘อย่าเลย เราไม่เห็นประโยชน์อะไรนักที่จะเห็นสมมะโนะ สูให้เถี่ยงจะสนุกเลี่ยงกว่า’ ชูภาภรณ์ก็บอกว่า ‘มีประโยชน์ซิ เพราะเราจะเห็นสมมะโนะเป็นมงคลไปกันเถอะ’ โชติปาละก็ปฏิเสธ ชูภาภรณ์จึงเดินเข้าไปจับมือของโชติปาละ โชติปาละสะบัดมือออก อีกก็ภรรยาริมาไม่แคะความพยายามหนามแดงมวลผม พร้อมกับกล่าวซ้ำอีก คำว่า โชติปาละรู้สึกขัดใจขึ้นมาทีเดียว ‘เฮอะ ทำไมต้องสงสัยมวลผมกันด้วยละ สมมะโนะนี้มีดีอย่างไรหรอ ท่านจงอธิบายให้ฟังด้วยเถิด’ และชูภาภรณ์แก้ไขความดีในสมมะโนะโดยปกติแล้ว ชูภาภรณ์เป็นเพื่อนที่หวังดีคุณเขามาเสม่ย ไม่เลยทีจะชักนำไปในทางที่เสียหาย เขาเริ่มคิดว่า การที่มิ่งการชวนไปเถี่ยงพระในสมเด็จฯ ก็น่าจะเป็นการชักนำไปทางที่ดีอีกเช่นเคย ดังนั้นโชติปาละจึงอธิษฐานจะไปเถี่ยงพระเจ้าบาง เท่าที่จะไปเถี่ยงพระเจ้ามีขึ้นในทีต่างรองพระองค์ให้รวมเป็นพระรามแล้วก็อธิษฐานให้คงวัดอันเป็นวัดพระบรมสรี คำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ควรเคารพ การสนทนาโดยให้ผู้อื่นเป็นเครื่องปกป้อง คุ้มครอง รักษา อำนวยความสุขความสำเร็จแห่งชีวิตแต่บุคคลอันเป็นที่รักของเราข้ามพานชามชาติ ซึ่งวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ นี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญและโอกาสสุดท้ายของการทำหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่แล้ว”