ข้อความต้นฉบับในหน้า
ถึงพร้อมด้วยปฐมสัมผัสปกุณฑะ พระบรมศาสดาประทานพระบรมสัญลักษณ์มาให้ การบูชาแบบอิทธิปุณฑะนั้น ไม่ได้ลำดับขั้นตอนเหมือนการบูชในปัจจุบัน แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระดำรัสว่า "จงเป็นกิญญามีเดด" เท่านั้น เมื่อสิ้นพระดำรัส ผม หนวด และเครื่องนุ่มของผู้บวชก็ตรธานไป มีเครื่องอัฐบริขาร ได้แก่ บาตร สงฆ์ จีวร เป็นต้น บ่งเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์และบุญญาภิ-การที่ผู้บวชสร้างสมมาแต่ดีที่สุดชาติ ทำให้ผู้บวชเป็นประจักษ์พระเกตะที่มีพรษาถึง 100 พรรษา
เมื่ออุปสมบทแล้ว พระเศรษฐ์ทั้ง 8 ได้รับบาตุอาราธนาพระบรมศาสดาเสด็จสู่กุฏิซึ่ง ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพระราชา แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระดำรัสให้พระมหากัส-สาขาไปแทน เนื่องจากพระมหากัสสาขาเป็นพระกิฤยที่มีความรู้ความสามารถ ท่านจึงสามารถอธิบายธรรมะที่พระบรมศาสดากล่าวเพียงอ่อยๆ ให้ละเอียดได้ และสรูปเนื้อหาพระธรรมเทคนิค่ายๆ ออกมาเป็นหัวข้อย่อยๆ ได้ ทำให้ผู้ฟังเข้าใจธรรมะที่สั่งให้โดยง่าย ดังนั้น เมื่อท่านไปถึงกรุงอุสาหสันต์ ท่านจึงสามารถแสดงธรรมให้พระราชาทรงเลื่อมใสดังได้โดยง่าย และสามารถประดับฐานพระศาสนาในวันที่ได้สำเร็จทำให้ท้าวพระนครเจริญเรื่องไปด้วยผ้ากาสาวพัสตร์
ด้วยความสามารถนี้ ต่อมาพระบรมศาสดาจึงทรงยกองค์ว่ามีเป็นอุปทูคะ คือ เป็นลักษณะกว่ากิฤยทั้งหลายในด้านผัสสะนี้ความโดยยอให้พิสดาร นอกจากคุณสมบัติเด่นด้านนี้แล้ว พระมหากัสสาขายังมีคุณธรรมสูงส่ง มีศราวัตรที่วางลงงาม เป็นที่เคารพรักของมนุษย์และเทวา ดังจะเห็นได้ว่า เวลาที่ท่านสักการะครูพระอรหันต์ ก็จะทรงเข้าไปปฏุกาบรับใช้อย่างสองของท่าน แม้พระบรมศาสดายังทรงกลายของพระมหากัสสาขา ท่านกลางหมู่สูงมา "กิญญาทั้งหลาย ภิกษุผู้มีวาว" ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเป็นชายใส่บุตร
โลเฏะ มีบุตรวาระทึงผิวด่าง เป็นที่เคารพของมนุษย์และเทวา ดังจะเห็นได้ว่า เวลาที่ท่านสักการะครูพระอรหันต์ ก็จะทรงเข้าไปปฏุกาบรับใช้อย่างสองของท่าน แม้พระบรมศาสดายังทรงกลายของพระมหากัสสาขา ท่านกลางหมู่สูงมา "กิญญาทั้งหลาย ภิกษุผู้มีวาว" ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเป็นชายใส่บุตร
โลเฏะ มีบุตรวาระทึงผิวด่าง เป็นที่เคารพของมนุษย์และเทวา ดังจะเห็นได้ว่า เวลาที่ท่านสักการะครูพระอรหันต์ ก็จะทรงเข้าไปปฏุกาบรับใช้อย่างสองของท่าน แม้พระบรมศาสดายังทรงกลายของพระมหากัสสาขา ท่านกลางหมู่สูงมา "กิญญาทั้งหลาย ภิกษุผู้มีวาว" ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งเป็นชายใส่บุตร