สวดมนต์ ฉบับพุทธบริษัท ๔ : หน้า 30/62

ab สวดมนต์ ฉบับพุทธบริษัท ๔ ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า ๕. ธัมมาภิถุติ พระธรรมอันใด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๑.ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ๒.เป็น สิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ จึงเห็นได้ด้วยตนเอง ๓.เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และ ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ๔. เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด ๕.เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว 5. เป็นสิ่งที่ผู้รู้จะพึงรู้ได้เฉพาะตน ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น ข้าพเจ้านอบน้อมพระธรรมนั้น ด้วยเศียรเกล้า ๖. สังฆาภิถุติ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น หมู่ใด ๑.ปฏิบัติดีแล้ว ๒.ปฏิบัติตรงแล้ว ๓.ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว ๔.ปฏิบัติสมควรแล้ว ซึ่งได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับ เรียงกันได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละคือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ที่ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ ต้อนรับ ควรแก่การรับทักษิณาทาน เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี บุรุษ ๔ คู่ ได้แก่ ๑.โสตาปัตติมรรค ๒.โสดาปัตติผล ๓.สกิทาคามิมรรค ๔. สกิทาคามิผล ๕.อนาคามิมรรค 5.อนาคามิผล ๗.อรหัตตมรรค ๔.อรหัตตผล คําแปล ทําวัตรเช้า และเป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้น ด้วยเศียรเกล้า ๗. ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถา พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ พระองค์ใด มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด เป็นผู้ฆ่าบาปและอุปกิเลสของ โลกได้แล้ว ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ พระธรรมของพระศาสดาพระองค์นั้น สว่างรุ่งเรืองเปรียบ ดวงประทีป พระธรรมใดเป็นโลกุตตระ จำแนกประเภทเป็น มรรค ผล นิพพาน และพระธรรมซึ่งแสดงเนื้อความแห่งโลกุตตระนั้น ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้นโดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ พระสงฆ์ใดเป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย เป็นผู้เห็นพระนิพพาน ตรัสรู้ตามพระสุคตเจ้า ละความโลเลได้แล้ว เป็นพระอริยบุคคล มีปัญญาดี ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้นโดยใจ เคารพเอื้อเฟื้อ บุญใดที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้วัตถุทั้งสาม คือพระรัตนตรัย อันควร บูชายิ่งโดยส่วนเดียว ได้กระทำแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้ เพราะความ ศักดิ์สิทธิ์แห่งอานุภาพของบุญนั้น ขออุปัทวะ (ความชั่ว) ทั้งปวง จงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าเลย ๕๗