วัดมเหยงคณ์
วัดมเหยงคณ์วัดไทย ในจังหวัดพระนครศรีอยุทธยา
ณ แดนทุ่งทหารกล้าหันตรานี้ คือธานีอโยธยาราชาสร้างพระจอมจักรเจ้าอโศกทรงนำทาง เป็นแบบอย่างบรมกษัตริย์ขัดติยามเหยงคณ์ร่มเย็นเป็นวัดใหญ่ สามสมัยกาลผ่านนานหนักหนาอโยธยาอยุทธเยศกรุงเทวา พุทธศาสตร์คู่หล้าคู่ฟ้าไทยวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อย่างเข้าสู่ตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาราชธานีเก่าของไทย สัมผัส แรกที่ได้เห็นคือวัดวาอารามเก่าแก่ ซากปรักหักพังที่แสดงถึงการผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาเนิ่นาน นับตั้งแต่ครั้งที่ไทยเรารับพระพุทธศาสนามาจากดินแดนมัธยะประเทศ เมื่อครั้งพระเจ้าอโศกมหาราชทรงเผยแพร่พระสัจธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้ามายังดินแดนแถบนี้เมื่อถึงเจดีย์วงเวียนวัดสามปลื้ม เลี้ยวอ้อมขวาตามวงเวียนไปราวหนึ่งกิโลเมตรจะเข้าสู่ทุ่งหันตราหรือทุ่งทหาร กล้าในเขตอโยธยาตอนเหนือ ภาพเบื้องหน้าคือวัดมเหยงคณ์ พระอารามหลวงฝ่ายอรัญนิวาศรีสมัยอโยธยา จากบันทึกในพงศาวดารต่างๆ และจากการขุดค้นศึกษาของกรมศิลปากรพบว่า วัดมเหยงคณ์สร้างในสมัยอโยธยาโดยพระนางกัลยาณี ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าสามพระยา ต่อมาสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ได้มีการปฏิสังขรณ์ทั้งพระอาราม พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาตั้งพระตำหนักเพื่อทรงควบคุมการก่อสร้างใหม่ ซึ่งใช้เวลาถึงสามปีจึงแล้วเสร็จ ได้มีงานฉลองถวายทานพระภิกษุสงฆ์จำนวน 1,000 รูปผนังก่ออิฐแดงดูเด่นสง่าแต่ไกล และเจดีย์ขนาดใหญ่หลายองค์สิ่งที่สายตาสัมผัสเมื่อแรกเห็นคือผนังก่ออิฐแดงดูเด่นสง่าแต่ไกล และเจดีย์ขนาดใหญ่หลายองค์ ที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่อลังการณ์แต่ครั้งเก่าก่อน ทางเข้าปัจจุบันนี้ซึ่งแต่ก่อนถือเป็นด้านหลังวัดมีความร่มรื่นด้วยแมกไม้ สายน้ำที่สงบนิ่งจากสระสองฝากถนน เมื่อก้าวผ่านซุ้มประตูจะเป็นฉนวนเข้าสู่พระอุโบสถ ฉนวนซึ่งเป็นกำแพงอิฐสูงเมตรเศษ ทางเดินปูลาดด้วยอิฐลายก้างปลาให้ความร่มรื่นและรู้สึกเย็นฉ่ำเพราะตะไคร่ น้ำที่ขึ้นอยู่ประปรายพระอุโบสถ(ด้านใน) เป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูนพระอุโบสถ ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูน ขนาด 9 ห้อง มีความกว้าง 17 เมตร ยาว 35 เมตร 50 เซนติเมตร ตั้งอยู่บนฐานสูงสองชั้นนลดหลั่นกัน ถือเป็นพระอุโบสถที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดเก่าในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีแท่นฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปสองฐาน แต่พระพุทธรูปของเดิมชำรุดแตกพังไม่มีชิ้นดีแล้วผนังด้านนอกอุโบสถมีมุขเด่นยื่นออกมาทั้งหน้าหลังผนังด้านนอกอุโบสถมีมุขเด่นยื่นออกมาทั้งหน้าหลัง มีใบเสมาหินสีเขียวเทาล้อมรอบทั้งแปดทิศ แต่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เพียงใบเดียว ด้านหลังของพระอุโบสถด้านทิศตะวันตกมีเจดีย์ประธานทรงระฆังตั้งอยู่บนฐาน เขียวทรงกลมสามชั้นและฐานทักษิณทรงสี่เหลี่ยมจัตตุรัส มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ทิศ รอบฐานเจดีย์มีช้างโผล่ครึ่งตัวซุ้มจรนำรอบฐานทักษิณ ด้านละ 20 ตัว รวม 80 ตัวเจดีย์ช้างล้อมเจดีย์ช้างล้อม เป็นเจดีย์แบบเดียวกับที่ศรีสัชนาลัยสุโขทัยซึ่งได้รับอิทธิพลมา จากลังกา ช้างแต่ละหัวมาจากช่างต่างคนกันเพราะมีรูปลักษณ์ที่ต่างกันอย่างสังเกตได้ ถัดออกมามีเจดีย์ทั้งสี่องค์และเจดีย์รายที่เรียงรายอยู่รอบพระอุโบสถอยู่ หลายองค์ในส่วนของสังฆาวาสเป็นที่สงบร่มเย็น งดงามด้วยกุฏิไม้สักและอาคารต่างๆ ที่จำเป็น มีอาคารปฏิบัติธรรมซึ่งมีผู้มาทำภาวนาทุกวัน ทั้งมาเช้ากลับเย็นและมาอยู่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่เคยว่างเว้นจากผู้ปฏิบัติธรรมเลย บางโอกาสก็นั่งใต้โคนไม้บ้าง รอบสระน้ำบ้าง นอกจากนั้นยังมีอาคารต่างๆ ที่สร้างให้กลมกลืนกับบรรยากาศธรรมชาติ เช่น สร้างเป็นถ้ำ เป็นศาลา แม้กระทั่งห้องน้ำห้องส้วมก็สร้างอิงแบบธรรมชาติ มีเรือนสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมตั้งอยู่ด้านตรงข้ามกับเขตสังฆาวาส โดยมีคลองและถนนคั่นอยู่สถานที่แห่งนี้ไม่เคยว่างเว้นจากผู้มาปฏิบัติธรรมเลยวัดมเหยงคณ์ จึงเป็นที่เย็นกายเย็นใจของผู้ได้มาถึง เสมือนได้เข้าสู่มหานครโบราณ ที่สงบร่มเย็นทั้งด้วยบรรยากาศธรรมชาติและด้วยธรรมะปฏิบัติ ที่พระอาจารย์ท่านพระครูเกษมธรรมทัต ได้อบรมให้อยู่เสมอ
http://goo.gl/4eoQP