พุทธานุภาพไม่มีประมาณ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นปราชญ์ ขวนขวายในฌาน ยินดีแล้วในธรรมที่เข้าไปสงบระงับ ด้วยสามารถแห่งการประพฤติพรหมจรรย์ แม้เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ก็ย่อมรักใคร่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีสติเหล่านั้น https://dmc.tv/a8061

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมะเพื่อประชาชน
[ 9 ก.ย. 2553 ] - [ ผู้อ่าน : 18295 ]
พุทธานุภาพไม่มีประมาณ
 

 
     บนเส้นทางการสร้างบารมีในสังสารวัฏ เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายปลายทาง คืออายตนนิพพานนั้น เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับคน สัตว์ และสิ่งของ หากเรามั่นคงในเป้าหมาย มีมโนปณิธานอุดมการณ์ที่ชัดเจน ก็จะไม่ไปมัวเมายึดติดในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ไม่หลงใหลในเบญจกามคุณ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ที่มากระทบใจ ซึ่งเป็นเหยื่อล่อให้เราห่างเหินจากการสร้างบารมี การปฏิบัติธรรมด้วยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง เป็นวิธีการกลั่นใจให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ใจที่ผ่องใสจะทำให้เรามองเห็นโลก และชีวิตไปตามความเป็นจริง เราจะทุ่มเทสร้างบารมีกันอย่างเต็มที่จนกว่าจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทาง
 
     มีวาระพระบาลีใน ธรรมบท ขุททกปาฐะ ว่า
 
          “เย ฌานปสุตา ธีรา     เนกฺขมฺมูปสเม รตา
           เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ    สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ
 
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นปราชญ์ ขวนขวายในฌาน ยินดีแล้วในธรรมที่เข้าไปสงบระงับ ด้วยสามารถแห่งการประพฤติพรหมจรรย์ แม้เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ก็ย่อมรักใคร่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีสติเหล่านั้น”
 
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในภพทั้งสาม ตั้งแต่กามภพ รูปภพ อรูปภพ รู้ไปถึงอายตนนิพพานซึ่งเป็นโลกุตระ เป็นสภาวะที่มีธรรมธาตุที่บริสุทธิ์ล้วนๆ เป็นสุขอย่างเดียว ไม่มีทุกข์เจือปนเลย ทรงรู้ทั้งเรื่องราวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำอะไรไว้ หรือกรรมที่เราทำไว้ในปัจจุบันนี้ จะส่งผลเป็นวิบากอย่างไรบ้าง พระองค์จึงได้ชื่อว่าเป็นสัพพัญญูพุทธเจ้า คือ รู้ทุกอย่างด้วยอานุภาพของพุทธญาณ ที่แผ่ขยายครอบคลุมไปทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล
 
     พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ตื่น คือ ตื่นแล้วจากความหลับ ตื่นจากกิเลสอาสวะที่ครอบงำจิตใจ ไม่มีความมืด คือ อวิชชามาปิดบังดวงปัญญา ทรงเบิกบานแล้ว เหมือนดอกบัวที่ชูช่อขึ้นเหนือน้ำ เบ่งบานรับแสงอรุโณทัยในยามเช้า ทรงมีพระทัยแช่มชื่นเบิกบานตลอดเวลา ใครได้เข้าใกล้ย่อมได้รับความชุ่มเย็น และสัมผัสได้ถึงกระแสแห่งความเมตตาอันไม่มีประมาณของพระพุทธองค์
 
     * สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาทรงใช้บุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือระลึกชาติหนหลัง ไปตรวจดูในสมัยของ พระสิขีพุทธเจ้า ว่าสามารถพาเหล่าสาวกเสด็จขึ้นไปพรหมโลกด้วยกายเนื้อได้อย่างไร และทรงเล่าเรื่องนี้ให้เหล่าภิกษุสงฆ์ได้รับฟังกัน เรื่องมีอยู่ว่า
 
     นับแต่กัปนี้ถอยหลังไป ๓๑ กัป  เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิขี ประทับอยู่ที่อรุณวดีนคร เช้าตรู่ของวันหนึ่ง ทรงนำหมู่ภิกษุสงฆ์จำนวนมาก เข้าไปบิณฑบาตที่อรุณวดีนคร ขณะที่ประทับยืนใกล้ซุ้มประตูพระวิหาร ก่อนจะเข้าไปบิณฑบาตในเมือง ทรงเรียกพระอัครสาวกนามว่า อภิภู พลางตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุ ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้ามืดอยู่ ยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปบิณฑบาต พวกเราไปพรหมโลกชั้นใดชั้นหนึ่งก่อน แล้วค่อยออกบิณฑบาต“
 
     พระอภิภูอัครสาวก รับพระพุทธดำรัสของสิขีพุทธเจ้า และด้วยฤทธานุภาพของพระอรหันต์ ท่านได้หายตัวไปปรากฏบนพรหมโลก ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เหมือนบุรุษผู้มีกำลังเหยียดแขนที่คู้เข้า หรือคู้แขนที่เหยียดออก ท้าวมหาพรหมได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดีใจ ทำการต้อนรับปฏิสันถาร ด้วยการอาราธนาให้ประทับนั่งบนบัลลังก์ จากนั้นพรหมทั้งหลายต่างช่วยกัน เนรมิตอาสนะที่เหมาะสมถวายพระเถระ ทั้งมหาพรหม และเหล่าพรหมบริวาร รวมทั้งพรหมชั้นปาริสัชชามากมาย พากันเข้ามากราบนมัสการ นั่งแวดล้อมเพื่อรอฟังธรรมจากพระพุทธองค์
 
     พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้แสดงธรรมเอง ทรงรับสั่งให้พระอภิภูอัครสาวก ทำหน้าที่แสดงธรรมแทนพระองค์ ขณะที่พระเถระเริ่มจะแสดงธรรม พวกพรหมเป็นจำนวนมากต่างแสดงอาการไม่พอใจ เพราะคิดว่านานๆ จะได้เห็นพระบรมศาสดาเสด็จขึ้นมาบนพรหมโลก แต่ภิกษุนี้กีดกันพระบรมศาสดา เตรียมจะแสดงธรรมิกถาเอง  พระบรมศาสดาทรงรู้ว่าพวกพรหมไม่พอใจ จึงตรัสบอกพระอภิภูเถระว่า
 
     “ดูก่อนภิกษุ พวกพรหมเกิดความไม่พอใจ มีทิฐิมานะ พากันดูหมิ่นเธอผู้กำลังจะแสดงธรรม เธอจงทำให้พรหมเหล่านั้นสลดใจเกินประมาณเถิด"
 
     พระเถระรับพระพุทธดำรัสแล้ว ได้แสดงฤทธิ์หลายอย่าง ซึ่งล่วงอานุภาพของพรหมทั้งหลาย พระเถระได้เข้านีลกสิณ แผ่ความมืดมนอนธการไปทั่วทิศ ทั้งๆ ที่บนพรหมโลกนั้นมีแต่ความสว่างไสว โดยเฉพาะรัศมีกายของพรหมแต่ละตน ก็สว่างไม่มีประมาณ แต่ความมืดนั้น ก็สามารถกลบแสงสว่างของพรหมทั้งหมด ทำให้มหาพรหมตกอกตกใจกลัวความมืดที่เข้ามาปกคลุม พระเถระรู้ว่าพรหมกลัวความมืด จึงแสดงแสงสว่างให้สว่างกว่ารัศมีของพรหมทั้งหมด จากนั้นท่านได้แสดงตน ให้พรหมเห็นในอานุภาพของท่านว่า ขณะนี้ทั้งมนุษย์และเทวดาทุกสวรรค์ชั้นฟ้าในพันจักรวาล ต่างพากันยืนประคองอัญชลีนมัสการพระเถระเพียงรูปเดียวเท่านั้น
 
     พระเถระได้อธิษฐานว่า ขอให้มหาชน จงได้ยินเสียงของเราผู้แสดงธรรม ขณะที่แสดงธรรมนั้น เหล่าเทวดา และมนุษย์ทั้งหลายต่างได้ยินเสียงของพระเถระ เสมือนพระเถระนั่งแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัทที่เงียบสงบ พวกพรหมเห็นดังนั้น ต่างบังเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในอานุภาพของพระอัครสาวก จึงตั้งใจสดับธรรมะจากท่าน จนบรรลุธรรมกันมากมาย จากนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยอัครสาวก ก็อันตรธานจากพรหมโลก เสด็จกลับลงมายังอรุณวดีนคร เพื่อเสด็จไปบิณฑบาตตามปกติ
 
     หลังจากพระบรมศาสดาตรัสเล่าเรื่องนี้แล้ว พระอานนท์เถระคิดว่า อัครสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิขี ยืนอยู่บนพรหมโลก เปล่งรัศมีออกจากสรีระกำจัดความมืดมนอนธการในพันจักรวาล อีกทั้งแสดงธรรมิกถาให้เทวดา และมนุษย์ได้ยินเสียงของตนได้ แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้บำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ ทรงบรรลุสัพพัญญุตญาณ จะเปล่งพระสุรเสียงไปได้ไกลเท่าไร  คิดดังนั้นแล้ว ท่านจึงทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า
 
     พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ ตถาคตเมื่อประสงค์อยู่ ก็พึงยังโลกธาตุชื่อว่าติสหัสสี และมหาสหัสสี ให้ได้ยินสุรเสียงตามที่ปรารถนาได้ ดูก่อนอานนท์ คำถามของเธอนั้นเปรียบเหมือนกับ เอาโพรงของต้นตาลไปเทียบกับอวกาศที่เวิ้งว้าง หาที่สุดมิได้ เหมือนกับเอานกนางแอ่นไปเทียบกับพญาครุฑ ที่บินได้วันละ ๑๕๐ โยชน์ เหมือนกับเอาน้ำในงวงช้าง ไปเทียบกับน้ำในแม่น้ำมหาคงคา เหมือนกับเอาน้ำในหลุมกว้างยาว ๘ ศอก ไปเทียบกับสระทั้ง ๗ ในป่าหิมพานต์ เหมือนกับเอาคนที่มีรายได้เพียงข้าวสาร ๑ ทะนาน ไปเทียบกับสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ เหมือนกับเอาปีศาจคลุกฝุ่นไปเทียบกับท้าวสักกเทวราช และเหมือนกับเอาแสงสว่างของหิ่งห้อย ไปเทียบกับแสงสว่างของพระอาทิตย์ ดูก่อนอานนท์ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย มีอานุภาพหาประมาณมิได้อย่างนี้แล“
 
     เนื่องจากพระอานนท์เป็นผู้ใฝ่รู้ จึงทูลถามต่อไปว่า โลกนี้ไม่เสมอกัน จักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด พระอาทิตย์ขึ้นที่หนึ่ง เที่ยงวันที่หนึ่ง ตกที่หนึ่ง ปฐมยาม มัชฌิมยาม ปัจฉิมยาม ก็มีในที่หนึ่ง หมู่สัตว์ทั้งหลายก็มัวขวนขวายในการทำงาน สนใจในการละเล่น แสวงหาอาหาร  เพราะฉะนั้น หมู่สัตว์มัวแต่ฟุ้งซ่าน และประมาท แล้วพระองค์จะยังสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ให้ได้ยินพระสุรเสียงได้อย่างไร
 
     พระบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่า ที่ใดมีพระอาทิตย์ปรากฏ ที่นั้นพระองค์ก็สามารถ ทำให้พระอาทิตย์อยู่ภายใต้อานุภาพของพระองค์ได้ ที่ใดที่พระอาทิตย์ไม่ปรากฏ พระองค์จะทำให้พระอาทิตย์ปรากฏอยู่ท่ามกลางก็ได้  เมื่อมนุษย์มัวครุ่นคิด มัวแตกตื่นสงสัยในเหตุผิดธรรมชาติ นึกถึงความมืดความสว่างอยู่ พระบรมศาสดาทรงเข้านีลกสิณ แผ่ความมืดออกไป เพื่อให้หมู่สัตว์เกิดความสะดุ้ง  เมื่อหมู่สัตว์มัวสะดุ้งหวาดกลัวอยู่นั้น ก็ทรงเข้าโอภาสกสิณสมาบัติ ทรงเปล่งพระพุทธรัศมีเป็นลำแสงสีขาว ทรงบันดาลให้ที่ทุกแห่งมีแสงสว่างเป็นอันเดียวกัน เพียงแค่เปล่งพระรัศมีอย่างเดียวเท่านั้น ก็เป็นเหมือนเวลาที่พระจันทร์ และพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันเป็นพันๆ ดวง จากนั้นก็แสดงธรรมให้สรรพสัตว์ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ และแสนโกฏิจักรวาลได้ยินพร้อมกันหมด
 
     พระตถาคตเจ้าของเราทรงมีอานุภาพไม่มีประมาณอย่างนี้ เป็นอจินไตยเกินกว่าการนึกคิดคาดเดาของมนุษย์ และเทวา แต่กว่าที่พระองค์จะมีพุทธานุภาพที่ไม่มีใครเปรียบปานนี้ ต้องสร้างบารมีมาอย่างน้อย ๒๐ อสงไขย ๑๐๐,๐๐๐ มหากัป ทุ่มเทชีวิตจิตใจ ไม่เคยย่อท้อแม้แต่ภพชาติเดียว โลกนี้ที่ดูเหมือนกว้างใหญ่ไพศาล แต่มหากรุณาของพระองค์นั้น กว้างไกลเกินกว่าจักรวาลมากนัก ประวัติการสร้างบารมีของพระองค์จึงเป็นสิ่งที่เราควรศึกษา และยึดพระองค์เป็นแบบอย่างในการสร้างบารมี เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม 
 
     เพราะฉะนั้น ให้หมั่นตรึกระลึกนึกถึงพระพุทธคุณกันให้มากๆ ตั้งใจสร้างบารมีตามอย่างพระพุทธองค์ ให้หมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงเนื้อแท้ของพุทธะภายใน คือ เข้าถึงพระธรรมกายในตัวให้ได้กันทุกคน

พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. จูฬนีสูตร เล่ม ๓๔ หน้า ๔๓๓
   

http://goo.gl/LVX8t


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - อานิสงส์ทำบุญทอดกฐิน
      หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
      โสฬสญาณ
      เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
      พระอรหันต์รู้ได้ยาก
      ความวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา
      พระอรหันต์มีจริง
      พระอริยเจ้า
      ผลแห่งการชวนคนมารู้จักพระรัตนตรัย
      คนดีที่โลกต้องการ
      นักสร้างบารมีพันธุ์อาชาไนย
      เวสารัชชธรรม ๔
      ต้นแบบแห่งความดี




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related