อานิสงส์ให้ข้าวสุนัขกิน

พ่อค้าเห็นสุนัขแสดงอาการดีใจ ตนเองก็รู้สึกเบิกบานใจ จึงตั้งความปรารถนาว่า “เกิดภพใดชาติใด ด้วยบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ข้าวสาลีอันสะอาดอย่างดี คลุกด้วยเนื้อมีรสอร่อยและน้ำมันเนย อีกทั้งขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ” https://dmc.tv/a12114

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ธรรมะเพื่อประชาชน
[ 7 ก.ย. 2554 ] - [ ผู้อ่าน : 18468 ]
อานิสงส์ให้ข้าวสุนัขกิน
 

 
     สังขารร่างกายต้องอาบนํ้าชำระให้สะอาดผ่องใสทุกวัน ฉันใด  จิตใจของเราที่ต้องเผชิญกับอารมณ์ภายนอกและกิเลสที่อยู่ในจิตใจ ทำให้ใจเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ย่อมต้องอาศัยบุญกุศลเป็นเครื่องชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใสทุกวันฉันนั้น บุญจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องแสวงหาและหมั่นสั่งสมทุกๆ วัน โดยเฉพาะบุญที่เกิดจากการเจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา ฝึกใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗  เป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตมาก เพราะจะเป็นบุญที่ทำให้เราเข้าถึงความบริสุทธิ์ และความสุขที่แท้จริงได้
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน มนาปทายีสูตร อังคุตตรนิกาย ว่า
 
“มนาปทายี  ลภเต  มนาปํ
ผู้มีปกติให้ของที่ชอบใจ  ย่อมได้ของที่ชอบใจ”
 
     การให้ เป็นการเริ่มต้นของการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งๆ ขึ้น จากความยากจนเป็นความรํ่ารวย  จากคนตระหนี่ให้เป็นทานบดี จากปุถุชนให้เป็นอริยชน จากคนที่ไม่เป็นที่รักของใคร ให้เป็นที่รักของคนทั้งหลาย  โดยเฉพาะผู้ให้ของที่ถูกใจ ย่อมเป็นที่ชอบใจของผู้รับ  ดังเช่นพระติสสะเถระผู้อยู่ในวิหารปูวบรรพต เรื่องมีอยู่ว่า
 
     * ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ทรงอุบัติขึ้นในโลก ชาวบ้านชนบทคนหนึ่ง มีอาชีพค้าขายผงมโนศิลา คือผงกำมะถันสีแดงตามหมู่บ้านต่างๆ  วันหนึ่งพ่อค้าได้ออกไปขายผงมโนศิลาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งตั้งแต่เช้า  ขณะที่กำลังเดินขายของด้วยความหิวเพราะยังไม่ได้กินอาหารเช้า ขณะนั้นเองหญิงสาวคนหนึ่งเรียกเขาเข้าไปเพื่อจะซื้อของ พ่อค้าจึงถือโอกาสขอข้าวกับหญิงสาวนั้น นางได้เตรียมข้าวสาลีกับแกงเนื้อและน้ำมันเนยหอมให้เขา  ในขณะเดียวกันสุนัขหิวโซตัวหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพ่อค้า  ด้วยความกรุณา เขาได้แบ่งข้าวก้อนใหญ่คลุกแกงและน้ำมันให้กับสุนัขนั้น เมื่อสุนัขกินข้าวแล้วแสดงอาการดีใจ ยืนกระดิกหางอยู่ตรงหน้าเขา
 
     พ่อค้าเห็นสุนัขแสดงอาการดีใจ ตนเองก็รู้สึกเบิกบานใจ จึงตั้งความปรารถนาว่า “เกิดภพใดชาติใด ด้วยบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าพึงได้ข้าวสาลีอันสะอาดอย่างดี คลุกด้วยเนื้อมีรสอร่อยและน้ำมันเนย  อีกทั้งขอจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ” ด้วยบุญนั้น เมื่อพ่อค้าละโลกก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติอันยิ่งใหญ่สิ้นพุทธันดรหนึ่ง ครั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในมนุษยโลกอีก ๕๐๐ ชาติ
 
     หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าดับขันธปรินิพพานไปแล้ว  ท่านได้ถือกำเนิดในตระกูลหนึ่งในหมู่บ้านปูวคัลลกะ มารดาบิดาตั้งชื่อว่า ติสสะ ซึ่งแปลว่า ผู้รักษาวงศ์ตระกูลของตน  เมื่อเจริญวัยขึ้น ท่านได้ฟังธรรมเกี่ยวกับทุกข์โทษในฆราวาสและอานิสงส์ของการบรรพชา จึงสละทรัพย์สมบัติ  เข้าไปยังปูวคัลลกวิหารเพื่อขอบรรพชา  เมื่อบรรพชาอุปสมบทแล้ว ท่านตั้งใจบำเพ็ญเพียรไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตผล ท่านเป็นผู้มีปัญญามากเป็นที่รวมแห่งคลังปริยัติ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศลังกา
 
     ทุกครั้งที่บิณฑบาต ท่านได้รับสาลีกับแกงเนื้อที่มีรสเลิศและนํ้ามันเนยหอมเสมอ กระทั่งพระเถระอายุได้ ๖๐ พรรษา บุตรอำมาตย์ผู้หนึ่งเกิดความคิดขึ้นว่า “คนส่วนใหญ่พากันลือว่า ข้าวสาลีกับแกงเนื้อและน้ำมันเนยหอมเกิดขึ้นกับพระเถระรูปนี้เป็นนิตย์  เราจะต้องทดสอบเรื่องนี้ดูว่าเป็นจริงหรือไม่”  คิดดังนั้นแล้วจึงพูดกับภรรยาว่า “นางผู้เจริญ พรุ่งนี้ฉันอยากถวายทานแด่พระติสสะเถระที่อยู่วิหารปูวบรรพต  เธอจงหุงข้าวยาคูผสมข้าวสาร  เมื่อใกล้เวลาเพลเธอจงถวายข้าวผสมกับแกงผักตามด้วยน้ำผักดอง”  ครั้นรุ่งอรุณเขารีบไปวิหาร และได้นิมนต์พระเถระด้วยตนเอง จากนั้นท่านก็ไปทำธุระที่อื่นต่อไป
 
     เทวดาที่สิงอยู่ในเรือนของบุตรอำมาตย์นั้น ได้ยินคำพูดของบุตรอำมาตย์ที่ปรึกษากับภรรยาจึงคิดว่า “บุตรอำมาตย์นี้ไม่รู้ถึงผลบุญที่พระเถระรูปนี้ได้ทำไว้ในกาลก่อน  ซึ่งไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้” จากนั้นได้แปลงตัวเป็นคนแก่ถือข้าวสาลี เนื้อนกยูงและหม้อน้ำมันเนยไปที่บ้านหลังนั้น  เมื่อนางถามว่า “นี่ลุงนำเครื่องประกอบอาหารนี้มาจากไหน”
 
     เทวดาตอบว่า “แม่หนู สามีของเธอเห็นฉันแล้วพูดว่า ลุง วันนี้ฉันนิมนต์พระติสสะเถระ ท่านจงรับเครื่องประกอบอาหารนี้ไปให้แม่บ้านของฉันปรุงอาหารด้วยเครื่องประกอบนี้  แล้วนิมนต์ให้พระเถระฉันอาหารนี้ด้วย”  นางฟังดังนั้น ก็รีบปรุงข้าวสาลีพร้อมด้วยเนื้ออย่างดี  และเมื่อพระเถระมารับบาตร นางก็นิมนต์ให้นั่ง จากนั้นได้ถวายภัตตาหารที่ปรุงจากข้าวสาลี เนื้อนกยูงและนํ้ามันเนยหอมแด่พระเถระ  ครั้นพระเถระทำภัตกิจแล้วก็กลับไปยังวิหาร
 
     ฝ่ายบุตรอำมาตย์กลับถึงบ้านก็ถามภรรยาว่า “เธอถวายข้าวแด่พระเถระแล้วหรือ”  นางตอบว่า “ได้จัดข้าวสาลีกับเครื่องประกอบอาหารที่ท่านส่งมาถวายแด่พระเถระแล้ว”  บุตรอำมาตย์ถามว่า “นางผู้เจริญ ฉันไม่ได้ส่งอะไรมา ข้าวสาลี เนื้อนกยูง นํ้ามันเนยหอมนั้นใครเป็นคนส่งมาให้”  หลังจากนางเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เขารู้ทันทีว่า คงเป็นการกระทำของเทวดาด้วยอานุภาพบุญของพระเถระ กุศลวิบากของบุญที่ทำไว้แล้ว ไม่มีใครห้ามได้จริงๆ ทำให้เขาเกิดปีติเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และต่อมาก็ได้เป็นทานบดีผู้ใจบุญได้อุปัฏฐากภิกษุสามเณร  และได้ตั้งใจทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาตลอดมาอย่างสม่ำเสมอ
 
     เมื่อถึงวาระที่พระเถระนอนบนเตียงซึ่งเป็นที่ปรินิพพาน ท่านให้ตีกลองประกาศในวิหาร เพื่อให้ภิกษุทั้งหลายประชุมกันรับรู้การปรินิพพานของท่าน  และเมื่อเหล่าภิกษุมาประชุมพร้อมกันต่างถามถึงบุพกรรมของท่านว่า “พระคุณท่านทำบุญไว้มาก  ความเป็นผู้มีบุญของท่านได้ขจรขจายไปทั่วทวีปลังกา  ผลแห่งบุญนี้เกิดด้วยกรรมอะไร”  พระเถระได้ประกาศกรรมที่ท่านทำไว้ในอดีต จากนั้นก็ให้โอวาทแก่ภิกษุทั้งหลาย เมื่อจบการให้โอวาทจึงปรินิพพานท่ามกลางหมู่สงฆ์  เมื่อมหาชนได้ฟังบุพกรรมของพระเถระแล้ว ต่างพากันทำบุญมีการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นต้น เมื่อละโลกมหาชนได้ไปเกิดในเทวโลกกันมากมาย
 
     การให้แม้เพียงเล็กน้อยแต่กลับมีผลน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง  หากเราให้สิ่งที่เราชอบใจและเขาก็ชอบใจด้วย เราจะเกิดปีติยินดีอย่างยิ่ง และหากเราตั้งจิตปรารถนาด้วยใจที่ปีติเบิกบาน  ย่อมได้รับผลตามที่ปรารถนานั้นทุกประการ  ยิ่งถ้าเราให้ทานอย่างประณีตให้อย่างต่อเนื่อง ความปีติเบิกบานใจย่อมมีตลอดเวลาไม่ขาดสาย ใจของเราจะมีความสุขความสบายใจ  ใจที่มีความสบายย่อมง่ายต่อการฝึกฝนให้หยุดนิ่ง ใจที่หยุดนิ่งถูกส่วน ณ ภายใน ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาตัวเราจากปุถุชนไปสู่ความเป็นอริยชน ดังเช่นพระติสสะเถระ
 
     ดังนั้น หลวงพ่อจึงอยากเชิญชวนให้ทุกคน หมั่นศึกษาและฝึกฝนเรื่องการสร้างบุญสร้างบารมีให้ถึงพร้อม ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา  จนเป็นอุปนิสัยที่ดีติดตัวไปทุกภพทุกชาติ  เราจะได้มีสมบัติใหญ่ ทั้งมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติและนิพพานสมบัติกันทุกคน จนถึงพร้อมด้วยบุญลักษณะทุกประการ สร้างบารมีได้มากและสะดวกสบายไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม ให้หมั่นทำความดีกันเถิด  สักวันหนึ่ง พวกเราจะรู้ถึงผลอันน่าอัศจรรย์ของการทำความดีด้วยตัวของเราเองอย่างแน่นอน 
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* หนังสือรสวาหินี ๒/๖๘
 
 

http://goo.gl/FIWcI


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - อานิสงส์ทำบุญทอดกฐิน
      หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
      โสฬสญาณ
      เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ปรากฏ
      พระอรหันต์รู้ได้ยาก
      ความวิเศษสุดของพระพุทธศาสนา
      พระอรหันต์มีจริง
      พระอริยเจ้า
      ผลแห่งการชวนคนมารู้จักพระรัตนตรัย
      คนดีที่โลกต้องการ
      นักสร้างบารมีพันธุ์อาชาไนย
      เวสารัชชธรรม ๔
      ต้นแบบแห่งความดี




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related