วันนี้เป็นวันสว่าง วันพระขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง เหลืออีก 1 วัน ก็ครบ 1 เดือนของการเข้าพรรษา พรรษาหนึ่งมี 3 เดือน เราเดินทางมาได้เกือบจะ 1 ใน 3 ของพรรษาแล้วนะ
พรรษานี้ชื่อว่า พรรษาแห่งการบรรลุธรรม หมายถึง ทุกคนจะต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมให้บรรลุธรรมให้ได้ ธรรมในที่นี้ก็คือพระในตัว อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ เพราะฉะนั้น พรรษานี้จึงได้ชื่อย่อ ๆ ว่า พระเห็นพระ เณรเห็นพระ โยมเห็นพระ เป็นพรรษาที่ทุกคนต้องเห็นพระ ไม่ใช่ ควร เห็นพระ แต่ ต้อง เห็นพระให้ได้ เพราะเราเหลือเวลาที่จะอยู่ในโลกมนุษย์นี้อีกไม่นานอย่าคิดเอาเองว่า เราจะมีอายุยืนถึงอายุเฉลี่ยของมนุษย์คือ 75 ปี ซึ่งความจริง อาจไม่ใช่อย่างนั้น อาจจะก่อนนั้น อาจจะเท่านั้น หรือเลยไปกว่านั้น แต่ที่เลยไปกว่านั้นหรือเท่านั้นในปัจจุบันก็มีไม่มาก ส่วนมากมักจะน้อยไปกว่านั้น และยิ่งบางคนร่างกายยังแข็งแรงอยู่ ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ป่วย ไม่ได้ไข้ ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุ อยู่ ๆ ก็ปุ๊บปั๊บเดินทางไปก่อนก็มีทุกชีวิต ทุกเพศ ทุกวัย มีสิทธิ์เดินทางไกลไปสู่ปรโลกได้เท่ากันเลย ไม่ใช่ว่าคนแก่จะต้องไปก่อน ไม่แน่ บางทีรุ่นเยาว์ไปก่อนคนแก่ก็มี เพราะทุกคนมีสิทธิ์ตายเท่ากันดังนั้นที่ใช้คำว่าเรามีเวลาอยู่ในโลกนี้อย่างจำกัดจึงเป็นคำที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นเราจะใช้เวลาอย่างจำกัดนี้อย่างไรให้มีคุณค่าที่สุด ให้ได้กำไรชีวิตมากที่สุด กำไรหรือขาดทุนชีวิต ผู้รู้เขาวัดกันที่ใครสั่งสมกุศลธรรมเอาไว้ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจทุกวันทุกคืนทุกเวลา ผู้นั้นได้ชื่อว่ามีกำไรชีวิต ถ้าใครสั่งสมบาปอกุศล ถือว่าขาดทุนชีวิต นี่คือมาตรฐานของท่าน ผู้รู้บัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลายแต่ผู้ไม่รู้ก็ว่ากันไปตามรสนิยม บางคนก็บอกว่าเราจะต้องหากำไรชีวิตด้วยการเมา เพราะเราจะมีโอกาสเมาอย่างประเสริฐนี้ได้สักกี่ครั้ง ฟังแล้วมึนเลย ไม่รู้เมาแบบไหนเมาอย่างประเสริฐ เราจะต้องเล่นการพนัน สนุกสนานเพลิดเพลิน สุรา นารี พาชี กีฬาบัตร ต้องครบถ้วนอย่างนี้ถึงจะเรียกว่าได้กำไรชีวิต นี่คือความเห็นของผู้ไม่รู้ คือไม่รู้อดีต ไม่รู้เรื่องปัจจุบัน แล้วก็ไม่รู้เรื่องอนาคต ไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรม ไม่รู้เรื่องราวชีวิตในสังสารวัฏ หรือความเป็นจริงของชีวิต เขาจึงวัดกำไรขาดทุนชีวิตด้วยวิธีดังกล่าวซึ่งแตกต่างจากบัณฑิตนักปราชญ์ที่ท่านสรุปมาว่า สิ่งใดที่ยังกุศลธรรมให้บังเกิดขึ้นด้วยกาย วาจา ใจ สิ่งนั้นคือกำไรชีวิต สิ่งใดที่ยังอกุศลธรรมให้บังเกิดขึ้นด้วยกาย วาจา ใจ สิ่งนั้นคือขาดทุนชีวิต
วันนี้เป็นวันพระ
เวลาที่เราเหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ ทำอย่างไรจะให้ได้กำไรชีวิตมากที่สุด ก็ต้องสั่งสมกุศลธรรม สั่งสมบารมี 10 ทัศ สั่งสมกุศลกรรมบถ 10 ประการ หรือจำง่าย ๆ ย่อ ๆ ก็คือ ทาน ศีล ภาวนา สามอย่างนี้ง่ายที่สุด ถ้าง่ายกว่านี้เข้าไปอีกก็คือ ทำพระในตัวให้บังเกิดขึ้น กระทั่งเห็นท่านชัดใสแจ่ม ทั้งหลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน หกคะเมนตีลังกาก็เห็นพระติดแน่นอยู่กลางกาย อย่างนี้จึงจะได้กำไรชีวิต
เราเกิดมาในโลกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หรืออย่างน้อยก็สั่งสมบุญบารมีให้แก่รอบ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ และมรรคผลนิพพานก็อยู่ในตัว ไม่ได้อยู่นอกฟ้า ป่าหิมพานต์ ตามป่า ตามเขา ตามห้วยหนองคลองบึงดวงดาวต่าง ๆ แต่อยู่ในตัว
เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่าพระนิพพานเป็นสิ่งที่หมดสมัยในการเข้าถึงนั้นไม่จริงเลย เพราะว่าพระนิพพานไม่ได้อยู่นอกโลก แต่อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน จึงเป็น อกาลิโก คือเหนือคำว่า สมัย อยู่พ้นกาลเวลาไปแล้ว หมายความว่า ถ้าใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วนเมื่อไรก็เข้าถึงเมื่อนั้น และไม่ได้ผูกขาดเฉพาะนักบวช หรือเฉพาะพระธุดงค์ ถ้าเป็นฆราวาสก็หมดสิทธิ์ แล้วยิ่งมายุคสมัยนี้ไฮเทคโนโลยี ยิ่งห่างไกลมรรคผลนิพพาน ความจริงไม่ใช่เลย เพราะจะไฮเทคแค่ไหนก็แล้วแต่ มรรคผลนิพพานก็ยังติดตามอยู่ในตัวของมนุษย์ หยุดเมื่อไรก็เข้าถึงเมื่อนั้น นี่คือวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ จะรู้หรือไม่รู้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ความจริงเป็นอย่างนี้
http://goo.gl/CNHWJo