ผู้ชี้ชะตาโลก

นับแต่โบราณมา มนุษย์เฝ้าเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติเพราะรู้สึกว่า ธรรมชาตินั้นช่างกว้างขวาง ยิ่งใหญ่เหลือคณามิอาจต้านทานได้ จนบางกลุ่มบางหมู่ถึงกับยกให้เป็นเทพเจ้า https://dmc.tv/a11120

บทความธรรมะ Dhamma Articles > แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
[ 1 มิ.ย. 2554 ] - [ ผู้อ่าน : 18262 ]
 
 
ผู้ชี้ชะตาโลก
 
 
          นับแต่โบราณมา  มนุษย์เฝ้าเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติเพราะรู้สึกว่า  ธรรมชาตินั้นช่างกว้างขวาง  ยิ่งใหญ่เหลือคณามิอาจต้านทานได้  จนบางกลุ่มบางหมู่ถึงกับยกให้เป็นเทพเจ้า เช่น พระพิรุณ  สุริยเทพ อัคนีเทพ เป็นต้น และว่าเป็นผู้ลิขิตชะตาของมนุษย์และโลก  จนเกิดเป็นลัทธิศาสนาเทวนิยมมากมาย
 
          แต่เมื่อ  พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นตรัสรู้ธรรมจึงทรงไขความกระจ่างให้รู้ว่า  ตัวตนภายในของมนุษย์นั้นมีความยิ่งใหญ่นัก  แท้จริงผู้กำหนดธรรมชาติ  กำหนดความเป็นไปของโลก รวมถึงชะตาของมนุษย์  ก็คือ  ตัวเรานั่นเอง  ดังที่พระองค์ตรัสไว้ใน  ธัมมิกสูตร ว่า
 
          ภิกษุทั้งหลาย  ในเวลาที่พระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม  แม้พวกข้าราชการก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม
 
          เมื่อข้าราชการไม่ตั้งอยู่ในธรรม  แม้พราหมณ์และคหบดีก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม
 
          เมื่อพราหมณ์และคหบดีไม่ตั้งอยู่ในธรรม  แม้ชาวนิคมและชาวชนบทก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรม
 
          เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทไม่ตั้งอยู่ในธรรม  ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็โคจร(หมุน) ไปไม่สม่ำเสมอ
 
 
 
        เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์  โคจรไปไม่สม่ำเสมอ
             เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์  โคจรไปไม่สม่ำเสมอ 
 
 
 
         เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์  โคจรไปไม่สม่ำเสมอ  หมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปไม่สม่ำเสมอ
 
         เมื่อหมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปไม่สม่ำเสมอ  คืนและวันที่หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ
 
         เมื่อคืนและวันที่หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ  เดือนหนึ่งและครึ่งเดือนก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ
 
         เมื่อเดือนหนึ่งและครึ่งเดือน  หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ ฤดูและปีก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ
 
         เมื่อฤดูและปีก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ  ลมก็พัดไปไม่สม่ำเสมอ  ลมพัดไปผิดทางไม่สม่ำเสมอ
 
        เมื่อลมพัดไปไม่สม่ำเสมอ  ลมพัดไปผิดทางไม่สม่ำเสมอ  พวกเทวดาก็ปั่นป่วน
 
        เมื่อพวกเทวดาปั่นป่วน  ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล
 
        เมื่อฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล  ข้าวกล้าทั้งหลายก็ออกรวงสุกไม่พร้อมกัน
 
        ภิกษุทั้งหลาย  มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวกล้าที่สุกไม่พร้อมกันย่อมมีอายุน้อย ๑  มีผิวพรรณไม่ดี ๑  มีกำลังไม่ดี ๑  มีความเจ็บป่วยมาก ๑
 
 
 
พระราชาผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรม
พระราชาผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรม 
       
       
 
        ในเวลาที่พระราชาตั้งอยู่ในธรรม  แม้พวกข้าราชการก็ตั้งอยู่ในธรรม
 
         เมื่อพวกข้าราชการก็ตั้งอยู่ในธรรม  แม้พราหมณ์และคหบดีก็ตั้งอยู่ในธรรม
 
         เมื่อพราหมณ์และคหบดีก็ตั้งอยู่ในธรรม  แม้ชาวนิคมและชาวชนบทก็ตั้งอยู่ในธรรม
 
         เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทก็ตั้งอยู่ในธรรม  ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็โคจรไปสม่ำเสมอ
 
         เมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็โคจรไปสม่ำเสมอ  หมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปสม่ำเสมอ
 
         เมื่อหมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปสม่ำเสมอ  คืนและวันก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอ
 
         เมื่อคืนและวันหมุนเวียนไปสม่ำเสมอ  เดือนหนึ่งและครึ่งเดือนก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอ
 
         เมื่อเดือนหนึ่งและครึ่งเดือนก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอ  ฤดูและปีก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอ
 
         เมื่อฤดูและปีก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอ  ลมพัดไปสม่ำเสมอ  พัดไปถูกทางไม่สม่ำเสมอ
 
         เมื่อลมพัดไปสม่ำเสมอ  พัดไปถูกทางไม่สม่ำเสมอ  พวกเทวดาก็ไม่ปั่นป่วน
 
         เมื่อพวกเทวดาไม่ปั่นป่วน  ฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล  ข้าวกล้าทั้งหลายก็ออกรวงสุกพร้อมกันหมด
 
          ภิกษุทั้งหลาย  มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวกล้าสุกพร้อมกันย่อมมีอายุยืน ๑  มีผิวพรรณผ่องใส ๑  มีกำลัง ๑  มีความเจ็บป่วยน้อย ๑
 
          เมื่อฝูงโคข้ามน้ำไป  ถ้าโคจ่าฝูงไปคดเคี้ยว  โคทั้งฝูงก็ไปคดเคี้ยวตามกัน
 
          ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน  ผู้ใดรับแต่งตั้งให้เป็นใหญ่  ถ้าผู้นั้นประพฤติไม่เป็นธรรมตามไปด้วย  ประชาชนชาวเมืองก็จะประพฤติไม่เป็นธรรมด้วย หากพระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม  ชาวเมืองนั้นก็อยู่เป็นทุกข์
 
          เมื่อฝูงโคข้ามน้ำไป  ถ้าโคจ่าฝูงไปตรง  โคทั้งฝูงก็ไปตรงตามกัน
 
          ในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน  ผู้ใดรับแต่งตั้งให้เป็นใหญ่  ถ้าผู้นั้นประพฤติไม่เป็นธรรมตามไปด้วย  ประชาชนชาวเมืองก็จะประพฤติตามไปด้วย หากพระราชาตั้งอยู่ในธรรม  ชาวเมืองนั้นก็อยู่เป็นสุข
 
 
 
เราคือผู้กำหนดควบคุมชะตาของโลกอย่างแท้จริง
เราคือผู้กำหนดควบคุมชะตาของโลกอย่างแท้จริง 
 
 
 
          สรุปได้ว่า  โลกทั้งใบขึ้นอยู่กับใจของเรา  ดังนั้นโลกนี้จะเป็นสุขน่าอยู่  หรือเป็นทุกข์ไม่น่าอยู่  ก็อยู่ที่การกระทำของเรา  นั่นเอง
 
          และยิ่งกว่านั้น  มนุษยชาติจะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ภายในตนได้  ก็ต่อเมื่อทำจิตให้หยุดนิ่ง  จนหลุดพ้นจากกรอบของโลกเข้าสู่ภายในพบกับตัวตนที่แท้จริงที่ใสสว่าง  สะอาดบริสุทธิ์เป็นอิสระจากกิเลสอาสวะใดๆ  เมื่อนั้นเราจะตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของกายมนุษย์ว่า  เราคือผู้กำหนดควบคุมชะตาของโลกอย่างแท้จริง  ดังนี้
 
 
แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า  53 - 57
 
 

http://goo.gl/f53p9


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      อานิสงส์การจุดประทีปเป็นพุทธบูชา : ตอน พระอนุรุทธเถระผู้มีจักษุทิพย์
      เพราะบูชาพระเจดีย์จึงมีรัศมีสว่างไสว บูชาด้วยดอกไม้แปดดอก
      พระปัญจทีปทายิกาเถรี กับอานิสงส์บูชาพระเจดีย์จึงมีทิพยจักษุ
      พระอุปวาณเถระ กับอานิสงส์การบูชาพระเจดีย์
      พระมหากัสสปะเถระ กับอานิสงส์สร้างพระสถูปเจดีย์
      บุญ คือ อะไร ?
      ศีลดี คือ อะไร ?
      เมื่อสวรรค์มีจริง ทำอย่างไรจึงจะได้ไปสวรรค์ ?
      ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?
      นรก-สวรรค์
      อานิสงส์ของการฟังธรรม
      ทำทานอย่างไร จึงจะได้ บุญมาก ?
      ทำไมคนจึงต่างกัน ?




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related