ผู้ชี้ชะตาโลกนับแต่โบราณมา มนุษย์เฝ้าเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติเพราะรู้สึกว่า ธรรมชาตินั้นช่างกว้างขวาง ยิ่งใหญ่เหลือคณามิอาจต้านทานได้ จนบางกลุ่มบางหมู่ถึงกับยกให้เป็นเทพเจ้า เช่น พระพิรุณ สุริยเทพ อัคนีเทพ เป็นต้น และว่าเป็นผู้ลิขิตชะตาของมนุษย์และโลก จนเกิดเป็นลัทธิศาสนาเทวนิยมมากมายแต่เมื่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นตรัสรู้ธรรมจึงทรงไขความกระจ่างให้รู้ว่า ตัวตนภายในของมนุษย์นั้นมีความยิ่งใหญ่นัก แท้จริงผู้กำหนดธรรมชาติ กำหนดความเป็นไปของโลก รวมถึงชะตาของมนุษย์ ก็คือ ตัวเรานั่นเอง ดังที่พระองค์ตรัสไว้ใน ธัมมิกสูตร ว่าภิกษุทั้งหลาย ในเวลาที่พระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม แม้พวกข้าราชการก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรมเมื่อข้าราชการไม่ตั้งอยู่ในธรรม แม้พราหมณ์และคหบดีก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรมเมื่อพราหมณ์และคหบดีไม่ตั้งอยู่ในธรรม แม้ชาวนิคมและชาวชนบทก็ไม่ตั้งอยู่ในธรรมเมื่อชาวนิคมและชาวชนบทไม่ตั้งอยู่ในธรรม ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็โคจร(หมุน) ไปไม่สม่ำเสมอเมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ โคจรไปไม่สม่ำเสมอเมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ โคจรไปไม่สม่ำเสมอ หมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปไม่สม่ำเสมอเมื่อหมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปไม่สม่ำเสมอ คืนและวันที่หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอเมื่อคืนและวันที่หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ เดือนหนึ่งและครึ่งเดือนก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอเมื่อเดือนหนึ่งและครึ่งเดือน หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ ฤดูและปีก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอเมื่อฤดูและปีก็หมุนเวียนไปไม่สม่ำเสมอ ลมก็พัดไปไม่สม่ำเสมอ ลมพัดไปผิดทางไม่สม่ำเสมอเมื่อลมพัดไปไม่สม่ำเสมอ ลมพัดไปผิดทางไม่สม่ำเสมอ พวกเทวดาก็ปั่นป่วนเมื่อพวกเทวดาปั่นป่วน ฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาลเมื่อฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็ออกรวงสุกไม่พร้อมกันภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวกล้าที่สุกไม่พร้อมกันย่อมมีอายุน้อย ๑ มีผิวพรรณไม่ดี ๑ มีกำลังไม่ดี ๑ มีความเจ็บป่วยมาก ๑พระราชาผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรมในเวลาที่พระราชาตั้งอยู่ในธรรม แม้พวกข้าราชการก็ตั้งอยู่ในธรรมเมื่อพวกข้าราชการก็ตั้งอยู่ในธรรม แม้พราหมณ์และคหบดีก็ตั้งอยู่ในธรรมเมื่อพราหมณ์และคหบดีก็ตั้งอยู่ในธรรม แม้ชาวนิคมและชาวชนบทก็ตั้งอยู่ในธรรมเมื่อชาวนิคมและชาวชนบทก็ตั้งอยู่ในธรรม ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็โคจรไปสม่ำเสมอเมื่อดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ก็โคจรไปสม่ำเสมอ หมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปสม่ำเสมอเมื่อหมู่ดาวนักษัตรก็โคจรไปสม่ำเสมอ คืนและวันก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอเมื่อคืนและวันหมุนเวียนไปสม่ำเสมอ เดือนหนึ่งและครึ่งเดือนก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอเมื่อเดือนหนึ่งและครึ่งเดือนก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอ ฤดูและปีก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอเมื่อฤดูและปีก็หมุนเวียนไปสม่ำเสมอ ลมพัดไปสม่ำเสมอ พัดไปถูกทางไม่สม่ำเสมอเมื่อลมพัดไปสม่ำเสมอ พัดไปถูกทางไม่สม่ำเสมอ พวกเทวดาก็ไม่ปั่นป่วนเมื่อพวกเทวดาไม่ปั่นป่วน ฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าทั้งหลายก็ออกรวงสุกพร้อมกันหมดภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายบริโภคข้าวกล้าสุกพร้อมกันย่อมมีอายุยืน ๑ มีผิวพรรณผ่องใส ๑ มีกำลัง ๑ มีความเจ็บป่วยน้อย ๑เมื่อฝูงโคข้ามน้ำไป ถ้าโคจ่าฝูงไปคดเคี้ยว โคทั้งฝูงก็ไปคดเคี้ยวตามกันในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดรับแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ ถ้าผู้นั้นประพฤติไม่เป็นธรรมตามไปด้วย ประชาชนชาวเมืองก็จะประพฤติไม่เป็นธรรมด้วย หากพระราชาไม่ตั้งอยู่ในธรรม ชาวเมืองนั้นก็อยู่เป็นทุกข์เมื่อฝูงโคข้ามน้ำไป ถ้าโคจ่าฝูงไปตรง โคทั้งฝูงก็ไปตรงตามกันในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดรับแต่งตั้งให้เป็นใหญ่ ถ้าผู้นั้นประพฤติไม่เป็นธรรมตามไปด้วย ประชาชนชาวเมืองก็จะประพฤติตามไปด้วย หากพระราชาตั้งอยู่ในธรรม ชาวเมืองนั้นก็อยู่เป็นสุขเราคือผู้กำหนดควบคุมชะตาของโลกอย่างแท้จริงสรุปได้ว่า โลกทั้งใบขึ้นอยู่กับใจของเรา ดังนั้นโลกนี้จะเป็นสุขน่าอยู่ หรือเป็นทุกข์ไม่น่าอยู่ ก็อยู่ที่การกระทำของเรา นั่นเองและยิ่งกว่านั้น มนุษยชาติจะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ภายในตนได้ ก็ต่อเมื่อทำจิตให้หยุดนิ่ง จนหลุดพ้นจากกรอบของโลกเข้าสู่ภายในพบกับตัวตนที่แท้จริงที่ใสสว่าง สะอาดบริสุทธิ์เป็นอิสระจากกิเลสอาสวะใดๆ เมื่อนั้นเราจะตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของกายมนุษย์ว่า เราคือผู้กำหนดควบคุมชะตาของโลกอย่างแท้จริง ดังนี้แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า 53 - 57
http://goo.gl/f53p9