ชาดก 500 ชาติ
	
		อัมพชาดก-ชาดกว่าด้วยบัณฑิตควรพยายามร่ำไป
	
	
		
		
	
		พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จนำสาวกออกเผยแผ่พุทธธรรมไปยังแว่นแคว้นต่าง ๆ
	
		  
	
		        ครั้งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปักธงชัยพระพุทธศาสนาขึ้นแล้วนั้น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยงทรงเสด็จนำสงฆ์สาวกออกเผยแผ่พระพุทธธรรมไปทั่วอนุทวีป
	
		เสด็จไปประทับยังพระอารามสำคัญหลากหลายแว่นแคว้นมิได้ย่อท้อต่อความเหนื่อยยากพระวรกาย
		
	
		 
	
	
		 
	
		กุลบุตรหนุ่มตระกูลพราหมณ์ผู้ออกบวชซึ่งมีข้อวัตรปฏิบัติที่ดีงาม
	
		 
	
		        พระอารามเชตวันในนครสาวัตถีก็เป็นศาสนสถานสำคัญแห่งปี มหาวิหารแห่งนี้ได้รับความเคารพสืบต่อมาไม่รู้สิ้น เหตุเพราะเป็นพระอารามที่พระพุทธเจ้า
	
		ประทับอยู่นานที่สุดในพระชนชีพของพระองค์ บุตรชายหลายตระกูลหลายชนชั้นในมหานครสาวัตถีต่างได้รับการอุปสมบท
	
		
		
	
	
		 
	
		ภิกษุหนุ่มดูแลพระอุปัชฌาย์ดุจดูแลบิดามารดาของตนเอง
	
		 
	
		      โดยพระศาสดาและอยู่ปฏิบัติธรรมวินัยร่วมกันเป็นอันดี ครั้งนั้นมีกุลบุตรจากตระกูลพราหมณ์ผู้หนึ่งบวชเป็นภิกษุในพระเชตวันอารามนี้ได้ไม่นานนัก
	
		แต่กลายเป็นเหตุให้กล่าวขานกันไปทั่วพระวิหารและทั่วนครสาวัตถี ว่าท่านเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวัตรปฏิบัติดีเลิศ
		
	
		 
	
	
		 
	
		สาธุชนต่างพากันชื่นชมในข้อวัตรปฏิบัติที่ดีงามของภิกษุหนุ่ม
	
		 
	
		        ภิกษุหนุ่มกระทำอาจาริยวัตรดูแลช่วยเหลือภิกษุอาจารย์และอุปัชฌาย์อย่างดีดุจดูแลบิดา “ บุตรพราหมณ์ผู้นี้ตั้งแต่บวชในพระพุทธศาสนา
		ก็มิได้ละเลยกิจของสงฆ์เลย น่านับถือจริง ๆ ” “ เสียดายนะพี่ที่เราไม่มีลูกชาย เฮ้อ ไม่งั้นคงได้ชื่นใจกับลูกตัวเองบ้างละ ”
		
		
	
	
		 
	
		ภิกษุหนุ่มได้จัดตั้งน้ำดื่ม น้ำใช้ไว้ตามจุดต่างๆ
	
		        
	       นอกจากดูแลอุปัชฌาย์อาจารย์อย่างดีแล้ว ภิกษุท่านนี้ยังจัดการตั้งน้ำดื่ม น้ำอาบ น้ำใช้ไว้อย่างบริบูรณ์ ทั้งในโรงครัวและโรงอุปสมบท ทำให้ภิกษุอื่น ๆ
	ได้รับความสะดวกขึ้นเป็นอันมาก “ อือ แค่นี้น่าจะพอใช้แล้วนะ ” แม้บริเวณโรงเรือนอุบาสกและทางไปสู่พระวิหารท่านก็ยังจัดตั้งน้ำดื่มอันใสเย็นไว้
	
	
		 
	
	
		 
	
		ภายในโรงครัวก็ได้อาศัยน้ำใช้ที่ภิกษุหนุ่มได้จัดไว้บริการ
	
		        
		
	       ให้ผู้มาฟังพระธรรมเทศนาได้ดื่มกิน “ อนุโมทนาในอุทกทานนี้เจ้าค่ะ ” “ เจริญพรโยมหญิง เจริญพร ” “ ชื่นใจจริง ๆ ” ครั้นมีเวลาเหลือจากวัตรปฏิบัติ
	พระภิกษุอันควรเอาเยี่ยงอย่างท่านนี้ยังจัดการปัดกวาดทางเดินสู่พระวิหารจนสะอาดตาอยู่เป็นอาจิณ
	
	
		
		
	
	
		 
	
		ภิกษุหนุ่มได้จัดเติมน้ำไว้ข้างโรงอุปสมบท
	
		 
	
		
			       การประพฤติดีปฏิบัติชอบเหล่านี้จึงเป็นที่ชื่นชมแก่ผู้คนทั่วไป ต่อมาจึงมักมีชาวนครสาวัตถีนำภัตตาหารอันโอชารสมาถวายอยู่เสมอ “ ภัตตาหารนี้
			ดิฉันนำมาถวายเจ้าค่ะ ” “ เจริญพรนะโยมหญิง ” “ วันพรุ่งนี้จะนำภัตตาหารอื่น ๆ มาถวายเพิ่มนะขอรับ ”
			
		
			 
	 
	
	
		
			
				 
			
				ภิกษุหนุ่มได้จัดบริการน้ำดื่มไว้ในเส้นทางที่ไปสู่พระวิหาร
		 
	 
	
		     
	
		        ยิ่งนานวันภัตตาหารที่ชาวบ้านนำมาถวายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น กลายมาเป็นนิตยภัต คือการถวายอาหารนี้เป็นประจำอย่างมากมายและล้วนตั้งใจ
		จัดมาอย่างประณีตบังเกิดความผาสุกอุดมสมบูรณ์แก่พระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมากในเวลาต่อมา
		
	
		 
	
	
		 
	
		ชาวบ้านทั้งหลายต่างพากันอนุโมทนาในการกระทำของภิกษุหนุ่ม
	
		 
	
		        ภิกษุทั้งหลายในพระอารามเชตวันจึงพากันสรรเสริญพระสงฆ์ผู้ทำความดีอย่างกว้างขวาง วันหนึ่งเมื่อมีการยกเรื่องนี้ขึ้นสนทนากันในธรรมศาลาว่า
		ความผาสุกนี้บังเกิดขึ้นเพราะได้ภิกษุใหม่องค์นั้นทำความดีไว้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงปรารภถึงภิกษุหนุ่มผู้ปฏิบัติดีนั้น ตรัสว่า
		
		
	
	
		 
	
		ชาวบ้านทั้งหลายต่างพากันมาถวายภัตตาหารโอชารสแด่ภิกษุหนุ่ม 
	
		       
		
	       “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายมิใช่เพียงบัดนี้ที่เขาเป็นถึงผู้ที่พร้อมด้วยวัตร แม้ชาติปางก่อนก็เคยเลี้ยงดูหมู่ฤาษีด้วยผลาผลแต่ผู้เดียวมาแล้ว ” แล้วพระบรมศาสดา
	ก็ทรงนำเรื่องในอดีตที่เรียกว่าชาดกนั้น แสดงขึ้นไว้ ดังนี้
	
		 
	
	
		 
	
		ภัตตาหารที่ชาวบ้านนำมาถวายภิกษุหนุ่มมากมายจนสามารถแบ่งปันให้กับเหล่าภิกษุสงฆ์ได้อย่างทั่วถึง
	
		       
	       ในนครพาราณสียุคก่อนพุทธกาลนั้น ตระกูตอุทิศจพราหมณ์นับเป็นตระกูลใหญ่ กาลนั้นเมื่อพระโพธิสัตว์มาบังเกิดในตระกูล แล้ว เจริญวัยขึ้น
	แล้วออกบวชเป็นฤาษี พราหมณ์บริวารเกือบทั้งสิ้นทั้งนิคมนั้น ก็ออกบวชติดตามไปสู่เขตป่าเขา
	
		 
	
	
		
		
	
		พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า อัมพชาดก ให้แก่เหล่าภิกษุสงฆ์
	
		      
	       ยึดเอาริมป่าหิมพานต์แยกย้ายกันไปทำศาลาหาเพิงพักเพื่อเจริญวิปัสสนาค้นหาสัจธรรมตามกำลังบุญ โดยมีอุทิศจบุตรเป็นพระดาบสหัวหน้า
	“ อืม วันนี้ช่างสงบเงียบดีจริง เหมาะแก่การนั่งวิปัสสนาดีแท้ ” ในฤดูร้อนคราวหนึ่งป่าหิมพานต์ประสบภัยแล้งอย่างแรง
	
	
		 
	
	
		 
	
		นครพาราณสีในยุคก่อนพุทธกาล
	
		  
	
		       อาหารและน้ำดื่มขาดแคลนเป็นทุรยุค พระดาบสผู้นำฤาษีจึงให้เจริญสติ อย่าละความเพียร “ โอ้ย ทำไมมันถึงแห้งแล้งได้ขนาดนี้นะ หิวน้ำจังเลย คอแห้ง
		เป็นผงแล้ว ” “ ยามนี้เรามีภัย พวกเธออย่าขาดสติ จงรำลึกความเพียรไว้ให้มั่นเถิด
		
		
	
	
		 
	
		อุทิศจดาบสผู้เป็นหัวหน้าของเหล่าดาบสทั้งหลาย
	
		 
	
		        ผลาผลและน้ำดื่มจงประหยัดและก็แบ่งปันกันจะได้พ้นภัยไปพร้อม ๆ กันทั้งหมด อย่าดูดายละทิ้งกันละ ” ฤดูแล้งครั้งนั้นยาวนาน น้ำในลำธารแหล่งดื่มกิน
		ทั้งหมดก็เหือดแห้งลงสิ้น เหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่ก็อดอยากทุรนทุรายน่าเวทนายิ่งนัก
		
		
	
	
		 
	
		อุทิศจดาบสและเหล่าศิษย์ได้พักอาศัยกันอยู่ในป่าหิมพานต์ 
	
		       
		
	       “ หนีไปอยู่ที่อื่นกันเถอะพวกเรา อยู่ที่นี่ไม่ไหวแล้ว กันดารจริง ๆ น้ำสักหยดก็หากันยากเหลือเกิน ” “ อือ ใช่ ใช่ ไปอยู่ที่อื่นกว่า ” ในความทุกข์ยากครั้งนี้
	ยังมีพระฤาษีผู้หนึ่งมองเห็นความทุกข์ของเหล่าสัตว์ในปป่าหิมพานต์ แล้วเกิดเมตตาสงสาร
	
		 
	
	
		 
	
		เหล่าฤาษีทั้งหลายต้องประสบกับฤดูแล้งที่ยาวนาน
	
		 
	
		
			        “ โธ่เอ้ยน่าเวทนาเสียจริง บ่อน้ำดื่มของเราก็อยู่ไกลพวกเจ้านัก อืม เห็นจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วละ ” ฤาษีวัยหนุ่มแม้มีตบะน้อยแต่ความเมตตา
			และสติปัญญาสูง จึงเลือกตัดไม้ต้นหนึ่งมาขุดทำรางใส่น้ำไว้ให้เหล่าสัตว์ป่าได้ดื่มกิน “ รางกว้างยาวเท่านี้น่าจะพอดื่มกินได้ทีละหลายตัว ”
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		สัตว์ป่าทั้งหลายต่างพากันหิวโหยเพราะขาดแหล่งน้ำ
	
		 
	
		
			       เมื่อรางน้ำสำเร็จลงฝูงสัตว์น้อยใหญ่ก็ไม่ขาดแคลนน้ำดื่มกินอีกต่อไป “ เย้ เย้ เย้ เย้ มีน้ำเยอะแยะเลยพวกเรา มากินน้ำกันเร็ว ” “ โอ้ย เย็นชื่นใจจริง ๆ ”
			“ พวกเจ้าก็รีบดื่มสิ จะได้ถึงคิวข้าได้ดื่มบ้าง ” พกสัตว์ป่าวนเวียนกันออกมาดื่มน้ำจนเพียงพอ
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		ฤาษีหนุ่มตนหนึ่งได้มองเห็นความลำบากของสัตว์ทั้งหลายที่ขาดแหล่งน้ำดื่มกิน
	
		 
	
		
			       แล้วก็กลับเข้าป่าใหญ่ให้สัตว์ตัวอื่น ๆ ที่ยังหิวโหยต่อแถวเข้ามาใหม่ตลอดทั้งวัน “ มาเถอะลูก ปล่อยให้น้า ๆ อา ๆ ตัวอื่นเขาได้ดื่มน้ำกันบ้าง ” กุศลเจตนา
			ในครั้งนี้ทำให้พระดาบสผู้ใจบุญต้องเหน็ดเหนื่อยตลอดวันเช่นกัน “ หา หมดอีกแล้วเหรอ ดื่มกันเร็วจริง ๆ ตักมาเติมไม่ทันแล้วนะเนี่ย
			
		
			 
	 
	
	
		 
	
		ฤาษีหนุ่มตัดไม้มาทำเป็นรางสำหรับใส่น้ำให้กับพวกสัตว์ป่า
	
		
			        โธ่พวกเจ้าอดน้ำกันมามากมายขนาดนี้เชียวหรือนี้ เติมรอบนี้แล้วต้องพักสะหน่อยแล้ว ชักเมื่อยเหมือนกัน ” “ มาแล้ว ๆ น้ำใหม่มาแล้ว ถังใหม่มาแล้ว
			นึกว่าจะอดกินสะแล้ว ” พระดาบสแม้ยังไม่แก่ชรานักแต่เมื่อตักน้ำเลี้ยงฝูงสัตว์ทั้งวันก็อ่อนล้า
	 
	
		
 
	
		
			
				
					
						
							
								
									
										
											
												
													
														
															
																
																	
																		
																			
																				
																					
																						
																							
																								 
																							
																								พวกสัตว์ป่าพากันออกมากินน้ำในรางที่ฤาษีหนุ่มทำไว้
																							
																								
																									       ทั้งต้องมาอดอาหารทั้งวันเพราะไม่มีเวลาไปเสาะหาผลไม้ดั่งเคย เพียงสองสามวันท่านก็กลับเป็นฝ่ายน่าเวทนาเสียเอง “เหนื่อยจัง ไม่มีแรงสะแล้วสิ ”
																									“ อือ น่าสงสารท่านฤาษีจัง ” “ อือ นั้นนะสิ ดูท่านอ่อนล้าเหลือเกิน ดูสิ ซูบผอมไปตั้งเยอะ ”
																							 
																							
																							
																								 
																							
																								ฤาษีหนุ่มตักน้ำมาเติมในรางจนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน
																							
																								
																									      แต่ด้วยมานะและความตั้งใจปฏิบัติความดี เมื่อมีเรี่ยวแรงขึ้น พระดาบสก็ลงมือตักน้ำจากบ่อหลังอาศรมมาเติมไว้มิให้สัตว์ทั้งหลายต้องกระหายรอนาน
																									“ ฮึบ ทำไมเที่ยวนี้หนักว่าทุกทีเลย โอ้ย ” เมื่อพระดาบสตั้งใจทำดีเช่นนี้ เหล่าสัตว์ทั้งหลายมองเห็นความลำบากของท่านอยู่ ก็มิได้นิ่งดูดาย
																									
																							 
																							
																							
																								 
																							
																								ฤาษีหนุ่มอ่อนล้าเพราะตักน้ำให้พวกสัตว์ได้ดื่มกินตลอดทั้งวัน
																							
																								
																									      “ อืม สงสารท่านจริง ๆ เลย แต่จะไม่ดื่มน้ำก็ไม่ได้ ทำยังไงดีหนอ ” ทั้งสัตว์ใหญ่สัตว์น้อยในป่าพากันประชุมด้วยความกตัญญูกตเวทิตาต่อดาบส “ พระฤาษี
																									อดอยากเพราะให้น้ำดื่มแก่พวกเรา เราควรช่วยเหลือท่านตอบแทนนะ ” “ใช่ ใช่ ใช่ ท่านต้องมาตักน้ำให้เราตลอดเวลา จะได้ทานอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”
																									
																							 
																							
																							
																								 
																							
																								บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ปรึกษากันว่าจะนำผลไม้ในป่าออกไปฝากฤาษีหนุ่มในทุกๆ วัน
																							
																								
																									       “ นึกออกแล้ว ต่อไปนี้ถ้าใครไปดื่มน้ำ ต้องนำผลไม้ไปถวายท่านด้วย ตามกำลังของตน อย่าให้ท่านลำบากเพราะเมตตาต่อเราเลย ” “ ดีเลย ข้าเห็นด้วย
																									แต่เอ้ เราจะเอาอะไรไปถวายดีนะ เอามะม่วงนี้ดีกว่า ตอนนี้กำลังสุกน่ากินพอดีเลย ”
																							 
																							
																							
																								 
																							
																								สัตว์ทั้งหลายคาบผักและผลไม้มาฝากฤาษีหนุ่ม
																							
																								
																									      ตั้งแต่นั้นมาสัตว์ทุก ๆ ตัวก็คาบเอาผลไม้หลากหลายพันธ์ตามกำลังร่างกายตนออกจากป่าใหญ่มาสู่อาศรมที่พักของเหล่าฤาษี “ ข้าได้ฟักลูกโตมา พวกเจ้า
																									เอาอะไรมาบ้าง ” “ ข้ามีมะม่วงมา ” “ โอ้ย เจ้าลิงนี่ขี้เลียนแบบจริง ๆ เอามะม่วงมาเหมือนข้าเชียวนะ คิดก่อนแท้ ๆ นะเนี่ย ”
																							 
																							
																							
																								 
																							
																								กองผลไม้ที่สัตว์ป่าคาบมาฝากดาบสหนุ่มมากมายประมาณ ๒ เกวียนครึ่งในทุก ๆ วัน
																							
																								 
																							
																								      “ ของข้าก็มีมาเหมือนกัน หว้าน หวาน เมื่อกี้แอบชิมมานิดหน่อย ” ครั้นพวกสัตว์พากันมาถึง ก็วางผลาผลรสดีต่าง ๆ กองไว้ข้างรางใส่น้ำทุก ๆ วัน เมื่อสัตว์
																								ทุกตัวประพฤติดีตอบแทนคุณฤาษีดังนี้ กองผลไม้สำหรับดาบสฉันเพียงผู้เดียวจึงมากมายได้ประมาณ ๒ เกวียนครึ่งทุกวันไป
																								
																							
																								 
																							
																							
																								 
																							
																								บรรดาฤาษีทั้งหลายมีผลไม้ฉันกันถ้วนหน้าโดยไม้ต้องเข้าป่าไปหาด้วยตนเอง
																							
																								 
																							
																								      “ โอ้ย  ๆ ๆ คาบมาอย่างนี้ก็เมื่อยปากเหมือนกัน ท่านฤาษีตักน้ำมาให้เราก็คงทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยเหมือนกันแหละ ” “ เจี๊ยก ๆ ๆ ดีจัง ข้าไม่ต้องคาบ
																								มาเหมือนเจ้า เอามืออุ้มมาได้ แต่ก็เมื่อยเหมือนกันแหะ ” เมื่อผลไม้ที่เหล่าสัตว์ป่านำมาถวายมากมาย พระดาบสทั้งหมดก็พลอยได้ฉันผลไม้นั้น
																								กันถ้วนหน้า โดยไม่ต้องลำบากออกไปเสาะหาดั่งแต่ก่อน
																								
																							
																							
																							
																								 
																							
																								อุทิศจดาบสได้กล่าวชมเชยความดีงามของฤาษีหนุ่มต่อเหล่าฤาษีทั้งหลาย
																							
																								 
																							
																								       “ สัตว์พวกนี้ช่างมีน้ำใจจริง ๆ ” “ เราก็พลอยสบายไปด้วยเลย ผลไม้น่ากินทั้งนั้นเลยนะเนี่ย ” “ เราขอกล้วยหวีนั้นนะท่าน เหลืองสุกงอมน่ากินแท้ ”
																								อุทิศจดาบสเห็นดังนี้ก็ชมเชยวัตรปฏิบัติของดาบสผู้เมตตาให้น้ำสัตว์ต่อพระฤาษีทั้งมวลไว้ในกาลนั้นว่า “ บุรุษผู้เป็นบัณฑิตควรพยายามไม่เบื่อหน่าย
																								จงดูผลแห่งความพยายาม คือผลมะม่วงทั้งหมดที่บริโภคอยู่นั้นก็มิใช่ของที่มีมาได้เองเลย ” 
																							
																								
																								
																							
																								 
																							
																								
																									
																										ในยุคพุทธกาลต่อมา
																									
																										ปวงสัตว์ในป่าหิมพานต์ กำเนิดเป็นพุทธบริษัท
																									
																										พระดาบสผู้ปฏิบัติดี กำเนิดเป็น ภิกษุผู้งามในวัตร