ข้อความต้นฉบับในหน้า
แด่คุณครูด้วยดวงใจ
ทตฺตชีโว ภิกขุ
แด่คุณครูด้วยดวงใจ โดย พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตตชีโว)
คุณครูทั้งหลาย อาตมามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้โอกาสฝากธรรมะเป็นของขวัญแด่ทุกท่าน ซึ่งเป็นบุคคลประเภท
ที่สังคมทั่วไปจัดให้อยู่ในฐานะ แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติ ในวาระนี้ แม่พิมพ์พ่อพิมพ์ของชาติตามที่กล่าวนี้เป็น
คำกลาง ๆ ไม่ได้หมายความว่า เป็นแบบพิมพ์ที่ดีหรือไม่ดีเอาไว้ด้วย ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ได้ยินคำว่า "แด่คุณครู
ด้วยดวงใจ" ควบคู่ไปกับคำว่า "แด่คุณครูด้วยคมแฝก" เป็นแน่ มิหนำซ้ำ บางครั้งยังได้ยินคำจำกัดความของ
คำว่า "ครู" ในแนวแปลกๆอีกว่า "ครูคือเรือจ้าง" ซึ่งรู้กันเป็นนัยว่า คำในวงเล็บที่ต่อท้ายคือ "เมื่อส่งผู้โดยสาร
ขึ้นฝั่งแล้วเขาก็ถีบหัวส่ง"
ทำไม.. คนเป็นครูซึ่งโบราณเคยยกย่องไว้อย่างสูงส่ง ถึงขนาดเป็นที่สองรองจากพ่อแม่ จึงลดความสำคัญ
ลงมาได้ถึงขนาดนี้
ในสมัยพุทธกาลมีเรื่องเล่าว่า
พระเถระรูปหนึ่งมีความรู้แตกฉานมาก สอนลูกศิษย์ลูกหา จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ไป เป็นจำนวนไม่น้อย
แต่ตัวท่านเองกลับไม่ได้บรรลุมรรคผลอันใดเลย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อทรงพบท่านครั้งใด ก็ไม่ทรงสนทนา
ธรรมด้วย อย่างดีก็ทักท่านเพียงสั้นๆว่า "อ้อ...ท่านใบลานเปล่ามาแล้ว" ท่านถูกเรียกว่า พระใบลานเปล่า เพราะ
ดีแต่สอนคนอื่น หลาย ๆ ครั้งเข้า ก็รู้สึกอับอายขายหน้ามาก ต้องลดทิฐิมานะ ไปกราบไหว้อ้อนวอน ขอให้
สามเณรน้อย ซึ่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว เป็นครูสอนวิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุอรหัตผลให้ แม้ต้องลงไปลอยคอรับ
คำแนะนำสั่งสอนอยู่ในน้ำก็ต้องยอม
เรื่องนี้ คงทำให้คุณครูทั้งหลายฉุกคิดย้อนกลับมาพิจารณาตัวเองว่า ขณะนี้เราได้กลายเป็นเรือจ้าง หรือ
ท่านใบลานเปล่าไปแล้วหรือยัง ก่อนอื่น อาตมาใคร่ขอให้เราลองนึกย้อนหลังไปถึง สมัยที่ยังเป็นนักเรียนตัวเล็กๆ
อยู่ชั้นอนุบาล แล้วได้เลื่อนชั้นเรื่อยมาตามลำดับ ถึงชั้นประถมมัธยม จนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย นึกนับจำนวน
ครู อาจารย์ ทุกท่านที่เคยสอนเรามา ใครที่เคยไปเรียนต่างประเทศ ก็นึกนับอาจารย์ชาวต่างประเทศ รวมเข้า
ไปด้วย ถ้านับได้ครบถ้วนจริง ๆ ไม่มีตกหล่นจะพบว่า เราแต่ละคนเคยมีครูบาอาจารย์ มานับเป็นร้อยหรือกว่า
นั้น ยิ่งถ้าเรียนในระดับปริญญาสูง ๆ ขึ้นไป อาจจะมีครูบาอาจารย์กันถึง 200-300 คน เสียด้วยซ้ำ แต่คนส่วน
มากนึกถึงท่านได้ทันที เพียง 3-5 ท่านเท่านั้น มีครูนับเป็นร้อยที่สอบตกจากใจของลูกศิษย์
เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า ทำไมเราจึงหลงลืมบางท่านไปเสีย ทั้ง ๆ ที่ท่านมีพระคุณ ให้ความรู้เรามา ตั้ง
แต่เล็กจนโต ทำไมครูบาอาจารย์นับร้อยเหล่านั้น จึงเหลือติดอยู่ในความทรงจำของเรา เพียงไม่กี่คน และใน
จำนวนไม่กี่คน ที่นึกออกนั้น
มีอาจารย์ท่านใด ที่เราซาบซึ้งจริงจัง ในพระคุณของท่าน ถึงขนาดจำเรื่องราวเกี่ยวกับท่านได้ทั้งหมด วัน
เกิดของท่าน เราก็จำได้ และไปกราบอวยพรท่านทุกครั้ง ถึงวันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันครู ก็ไปเยี่ยมท่านไม่
มีเว้น หมั่นซักไซร้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ อนาทรร้อนใจในความเจ็บไข้ได้ป่วยของท่าน อย่างจริงจัง เมื่อถึงคราว
จะนำความรู้ที่ท่านสั่งสอนให้ไปใช้ ก็นึกบูชาคุณท่าน แล้วก็ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา อย่างระมัดระวัง ให้เกิดประโยชน์
เต็มที่ คำนึงอยู่เสมอว่า ถึงอย่างไร ๆ ก็จะไม่ยอมให้ผิดพลาด เสียชื่อเสียงไปถึงท่าน เป็นอันขาด ครูบาอาจารย์
เช่นนี้ มีในหัวใจเราบ้างหรือไม่ ถ้าไม่มีเลย ท่านสอบตกจากใจเราทั้งหมด ก็เป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะแม้ตัวเรา
ๆ
- 3-