ข้อความต้นฉบับในหน้า
ร.ร.ช่างฝีมือทหาร ร.ร. ตำรวจนครบาล และลูก
เสือ หลายคนที่เขามาแล้วเขาชอบ ก็เลยมาบ่อย ๆ
ทุกอาทิตย์ ส่วนอาสาสมัครระดับมหาวิทยาลัยก็จะ
มีน้อง ๆ จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ แล้วที่
หลวงพี่ไปตามมาในยุคนั้น มาถึงตอนนี้ก็ยังช่วยอยู่
จราจรนะ
หลวงพี่มารับบุญนานไหมคะ จึงมีเป้าหมาย
ที่จะเข้ามาอยู่วัด มาช่วยงานวัด
พออบรมธรรมทายาทรุ่น 11 เสร็จก็มีมโน
ปณิธานในการสร้างบารมี ตั้งใจว่าจะกลับมาบวช
อีก เพราะปฏิบัติธรรมแล้วมีความสุขมาก จนบอก
กับตัวเองว่า "ตัวเราเกิดมาจนอายุ 19 ปีกว่า ไม่มี
12 V-PEACE
วันไหนในชีวิตที่จะมีความสุขเท่ากับการปฏิบัติธรรม
ครั้งนี้เลย” เมื่อสิ้นสุดโครงการลาสิกขากลับไปก็
รักษาศีล 5 ทานข้าวเย็นอยู่ ๕ วัน ก็รู้สึกว่าแปลกๆ
ไม่คุ้น คำของหลวงพ่อทัตตะที่ท่านสั่งไว้ก่อนลา
สิกขาออกไปว่า "ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็รักษาศีล ๘ นะ
ลูก” ดังอยู่ในใจ ชัดมาก หลวงพี่จึงบอกตัวเองว่า
รักษาศีล ๘ นี่แหละดีที่สุด จากนั้นก็รักษาศีล ๘
เลย ด้วยเป้าหมายที่คิดอยากกลับไปบวชอีก รักใน
การสร้างบารมี พอเรียนไประยะหนึ่งก็มีความรู้สึก
ว่าเรียนไปก็งั้น ๆ ไม่มีอะไรดีเท่ากับสมาธิ รู้สึก
เบื่อมากข้างนอกน่าเบื่อมาก ก็เลยทำเรื่องลาออก
จากคณะสัตวแพทย์พร้อมกับหลวงพี่สุรัตน์ ซึ่งท่าน
อยู่ปีที่ 4 ส่วนหลวงพี่อยู่ปีที่ 5 ที่จริงอีก 1 ปี ก็จะ
จบหลักสูตรแล้ว จึงเป็น 2 นักศึกษา คู่แรกที่ทำ
เรื่องขอจบ ได้ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิตแล้ว
มาเป็นอุบาสกช่วยงานวัด รุ่นหลัง ๆ ก็มีน้อง ๆ
เดินตามหลวงพี่มาเหมือนกันนะ
เคยคิดไหมคะ ว่าวันหนึ่งจะต้องมาอุปัฏฐาก
ครูบาอาจารย์
แปลกนะ ไม่เคยคิด เมื่อก่อนเข้าวัดคิด
อย่างเดียวคือจะมานั่งสมาธิ เพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย
คิดว่าถ้าอยู่ข้างนอกก็อาจจะไปมีครอบครัว มาอยู่
วัดดีกว่า ได้ฝึกตัวเองได้ฝึกสมาธิอย่างน้อยก็ยังไป
ช่วยพ่อแม่ให้ไปสวรรค์ได้อย่างเช่นคุณยายฯ แล้ว
ก็อยากจะบวช คิดแค่นี้แหละ ไม่เคยคิดถึงเรื่อง
อุปัฏฐากเลย เหมือนมันไกลเกินเอื้อมสำหรับเรา
หลวงพี่เข้ามาอุปัฏฐากหลวงพ่อได้ยังไงคะ
ตอนนั้น หลวงพ่อปฏิบัติธรรมอยู่บนดอย
สุเทพ พี่ถาวรเป็นอุปัฏฐาก หลวงพ่อคงจะให้ไป
ทำงานพิเศษอะไรสักอย่าง ตำแหน่งอุปัฏฐากจึง