ข้อความต้นฉบับในหน้า
รู้ทัน วิ บ า ก ก ร ร ม
๑๑
ทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ ทุกข์จากปัญหาเศรษฐกิจ ทุกข์จากปัญหาครอบครัว และทุกข์จาก
ปัญหาสังคม ดังมีกล่าวไว้ในพาลบัณฑิตสูตร" มีใจความสำคัญว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงลักษณะของคนพาล ๓ ประการ คือ ชอบคิดแต่เรื่องชั่ว
ชอบพูดแต่เรื่องชั่ว ชอบทำแต่เรื่องชั่ว คนพาลจึงได้รับทุกข์โทมนัส ๓ ประการ ในปัจจุบัน คือ
๑. ย่อมหวาดระแวง เมื่อได้ยินชนทั้งหลายกล่าวถึงการทำความชั่วของคนพาล
๒. หากพระราชาจับได้ ก็จะถูกทัณฑ์ทรมาน จองจำ ตามอาญาแผ่นดิน
๓.
เมื่อถึงวาระสุดท้าย คนพาลย่อมถูกกรรมนิมิตที่เป็นบาปอกุศลที่ตนเคยกระทำ
มาครอบงำ เปรียบเหมือนเงาของยอดภูเขาใหญ่บดบัง ครอบคลุมแผ่นดินใหญ่ ในเวลาเย็น
คนพาลย่อมเศร้าโศกมีจิตใจเศร้าหมองเพราะเห็นแต่กรรมชั่วที่ตนเคยทำไว้มาปรากฏ
หลังจากตายไป คนพาลย่อมไปเกิดในอบาย แหล่งเสื่อม) ทุคติ(ทางไปอันชั่วร้าย)
วินิบาต(แหล่งตกต่ำ) นรก(แหล่งที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน) หรือไปเกิดในภูมิของสัตว์ดิรัจฉาน
คนพาลที่พลัดไปเกิดในอบายแล้วจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็แสนจะยาก อุปมาเต่า
ตาบอดในมหาสมุทรใหญ่ เวลาล่วงไป ๑๐๐ ปี มันจะโผล่ขึ้นมาครั้งหนึ่ง บนผิวน้ำมีห่วงที่
ลอยไปตามแรงลมที่พัดไปมา โอกาสที่เต่าตาบอดโผล่ขึ้นมาแล้ว จะสอดคอเข้าไปในห่วงนั้น
ยากยิ่ง
พระบรมศาสดาตรัสว่า การที่เต่าตาบอดจึงสอดคอเข้าไปในห่วงนั้นยังเร็วกว่า
คนพาลผู้ไปสู่อบายแล้วจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์
หากคนพาลได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดในตระกูลต่ำ ตระกูลยากจน ฝืดเคือง
ด้วยปัจจัย ๔ ที่ใช้ในการดำรงชีวิต มีผิวพรรณหม่นหมอง ไม่น่าดู ต่ำเตี้ย มีความเจ็บป่วย
มาก มีโรคมาก ตาบอด เป็นง่อย เป็นคนกระจอก ไม่มีเครื่องอุปโภค บริโภค หากยัง
* พาลบัณฑิตสูตร ม.อุ.มก. ๒๓/๔๖๘/๑๔๗
www.kalyanamitra.org