ข้อความต้นฉบับในหน้า
“รวยเรื้อรัง” หรือ “รวยถาวร” ไปทุกภพทุกชาติ สิ่งนั้นก็คือ บุญ
บุญ คือ สิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นในจิตใจเราแล้ว ทำให้เรารู้สึกมี
ความสุข สงบ ชุ่มชื่น ผ่อนคลาย และเมื่อบุญเกิดขึ้น บุญจะไป
ทำหน้าที่ปรุงแต่งใจของเราให้มีคุณภาพ มีพลัง ผู้ที่ฝึกสมาธิจน
เข้าถึงธรรมกายและฝึกจนชำนาญแล้ว จะสามารถมองเห็นบุญได้
คนทั่วไปแม้จะมองไม่เห็น “บุญ” แต่ก็สามารถรับรู้ผลของบุญได้
เหมือนกับ “ไฟฟ้า” แม้เรามองไม่เห็นตัวไฟฟ้า แต่เราสามารถรับรู้
อาการของไฟฟ้าได้ เช่น เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอดไฟแล้ว
เกิดแสงสว่าง บุญที่เกิดขึ้นนี้ยังสามารถสะสมเก็บไว้ได้ ติดตาม
ตัวเราไปได้ แม้จะเกิดข้ามภพข้ามชาติ ใครทําใครได้ โจรก็ลักขโมย
ของเราไปไม่ได้ บุญจึงเปรียบเหมือน “วัคซีนป้องกันโรคกรรม”
ให้กับเรา ป้องกันข้ามชาติ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์
ขนนกยูง เคยสอนไว้ว่า
บุญเป็นของกลาง ต้องทำเอง ใครตักตวงได้มากเท่าไร ก็
เป็นบุญของคนนั้น
เราต้องสร้างบุญให้มาก ใครก็ล้มไม่ลง แม้จะเป็นคนมี
อำนาจ หรือร่ำรวยก็ตาม พอเวลาหมดบุญแล้ว ใครโจมตีก็ล้มลงได้
ถ้ายังมีบุญอยู่ ใครจะทำอย่างไรก็ล้มไม่ลง
คนเราเวลามีบุญอยู่ ทุกอย่างก็รุ่งเรืองดีไปหมด จับอะไรก็
ก้าวหน้า แต่เวลาหมดบุญ ทุกอย่างก็หมด อับจน ตกต่ำาไปหมด
สรุปว่า บุญ คือ ตัวแปรสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสุข ความ
สำเร็จในชีวิตของพวกเราทุกคน ดังนั้นเราต้องหมั่นสั่งสมบุญไว้ให้
มาก โดยเฉพาะบุญใหญ่ๆ เช่น กฐินทาน บุญที่ทำน้อยแต่ได้ผลมาก
มหาเศรษฐีทุกคนบนโลกต้องเคยทำบุญแบบนี้มาก่อนทั้งสิ้น
ก้าวที่ ๓ : เรียนรู้วิธีการเติมบุญแบบ
“ครอบคลุม” ง่ายๆ ทำได้เลย
จริงๆ แล้ว ในการดำเนินชีวิต เราใช้บุญเก่าไปทุกวัน เราจึง
จำเป็นต้องเติมบุญใหม่ทุกวันเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยในชีวิต
และทรัพย์สินของเรา เหมือนเราถอนเงินมาใช้ทุกวันแต่ไม่เคยฝาก
เพิ่มเลย นั่นหมายความว่า ความมั่นคงในชีวิตของเราน้อยลงๆ
เช่นกัน
บุญทำง่ายมาก เพราะการทำความดีทุกอย่างล้วนได้ผล
ออกมาเป็นบุญทั้งสิ้น เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปปฏิบัติ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแบ่งวิธีทำบุญออกเป็น ๑๐ วิธี เรียกว่า
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ คือ
๑. ทานมัย คือ บุญที่เกิดจากบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้อื่น
๒. สีลมัย คือ บุญที่เกิดจากรักษาศีล (การสำรวม กาย วาจา
ใจ ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น)
๓. ภาวนามัย คือ บุญที่เกิดจากการสวดมนต์ทำสมาธิ
อ่านหนังสือธรรมะ