ข้อความต้นฉบับในหน้า
๔. อปจายนมัย คือ บุญที่เกิดจากการมีความเคารพ อ่อนน้อม
๕. เวยยาวัจจมัย คือ บุญที่เกิดจากการช่วยเหลือขวนขวาย
ในการงานที่ถูกที่ควร
5. ปัตติทานมัย คือ บุญที่เกิดจากอุทิศส่วนบุญ
๗. ปัตตานุโมทนามัย คือ บุญที่เกิดจากการอนุโมทนา ในการ
ทำบุญกุศล หรือการทำความดีของผู้อื่น
๔. ธัมมัสสวนมัย คือ บุญที่เกิดจากการฟังธรรม
๔. ธัมมเทสนามัย คือ บุญที่เกิดจากการแสดงธรรม
๑๐. ทิฏฐชุกัมม์ คือ บุญที่เกิดจากการทำความเห็นให้ถูกต้อง
ดีงาม ตรงตามความเป็นจริง
ทั้ง ๑๐ ประการนี้ สรุปได้เป็น บุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ
• ทาน คือ ให้หมั่นทำบุญอย่างเต็มที่เต็มกำลัง
• ศีล คือ การป้องกันตนไม่ให้ทำชั่ว
• ภาวนา คือ หมั่นนั่งสมาธิเจริญภาวนาให้มากๆ
นั่งให้เข้าถึงพระธรรมกายภายในได้ยิ่งดี
ก้าวที่ ๔ : ฉลาดในการท่า “ทาน”
แบบได้บุญเต็ม 900%
มาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องเคยทำบุญมาแล้วทั้งนั้น
เราลองมาดูกันว่า ที่ผ่านมาเราทำบุญถูกต้องตามที่พระพุทธองค์
ตรัสไว้หรือเปล่า เพื่อให้มั่นใจว่า “บุญ” ที่เราได้ทำนั้น เราได้รับ
๖
แบบ ๑๐๐ % เต็ม
การทําทานให้ได้บุญมาก ต้องพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ
๑. วัตถุบริสุทธิ์ คือ ของที่จะให้ทานต้องเป็นของที่ตนได้มา
โดยสุจริต ชอบธรรม ไม่ได้คดโกง หรือเบียดเบียนใครมา ให้ทาน
ด้วยน้ำพริกผักต้มที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ ได้กุศลมากกว่าให้อาหาร
โต๊ะจีนราคาตั้งพันด้วยเงินทองที่ได้มาโดยไม่บริสุทธิ์
๒. เจตนาบริสุทธิ์ คือ มีเจตนาทำเพื่อเอาบุญ ไม่ใช่เอาหน้า
เอาชื่อเสียง ความเด่น ความดัง ความรัก คือจะต้องมีเจตนา
บริสุทธิ์ทั้ง
๓ ขณะ คือ
• ก่อนให้ ก็มีใจเลื่อมใส ศรัทธา เต็มใจที่จะทำบุญนั้น
• ขณะให้ ก็ตั้งใจให้ให้ด้วยใจยินดี ปีติเบิกบาน
• หลังจากให้ ก็มีใจแช่มชื่น ไม่นึกเสียดายสิ่งที่ให้ไปแล้ว
๓.
บุคคลบริสุทธิ์ คือ เลือกให้แก่ผู้รับที่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์
มีความสงบเรียบร้อย ตั้งใจประพฤติธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงสอนว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก แต่ถึงกระนั้นก็ทรง
สอนให้เลือก ถ้าจะนิมนต์พระภิกษุเฉพาะเจาะจง ก็ให้นิมนต์พระ
ที่เคร่งครัดในสิกขาวินัย น่าเลื่อมใส ถ้าจะนิมนต์พระไม่เฉพาะ
เจาะจง ให้สมภารจัดให้ ก็เลือกนิมนต์จากหมู่สงฆ์ที่ประพฤติสิกขา
วินัยเคร่งครัด สำหรับผู้ให้ทานคือตัวเราเอง ก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์
จึงจะได้บุญมาก จะเห็นว่าทุกครั้งที่เราจะถวายสังฆทาน พระท่าน
จะให้อาราธนาศีลก่อน เพื่อว่าอย่างน้อยในขณะนั้นเรายังมีศีล ๕ ครบ
๗