บทสรุปเกี่ยวกับการใช้ฤกษ์ดีและคุณธรรมในการดำเนินชีวิต วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน มกราคม พ.ศ.2557 หน้า 87
หน้าที่ 87 / 120

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอวิธีการเลือกวันและฤกษ์ดีในการดำเนินชีวิต พร้อมแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนำหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ อีกทั้งย้ำถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตในปัจจุบันและการไม่ยึดติดกับอดีตหรืออนาคต เพื่อให้มีความสุขในทุกๆ วัน โดยระบุว่าความสำเร็จนั้นมีอยู่ในความพยายามและความมานะของเรา

หัวข้อประเด็น

-การเลือกฤกษ์ดี
-หลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-การใช้ชีวิตในปัจจุบัน
-ความสำคัญของความพยายาม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

Here's the extracted text from the image: สรุปแล้วเลือกได้เดือนกันยายน ฝนหยุดแล้ว อากาศก็เย็นสบาย พอได้เดือนแล้วก็มาเลือกวันต้องเอาน้องอาทิตย์ เพราะสะดวกที่สุด แล้วจะเอาน้องขึ้นเดือนหรือปลายเดือนดี ต้องเป็นอาทิตย์ต้นเดือน แล้วเวลาจิกดูก็ ถ้อตี ๙ ไม่มีคนมา ควรเริ่มสัก ๙.๓๐ น. สวดมนต์ นั่งสมาธิทานข้าวเสร็จแล้ว บ่ายก็ทำพิธีช่วงศิลาฯกัน ลำบ่ายสามโมงครึ่งถึงก็เดินทางกลับสบาย ๆ เพราะฉะนั้นก็ได้เวลากลางคือลูกๆตอนบ่าย นี่คือม่ามของกฤษณะพระพุทธเจ้า ที่ผู้เชี่ยวชาญเขาบอกว่าเยี่ยมที่สุด นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง เมื่อทำตามกฤษณ์แล้วยังไม่สำเร็จ มีวิธีฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ อย่างไรบ้าง? ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ความอยากเดียว ไม่ได้อยู่ที่มีฤกษ์ดีแล้วสำเร็จ แต่อยู่ที่คุณมีคุณธรรมในตัวเพียงพอหรือเปล่า ถ้าฝากดวงแล้ว ถือกฤษพระพุทธเจ้าด้วย แต่ก็เกียร จะสำเร็จได้อย่างไร ฤกษ์เป็นเพียงจุดเริ่มต้น หลังจากนั้นต้องดำเนินชีวิตด้วยหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทำเรื่องอะไรก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องในเรื่องนั้น ๆ เช่น ทำตามกฤษฎีกฐบ้านใหม่แล้ว สมาชิกรอบครัวจะต้องถือหลักธรรม คือ สังฆวาท คำนี้ใจเอื้อเพื่อกัน หรือถ้าเป็นกฤษ๙ในสร้างที่ทำงานสมาชิกรต้องอาศัยหลักอธิษฐาน ๔ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิญญาณา เพื่อให้งานสำเร็จ คือเอาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหลักปฏิบัติ อย่างนี้ความสำเร็จจะเกิดขึ้น มีข้อคิดอะไรบ้างที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่บ้าง? มีพูดพลางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยากฝากไว้คือ “บุคคลไมควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้วไม่ควรมุ่งหวังสิ่งยังไม่มา ถึงใจล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอนาคตไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็คนใดใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่จนแน่น ไม่คลอนแคลนในธรรมมัน ๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมมันเรื่อย ๆ ให้โปร่งใส Pĩกจิตใจ พิจารณาเพื่อให้เกิดสุขในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันรุ่ง เพราะว่าความผิดเพี้ยนกับมิจฉารู้บ้างไหมนั้น ยอมไม่มีกา้เท่่หลาย’’ สรุปคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไปแล้ว ที่ยังมาไม่ถึง ก็ยังมาไม่ถึง อย่าไปเสียเวลาถนอมมันจนเป็นเป้า ที่สำคัญคือปัจจุบัน พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ เพราะพรุ่งนี้ไม่รู้จะอยู่หรือเปล่า บางคนอาจมีแต่ความลำบาก จะลำเหล่าอีกครั้งมานะ ย่อมไม่มีแก่ใครทั้งหลาย” สรุปคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ สิ่งที่น่าไปแล้ว ก็ผ่านไปแล้ว ที่ยังมาไม่ถึง ก็ยังมาไม่ถึง อย่าไปเสียเวลากับมันจนเกินไป ที่สำคัญคือปัจจุบัน พึงทำความเพียรเสียในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ไม่รู้จะอยู่หรือเปล่า บางคนอาจมีแต่ความลำบาก จะลำเหล่าอีกครั้งมานะ หากไม่เคารพพระพุทธเจ้าไหม? ไม่ได้เป็น ท่านไม่ค่ำ่นั่นคือความลำเหล่า ท่านคิดว่าแต่ละชาติคิดการส่งความสำเร็จ อยู่ในกระบวนการสู่ความสำเร็จ ตัวเองประกอบความเพียรไป ๓ เดือน ๑ ปี ๓ ปี หรือ ๑๐ ปี ก็ตาม ถ้าลำเหลวอย่าพึ่งทอดตอลยอยาก อย่าพึ่งยอมแพ้ ให้องพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแบบอย่าง แล้วคิดว่านั่นคือกระบวนการส่งสมประสบการณ์ ส่งสมความรู้ความสามารถของเรา เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ แล้วเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง ถ้ากำลังใจไม่สิ้นสุด สุดท้ายความสำเร็จจะเป็นของพวกเรา ทุก ๆ คน.
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More